ระยะหลังๆนี้ก็อาจจะมีข่าวที่เกี่ยวกับการกระตุ้น เศรษฐกิจประเทศไทย มาตลอดไม่ว่าจะเป็นโครงการบ้านเสริมสุข หรือรวมไปถึงโครงการต่างๆที่ช่วยเหลือประชาชนในการลดหย่อนภาษีหรือกู้หนี้ยืมสินต่างๆ แน่นอนว่าเมื่อกิดข่าวหรือโครงการต่างๆแบบนี้ แปลว่าประเทศไทยกำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนที่สำคัญแน่นอนหรือประเทศไทยกำลังผลักดันให้เกิดการใช้เงินภายในประเทศเกิดขึ้นเพื่อที่จะไม่ให้เศรษฐกิจฝืดเคือง
การที่ประเทศไทยเลือกที่จะใช้มาตรการต่างๆเหล่านี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอยากยกระดับคนทั่วไปให้มีบ้านอยู่ อย่างเช่นโครงการบ้านเสริมสุขที่ประชาชนทั่วไปที่มีรายได้ที่ต่ำก็สามารถมีบ้านหลังแรกได้เป็นของตัวเองอีกทั้งการจ่ายเงินค่างวดนั้น ก็จ่ายเท่ากับค่าเช่าห้องพักเดิมที่เคยอยู่หรืออาจจะจ่ายมากขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย การจ่ายเงินที่เท่ากันแต่ผลลัพธ์ต่างกัน ยังไงคนส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะจ่ายเงินแล้วมีบ้านเป็นของตัวเอง
ไม่เพียงแต่โครงการบ้านเสริมสุขเท่านั้นรวมไปถึงแผนการสร้างระบบภาษีกึ่งอิสระขึ้นมาโดยมีปัจจัยหลักๆคือต้องการให้คนทั่วไปนั้นได้เสียภาษีที่ถูกลง อีกทั้งในหลายๆประเทศนั้นก็มีการใช้ระบบภาษีกึ่งอิสระกันมานานแล้ว แล้วผลปรากฏว่าก็เกิดการแก้ไขปัญหาที่ดีขึ้น คนส่วนใหญ่ยอมเสียภาษีเยอะขึ้นและมีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น แต่อาจจะเกิดปัญหาอย่างอื่นตามมาแทน แต่สำหรับในประเทศไทยเราก็คงได้ดูกันและติดตามต่อไปว่า ระบบภาษีอิสระนี้จะสามารถดำเนินการต่อได้หรือเปล่า แนวคิดระบบภาษีกึ่งอิสระนี้เพื่อที่จะลดภาษีต่างๆก็แสดงให้เห็นชัดแล้วว่าการลดภาษีจะทำให้คนไทยมีเงินเหลือเยอะขึ้นแล้วจะได้มีการนำเงินเหล่านั้นมาใช้ในระบบเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้นด้วย
อ่านเพิ่มเติม >> ภาษีกึ่งอิสระ ช่วยเศรษฐกิจจริงเหรอ ? <<
จากโครงการบ้านเสริมสุขกับการสร้างระบบภาษีกึ่งอิสระบอกอะไรเรา?
แน่นอนว่าบอกได้อย่างมากแลยล่ะอย่างน้อยๆแล้วคนทั่วไปก็เริ่มมองออกแล้วว่าประเทศไทนั้นเศรษฐกิจฝืดเคือง ข้าราชการและรัฐวิสาหกิจจะไม่ค่อยสะเทือนเท่าไหร่เพราะได้เงินคงที่แต่เหล่าผู้คนที่ได้เงินจากการค้าขายนี่สิที่เดือดร้อน ด้วยความที่ประเทศนั้นเข้าสู่ภาวะฝืดเคืองจนทำให้ต้องมีสิ่งต่างๆมากระตุ้นเศรษฐกิจรวมไปถึงระบบต่างๆที่จะช่วยทำให้ของถูกลงนั่นแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจบ้านเรากำลังฝืดเคือง และทำไมเศรษฐกิจถึงฝืดเคืองล่ะ เรามีคำตอบ
ข้าวของ สินค้าต่างๆที่แพงมากเกินไป
การที่ราคาสินค้าต่างๆแพงนั้น ส่วนใหญ่แล้วก็มาจากการเก็บภาษีก่อนอย่างแรก เราจะสามารถเห็นสินค้าต่างๆที่มีราคาแพงนั้นส่วนใหญ่จะเป็นสินค้านำเข้าเพราะว่ามีการเสียภาษีเกิดขึ้น โดยภาษีที่ว่านี้คือภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งประเทศไทยมีการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มถึง 40% โดยคิดรวมไปกับสิ่งของเหล่านั้นแล้วถ้าใครยังนึกไม่ออก ลองนึกตามนี้ดูสิ เสื้อมีต้นทุน 1000 บาทและมีการหักภาษีมูลค่าเพิ่มหรือVAT 40% ก็เท่ากับ 400 บาท แปลว่าเสื้อตัวนั้นจะต้องขายที่ 1400 บาทถึงจะเท่าทุน จึงไม่แปลกเลยว่าทำไมเสื้อถึงแพง ยิ่งเราซื้อเสื้อหลายๆตัว ก็ยิ่งเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ VAT ที่แพงยิ่งขึ้นไปอีก และเป็นแบบนี้กับสินค้าทุกประเภทเลยทีเดียว จึงทำให้คนไม่ค่อยอยากใช้เงินเท่าไหร่
ทางรัฐบาลได้มีนโยบายภาษีกึ่งอิสระ แต่โดยรวมแล้วดูท่าจะใช้เวลานานในการแก้ปัญหา การแก้ปัญหาอย่างง่ายๆคือการลดภาษีลงให้ราคาสินค้าถูกลง แล้วคนทั่วไปก็เลือกที่จะออกมาใช้เงินมากยิ่งขึ้น
ค่าเงินต่างประเทศอ่อนตัว
สมมุติว่าค่าเงินประเทศไทยของเรานั้นในตอนแรก 30 บาทจะสามารถแลกได้ 1 ดอลลาร์ แต่ในตอนนี้ 35 บาทจะสามารถแลกได้ 1 ดอลลาร์ ซึ่งนั่นหมายความว่าค่าเงินของเราได้อ่อนตัวลง เมื่อ 1 ดอลลาร์สามารถแลกเงินไทยได้เยอะขึ้นแล้วจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ? ก็จะทำให้ชาวต่างชาติที่ใช้เงินสกุลดอลลาร์แห่กันมาเที่ยวไทยมากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดเม็ดเงินไหลเวียนในระบบเศรษฐกิจที่ดีมากขึ้นอีกด้วย จึงทำให้ประเทศไทยไม่อยู่ในภาวะเงินฝืด
แต่ถ้าต่างประเทศเลือกที่จะทำแบบนี้ล่ะพร้อมทั้งโปรโมทการท่องเที่ยวให้น่าเที่ยวสุดๆ แน่นอนว่าก็จะเกิดการแห่ไปเที่ยวที่ประเทศนั้นเยอะแน่นอน ซึ่งในตอนนี้ประเทศจีนก็ได้ประกาศลดค่าเงินหยวนลง ทำให้ประเทศจีนในตอนนี้น่าเที่ยวอย่างมาก คนในประเทศจีนก็เที่ยวต่างประเทศลดลงและคนต่างประเทศก็อยากเที่ยวจีนมากยิ่งขึ้น เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้น่ากลัวเลยทีเดียว อีกทั้งการลงทุนต่างๆจากต่างชาติก็อาจจะไหลลงเข้าจีนหรือเข้าประเทศต่างๆที่ใช้เงินนามสกุลหยวน
อ่านเพิ่มเติม >> ค่าเงินบาท มีผลต่อเศรษฐกิจอย่างไร ? <<
การรับมือนั้น อย่างแรกต้องดูนโยบายของทางรัฐบาลว่าจะมีนโยบายในการรับมือมากน้อยแค่ไหน บางครั้งการประกาศลดค่าเงินหยวนของประเทศจีนนั้น อาจจะส่งผลระยะสั้นไม่กระทบเศรษฐกิจเท่าไหร่ แต่บางครั้งอาจจะส่งผลที่ระยะยาวมากเลยล่ะ แต่ถ้าทางรัฐบาลยังนิ่งเฉยหรือไม่มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวอะไร ใครที่ทำธุรกิจที่ประเทศจีนนั้นก็ควรที่จะพยายามเจาะกลุ่มลูกค้าประเทศจีนให้มากยิ่งขึ้น หรือคนทั่วไปก็อาจจะสามาถนำเงินของเรานั้นไปแลกเป็นเงินจีนได้ เพราะเมื่อใดก็ตามที่ค่าเงินหยวนได้เกิดการแข็งตัวเราก็สามารถนำเงินหยวนที่เราเคยซื้อมาลงทุนไว้ กลับไปแลกคืนเพื่อเอากำไร แต่วิธีการแลกเงินเพื่อเก็งกำไรไม่ควรใช้กับประเทศที่มีค่าเงินที่ไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไหร่