ในปี 2559 ภาวะเศรษฐกิจโลกยังคงชะลอตัว เศรษฐกิจไทยก็ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก นักวิเคราะห์เศรษฐกิจต่างคาดการณ์กันว่า ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีความเป็นไปได้ที่เห็นสัญญาณดีขึ้น ด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ออกมาตรการการลดหย่อนค่าธรรมการ โอน-ค่าจดจำนอง รวมถึงการลดหย่อนภาษีจากการซื้อบ้านหลังแรกราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลดีต่อ ธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำคัญต่อการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์ต่อไป เพราะที่ยู่อาศัยเป็นปัจจัยสี่ที่จำเป็น
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ต่างให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันน่าจะมีแนวโน้นดีขึ้น แต่นักวิเคราะห์ก็ยังมีกังวลในความเสี่ยงเรื่องต่างๆ อยู่หลายปัจจัยที่อาจทำให้ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เติบโตช้า นั้นคือ
1. ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
เป็นเรื่องอยู่นอกเหนือการควบคุม ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจประเทศสหรัฐอเมริกาที่ถดถอยมาเป็นเวลาหลายปี แต่ในปีที่ผ่านมาเริ่มจะฟื้นตัว ส่วนทางกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปก็ยังคงไม่ปัญหาด้านเศรษฐกิจอยู่ไม่น้อย จากหนี้สินของประเทศกรีซที่ยังคงมีมาก ส่งผลให้ประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปกระทบไปด้วย เศรษฐกิจประเทศจีนก็เกิดปัญหาเริ่มชะลอตัว เป็นปัญหาใหญ่กับประเทศที่เป็นคู่ค้าด้วย เช่นสหรัฐอเมริกา และยุโรป ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย กระทบความเชื่อมั่นต่อผู้ซื้อ ทำให้ภาวะเศรษฐกิจถดถอยลงทุกวัน ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อการเกษตรและการค้าส่งออกพืชผลทางการเกษตรเท่านั้น แต่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เองก็ได้รับผลกระทบไปด้วย จะมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ต่อไป
2. สถานการณ์ความไม่สงบ การก่อการร้ายทั้งในและต่างประเทศ
ก็มีผลต่อเศรษฐกิจไปทั่วโลก เช่นที่ประเทศฝรั่งเศษที่ผ่าน สร้างปัญหาให้ กลุ่มประเทศในยุโรปหวาดกลัวไปตามๆ กัน ส่งผลกระทบชีวิตความเป็นอยู่อย่างไม่ปกติสุข จากนั้นก็มีเรื่องสงครามที่ประเทศซีเรียกับกลุ่มหัวรุนแรง ISIS ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นโดยแผ่ขยายวงกว้างออกไปถึงกับประเทศรัสเซียเข้าร่วมทำสงครามกับกลุ่ม ISIS ที่ผ่านมา และก็ยังมีเรื่องของประเทศอิหร่านเริ่มมีความขัดแข้งกับกลุ่มประเทศในตะวันออกกลางที่มีประเทศซาอุดิอาระเบีย ส่วนในประเทศไทยโดยเฉพาะในปี พ.ศ.2558 มีเหตุการณ์วางระเบิดในเขตกรุงเทพ มีผู้เสียชีวิตหลายคน ก็มีผลต่อเศรษฐกิจของไทยเราไม่มากก็น้อย ทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยว โรงแรม และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มีนักท่องเที่ยงน้อยลงไป กระทบต่อรายได้ประชากรที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว
3. เศรษฐกิจภายในประเทศไทยยังไม่มีแรงกระตุ้นเท่าที่ควร
เพราะการส่งออกติดลบต่อเนื่องมาหลายเดือนตั้งแต่ปีที่แล้ว ส่งผลกระทบต่อ GDP ของประเทศลดลง เพราะประเทศไทยเรามีรายได้จากการส่งออกเป็นหลัก โดยจากสินค้าการเกษตรแต่สินค้าการเกษตรก็กลับมีราคาต่ำลงไปทั่วโลก ทำให้รายได้เข้าประเทศน้อยลง ผู้ประกอบการก็มีรายได้น้อยลงตามไปด้วย ประกอบกับการกำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง ทำให้สินเชื่อของธนาคารผ่านได้น้อยลงไปด้วย เพราะผู้ซื้อมีรายได้ลดลง ส่งผลให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีโครงการก่อสร้างก็เริ่มน้อยลงไปอีก เป็นปัญหาตามมาเป็นวงรอบ และด้วยเศรษญกิจแบบนี้ จึงมีแนวโน้มว่าใครที่กำลังคิดจะเก็งกำไรจากอสังหาริมทรัพย์นั้นควรหยุดความคิดไปก่อน เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างหนักหน่วงจนรับมือไม่ทันนั่นเอง
4. ตลาดมีการแข่งขันสูง
มีผู้ประกอบการมากรายที่แข่งขันกันทำโครงการก่อสร้างออกมาไม่ว่าจะเป็นคอนโดมิเนียม ทาวน์เฮ้าส์ ต่างแย่งชิงพื้นที่ในเขตเมืองต่างๆ โดยเพราะเขตกรุงเทพ และปริมลฑล ตามเส้นทางรถไฟฟ้าสานต่างๆ ส่วนในต่างจังหวัดยังไม่ดีนัก ส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบเชิงลบจากการตกต่ำของราคาสินค้าจากภาคเกษตรกรรม ทั้งนี้ โดยภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมน่าจะติดลบ ขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบหรือบ้านจัดสรรมีแนวโน้มที่ดีขึ้น น่าจะช่วยพยุงตลาดให้มีการเติบโตเป็นบวกได้ โดยส่วนหนึ่งได้รับผลดีจากมาตรการของภาครัฐที่ออกมาสนับสนุน ผลดีที่เกิดขึ้นต่อภาพรวมของธุรกิจ เพราะฉะนั้นใครที่กำลังคิดจะทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ จึงควรเปลี่ยนจากบ้านหรือคอนโดทั่วไปมาเป็นบ้านจัดสรรแทน ซึ่งกีแนวโน้ที่จะได้กำไรพอสมควรเลยล่ะ ถึงจะไม่มากอย่างที่ตั้งความหวังไว้ แต่ก็ไม่ขาดทุนแน่นอน
ส่วนปัจจัยบวกในตลาดภาคอสังหาริมทรัพย์ปี พ.ศ. 2559 นักวิเคราะห์เชื่อว่า ยอดหนี้สินครัวเรือนของประชาชนจะเริ่มลดน้อยลงไปบ้าง และหนี้สินจากนโยบายรถยนต์คันแรกของรัฐบาลชุดก่อนก็เริ่มลดน้อยลง รัฐบาลผลักดันการลงทุนของภาครัฐให้มีความคืบหน้ามากขึ้น โดยอนุมัติโครงการต่างๆ ให้แล้วเสร็จด้วยเม็ดเงินหลายแสนล้านบาท ในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เช่น รถไฟความเร็วสูง สนามบิน สนับสนุนเขตเศรษฐกิจพิเศษที่เรียกว่าคลัสเตอร์ในหลายจังหวัด และเรื่องการเปิด AEC ที่เริ่มขึ้นแล้ว จึงทำให้ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์น่าจะได้รับผลดีขึ้นตามลำดับ
จากที่กล่าวมาท่านคงจะเห็นภาพเศรษฐกิจใหญ่ของโลก และเศรษฐกิจของไทยเรา รวมถึง ธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ ได้อย่างดี จะได้วางแผนในการลงทุนได้อย่างปลอดภัยที่สุด เท่าที่จะทำได้ เห็นสภาพเศรษฐกิจแบบนี้แล้ว ใครที่กำลังคิดจะทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ก็ลองวิเคราะห์และตัดสินใจอย่างรอบคอบ เพื่อป้องกันการขาดทุนในกรณีที่เศรษฐกิจไม่เป็นไปในทิศทางที่คาดการณ์ไว้