ภายหลังจากการทำรัฐประหาร เศรษฐกิจของไทยก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้นเริ่มฟื้นฟูกลับมาเจริญเติบโตอีกครั้ง ซึ่งข้อมูลทางเศรษฐกิจประจำเดือนเมษายน 2559 ที่ผ่านมานั้นเศรษฐกิจของไทยนั้นได้มีการเจริญเติบโตสูงขึ้นเลยทีเดียวในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการลงทุนของบริษัทเอกชนทั้งหลายและด้านการบริโภค ในขณะที่การลงทุนทางภาคยังเป็นปัจจัยที่ทำให้กระตุ้นให้เศรษฐกิจเจริญเติบโตไปได้ดี ซึ่งเราอาจจะมองข้อมูลการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาศแรกของปี 2559 พบว่ามีอัตราการขายาตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 3.2 ซึ่งถือว่าเป็นเป็นการขยายตัวที่มากที่สุดในรอบ 12 ไตรมาศ ซึ่งแตกต่างจากไตรมาส 4 ของปี 2558 กันเลยทีเดียว เรามาดูกันว่าเศรษฐกิจไทยจะมีการวางแผนอย่างไร เพื่อให้เศรษฐกิจไทยฟื้นฟูมีเจริญความก้าว
งบประมาณที่จะนำไปใช้ทำสิ่งต่างๆนั้น ไม่ว่าจะเป็นการเบิกจ่ายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับเศรษฐกิจระดับรากฐานตามแนวประชารัฐ การตั้งงบประมาณสำหรับการลงทุนรถไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งการนำงบเหล่านี้มาใช้จ่าย ทาง สศค. ได้มีการเตรียมแบบแผนไว้อย่างชัดเจน เพราะฉะนั้นการเบิกจ่ายจ่ายในส่วนตรงนี้ ซึ่งจะมีการตรวจสอบอย่างเคร่งครัด จึงไม่ส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อและสภาพปัญหาเศรษฐกิจโดยรวมอย่างแน่นอน ทั้งนี้ก็เพราะมีการบริหารจัดการเป็นอย่างดี และได้ตรวจสอบอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมานั่นเอง
ทาง สศค. ได้กล่าวถึง การคาดการณ์ทางเศรษฐกิจว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสต่อไป น่าจะมีการขยายตัวที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากยังมีองค์กรภาคเอกชนที่เริ่มฟื้นตัวหลายองค์กรและได้ดำเนินการลงทุนไปเรื่อยๆ ซึ่งก็ยังมีประเด็นที่น่าเป็นห่วงอยู่ คือ การส่งออกที่คาดว่าอาจจะติดลบ ในส่วนนี้ก็ยังคงต้องมีจับตาดูต่อไปเรื่อยๆ เพราะการส่งออกของไทยเรายังไม่ค่อยฟื้นตัวมากนัก แต่ก็ไม่เป็นที่นิ่งนอนใจแน่นอน เพราะทางรัฐบาล ก็ยังคงมองหาแนวทางช่วยเหลือ พื่อฟื้นฟูทางด้านการส่งออกให้กลับมาฟื้นตัวมากที่สุดนั่นเอง
จากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจตอนนี้น่าจะเป็นสัญญาณที่ดีว่าเศรษฐกิจของไทยจะมีการฟื้นตัวและขยายตัวอย่างต่อเนื่องและสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ยังมีความสงบ การที่บ้านเมืองสงบไม่เกิดความวุ่นวายนั้นจะเป็นตัวดึงดูดให้ภาคเอกชนมีการลงทุนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งถ้ามีการลงทุนเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ เศรษฐกิจก็จะเกิดการขยายตัวอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่น่าจับตามองก็คือ อัตราเงินเฟ้อ ทั้งอัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อในประเทศที่ไม่มีความแน่นอน เพราะถ้าหากเกิดอัตราเงินเฟ้อถีบตัวสูงขึ้นกะทันหัน ก็อาจกลายเป็นตัวที่ทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจหยุดชะงักได้
อ่านเพิ่มเติม : ภาวะเงินเฟ้อปี 2558 ส่งผลถึงปีนี้ยังไงบ้าง ?
จากค่าเงินอัตราเงินเฟ้อที่มีความผันผวนแล้ว สิ่งที่ควรช่วยส่งเสริมกันต่อไป ก็คือ ภาคส่วนต่าง ๆที่มีผลกับทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นภาคเกษตรกรรม ภาคการส่งออกและภาคการท่องเที่ยว เพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ทั้ง 3 ภาคนี้ เป็นส่วนสำคัญที่จะชี้ชะตาว่าเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นหรือแย่ลง หากถ้าเกิดเสถียรภาพของภาคเศรษฐกิจทั้ง 3 ภาค ก็จะทำให้เศรษฐกิจไทยจะเจริญรุ่งเรืองอย่างแน่นอน แม้ว่าจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งเพื่อปรับภาคเศรษฐกิจให้ค่อยๆ ฟื้นตัวมากขึ้น แต่รับรองได้เลยว่าในอนาคตเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นอย่างแน่นอน
หลักการสำคัญเพื่อการบำรุงเศรษฐกิจทั้ง 3 ภาคนี้ ก็ไม่มีอะไรมากเพียงแค่พยายามเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการในภาคให้ได้มากที่สุด ในกรณีภาคการเกษตรอาจมีการส่งเสริมให้ราคารับซื้อพืชผลสูงขึ้นจากเดิมและอนุมัติสินเชื่อเพื่อการเพาะปลูกหรือจะประกันราคาสินค้าพืชผล เป็นต้น ส่วนภาคการส่งออกนั้นก็คงต้องพยายามทำตามกลไกต่างๆเพื่อให้รัดกุมมากที่สุด เพื่อสิทธิประโยชน์ของผู้ส่งออกนั้นเองและส่วนของภาคการท่องเที่ยว ในส่วนนี้คงต้องลองใช้วิธีใหม่ ๆ เพื่อชักจูงนักท่องเที่ยวให้หันมาเที่ยวเมืองไทยบริโภคบริโภคของคนไทยมากขึ้นและต้องมีการกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวมั่นใจว่าเมืองไทยมีความปลอดภัย เมื่อมาเที่ยวเมืองไทยรวมถึงควรจะมีการรักษาความสะอาดของสถานที่ท่องเที่ยวให้เคร่งครัด อย่างไรก็ตามถ้าสามารถบำรุงภาคทั้ง 3 นี้อย่างได้ผล รับรองว่าเศรษฐกิจจะมีการเจริญเติบโตแบบก้าวอย่างรวดเร็วแน่นอน ซึ่งช่วงนี้ก็ถือว่ากำลังเป็นช่วงฟื้นตัวเลยทีเดียว เมื่อเทียบจาก 2-3 ปีที่ผ่านมา ถือว่าปีนี้เศรษฐกิจเริ่มขยับขึนมาดีกว่าปีก่อนๆ เป็นอย่างมาก นับว่าเป็นความก้าวหน้าที่เห็นผลเร็วทันใจพอสมควร และน่าพอใจเป็นอย่างมาก จึงวางใจได้เลยว่าในอนาคตข้างหน้า