เศรษฐกิจไทย ภายใต้ภาวะเงินเฟ้อ มีอะไรได้รับผลกระทบบ้าง
สภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันที่เกิดภาวะเงินเฟ้อสูง ค่าครองชีพสูง เกิดภาวะคนว่างงานเยอะ ทำให้คนส่วนใหญ่ต้องประหยัดและออมเพิ่มมากขึ้น เรามาอัพเดตสภาพเศรษฐกิจ ทั่วไป ๆ รวมถึงเรื่องของราคาทอง และราคาน้ำมันของปี 2566 กันหน่อยดีกว่า
แนวโน้มสภาพเศรษฐกิจโดยรวม
ในช่วงไตรมาสที่ 1 มีเงินเฟ้อของประเทศไทยถือว่าสูงขึ้นไปอยู่ในอัตราชะลอตัวซึ่งเป็นผลมาจาก การชะลอตัวของกลุ่ม สินค้าเกือบทุกประเภทโดยเฉพาะราคาน้ำมันและสินค้าอาหาร ทั้งนี้ยังคาดว่าในครึ่งแรกของปี 2566 อัตราเงินเฟ้อและยังคงระดับสูงต่อไป และมีแนวโน้มชะลอตัวจะลดต่ำลงในช่วงครึ่งปีหลัง และกลับสู่ระดับปกติในช่วงสิ้นปี
นอกจากนี้ ยังมีจำนวนนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติเพิ่มขึ้นเมื่อสิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2566 ทำให้ภาคบริการและการบริโภคเอกชนเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ด้านตลาดแรงงานปรับตัวดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจและรายรับภาคการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น
แนวโน้มราคาทองคำปี 2566
ภาพรวมของมูลค่าการส่งออกสินค้าไม่รวมทองคำ โดยเฉพาะการส่งออกเครื่องจักรและสินค้าเกษตรแปรรูปไปสหรัฐอเมริกาลดลง ในขณะที่การส่งออกในหมวดอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะฮาร์ดดิสก์ และการส่งออกหมวดสินค้าเกษตรโดยเฉพาะทุเรียนปรับตัวดีขึ้น
การนำเข้าสินค้า ไม่รวมทองคำปรับลดลงเมื่อสิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2566 ตามการนำเข้าน้ำมันดิบและการนำเข้าก๊าซธรรมชาติที่ลดลง ขณะที่การนำเข้าสินค้าทุน วัตถุดิบ สินค้าขั้นกลาง และสินค้าอุปโภคและบริโภค เพิ่มขึ้นจากเดิม
แนวโน้มราคาน้ำมันปี 2566
มุมมองราคาน้ำมันปี 2566 ของธนาคารโลก
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบจากผู้ผลิตในประเทศแถบยุโรป) ปี 2566คาดว่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ 92 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลงจากปี 2565 อยู่ที่ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าราคาน้ำมันปี 2566 จะมีแนวโน้มลดลง แต่ก็ยังเป็น +50% จากราคาเฉลี่ยปี 2563 – 2567รวม 5 ปี
โดยรวมแล้วราคาพลังงานยังแพง ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญที่ส่งผลกระทบทำให้ราคาค่าขนส่ง ค่าไฟ ปรับสูงขึ้น จึงทำให้ต้นทุนของสินค้าหรือบริการของธุรกิจเพิ่มสูงตามไปด้วย อีกทั้งแรงกดดันเงินเฟ้อที่มาจากสินค้าจะรุนแรงเพิ่มมากขึ้น
มุมมองราคาน้ำมันปี 2566 ของ EIA
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ รายงานว่า ปี 2566 สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนท์ อาจจะมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 95.33 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ซึ่งมาจากบ่อน้ำมันในแคนาดา เม็กซิโก และอเมริกา อาจจะมีราคาเฉลี่ยที่ 89.33 ดอลลาร์/บาร์เรล
แนวโน้มการลงทุนปี 2566
มุมมองการลงทุนปี 2566 จาก JPM
คาดการณ์เศรษฐกิจโลกอาจเผชิญกับสภาวะถดถอย หรืออาจจะเป็นช่วงที่การเติบโตเป็นไปได้ยาก แต่ด้วยเหตุนี้ทำให้การลงทุนระยะยาวเป็นสิ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากปัจจุบันมูลค่าของสินทรัพย์ค่อนข้างถูกและให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ
นอกจากนี้ การกระจายตัวของผลตอบแทนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ที่เพิ่มมากขึ้น สร้างโอกาสการลงทุนได้มากขึ้นสำหรับการบริหารพอร์ตการลงทุนเชิงรุก นอกจากนี้ สินทรัพย์ทางเลือก เช่น อสังหาริมทรัพย์ก็น่าสนใจเช่นกัน เนื่องจากสามารถช่วยกระจายความเสี่ยงและช่วยลดผลกระทบของเงินเฟ้อได้อีกด้วย
มุมมองการลงทุนปี 2566 จาก Fidelty
Fidelity คาดการณ์ว่าในปี 2566 ภาพรวมต่อเศรษฐกิจโลกยังคงน่ากังวล เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูงกว่าระดับที่รับได้อยู่มาก
อย่างไรก็ดี ทางฝั่งเอเชียยังคงเลือกใช้นโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป และที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากคือ การท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัวอีกครั้งจากการที่ประเทศจีนที่มีแนวโน้มจะผ่อนคลายมาตรการ Zero – Covid
การลงทุนแนะนำให้ลงทุนเชิงตั้งรับ (Defensive Investment) โดยสินทรัพย์ที่น่าลงทุนตอนนี้อาจมองเป็นพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ เนื่องจากทาง Fidelity มองว่าเศรษฐกิจในปี 2566 มีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอย
ด้านการลงทุนในหุ้น คาดว่าตลาดยังคงมีความผันผวนสูงต่อไป จึงควรเน้นหุ้นที่มีคุณภาพดี มีพื้นฐานที่แข็งแกร่งและเป็นการลงทุนในระยะยาว เช่น หุ้นในกลุ่มพลังงานสะอาดหรือ EVs
ทั้งหมดนี้คือภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2566 หวังว่าทุกท่านคงได้เห็นภาพรวมแล้วว่าประเทศของเราและประเทศอื่น ๆ ในโลก จะมีแนวโน้มเศรษฐกิจเป็นไปในทิศทางไหน ซึ่งสิ่งสำคัญคือ เราจำเป็นต้องวางแผนทั้งในด้านการเงิน การลงทุน รวมถึงปรับตัวให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อให้ได้รับผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์น้อยที่สุดนั่นเอง