หากเราพูดถึง มัลดีฟส์ คุณจะนึกถึงอะไรเป็นอันดับแรก ? แน่นอนว่าคงไม่พ้น ทะเลและชายหาดแสนสวย เรียกได้ว่า มัลดีฟส์เป็นดั่งเกาะสวรรค์ของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเลยก็ว่าได้ คู่รักที่แต่งงานใหม่ๆ ก็มักจะเลือกสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ฮันนีมูนสุดแสนจะโรแมนติก นอกจากนั้นแล้ว มัลดีฟส์ยังเป็นประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็น ไข่มุกแห่งมหาสมุทรอินเดีย เลยก็ว่าได้ เพราะด้วยทัศนียภาพที่สวยงาม ถูกล้อมรอบไปด้วยมหาสมุทรสีฟ้าคราม หากใครที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนสถานที่แห่งนี้ ก็คงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มันสุดยอดจริงๆ นี่ล่ะ ดินแดนแห่งเกาะสวรรค์
มัลดีฟส์ หรือ สาธารณรัฐมัลดีฟส์(Maldives) หากค้นหาในแผนที่โลกจะพบว่าเป็นหมู่เกาะที่ตั้งอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย หรืออยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอินเดียและศรีลังกา มีเมืองหลวงชื่อว่า มาเล่ ซึ่งเป็นเมืองเศรษฐกิจหลักของมัลดีฟส์ ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของประเทศมัลดีฟส์ เป็นหมู่เกาะน้อยใหญ่ต่างๆ รวม 1,190 เกาะ มีประชากรจำนวน 393,500 คน(กรกฎาคม,ปี2556) และมีเพียง 200 หมู่เกาะเท่านั้นที่มีประชากรอาศัยอยู่ เนื่องด้วยลักษณะภูมิประเทศที่เป็นหมู่เกาะและมีชายหาดที่สวยงาม ทำให้มัลดีฟส์เป็นประเทศที่มีจุดเด่นในเรื่องของการท่องเที่ยว จึงทำให้การทำธุรกิจโรงแรมนั้นเฟื่องฟูเป็นอย่างมาก โดยมีเกาะทั้งสิ้น 74 เกาะ ที่ได้มีการพัฒนา สร้างกิจการโรงแรม ไว้สำหรับเป็นที่พักให้กับผู้ที่มาเยือนจากทั่วทุกมุมโลก
ถึงแม้ว่า มัลดีฟส์จะเป็นประเทศที่เล็ก (พื้นที่ 300 ตร.กม.) แต่ก็ถือว่าเป็นประเทศที่มีมนต์เสน่ห์อยู่ไม่น้อย ทั้งเรื่องความงามของธรรมชาติ ประกอบกับมีอากาศที่ร้อนชื้น (อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 27 – 30 C (18-90 F) เพราะอยู่ใกล้บริเวณเส้นศูนย์สูตร ไม่ต่างกับประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แถวบ้านเรามากนัก จึงทำให้เกาะสวรรค์แห่งนี้ มีความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติ ทั้งพืชพรรณ ป่าไม้ เขียวชอุ่ม รวมไปถึงความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล นอกจากนั้นที่แห่งนี้จะเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกแล้ว ยังเป็นแหล่งผลิตอาหารทะเล ส่งออกต่างประเทศเป็นอันดับต้นๆเลยก็ว่าได้ ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำการประมงสัตว์น้ำ และทำธุรกิจค้าขายเป็นหลัก และเนื่องจากมัลดีฟส์เป็นประเทศที่มีการนับถือศาสนาอิสลาม จึงทำให้ผู้คนที่นี่เคร่งหลักศาสนา รวมไปถึงยังมีความเชื่อที่สืบทอดจากบรรพบุรุษ กฎหมายของที่นี่จึงค่อนข้างที่จะเคร่งครัดและรัดกุม ถึงแม้จะเป็นประเทศท่องเที่ยวแต่น้อยมากที่จะมีการก่ออาชญากรรมให้เห็น ฉะนั้นจึงถือได้ว่า มัลดีฟส์เป็นประเทศที่มีความมั่นคงทางการเมือง และเป็นประเทศที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจในหลายๆด้านที่น่าสนใจไม่น้อย
หากใครที่ติดตามข่าวเศรษฐกิจในรอบไม่กี่วันมานี้ ก็คงผ่านหูผ่านตากันบ้างว่า ไทยและมัลดีฟส์มีสัญญาณที่ดีในเชิงเศรษฐกิจ โดย นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้กล่าวเอาไว้ว่า ไทยและมัลดีฟส์มีความสัมพันธ์ที่ดีมายาวนานตั้งแต่อดีต ปัจจุบันนี้มัลดีฟส์ก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจที่ดี จึงนับว่าเป็นโอกาสอย่างยิ่งที่ไทยจะขยายการค้า การลงทุน ไปยังประเทศที่เป็นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่สำคัญอย่างมัลดีฟส์ ซึ่งมัลดีฟส์เองก็ได้มีข้อเสนอที่จะจัดการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า ไทย- มัลดีฟส์ ครั้งที่ 2 ขึ้น เพื่อกระชับความสัมพันธ์และขยายโอกาสทางการค้าร่วมกัน ผ่านการเจรจาหาข้อตกลง ระหว่างวันที่ 29-30 มิถุนายน 2559 นี้ ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ ไทยและมัลดีฟส์ได้ตั้งเป้าที่จะเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน ให้ถึง 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายใน 2 ปีข้างหน้านี้ (พ.ศ.2561)
แน่นอนว่าโอกาสของการขยายการลงทุนในเรื่องของธุรกิจโรงแรม,อสังหาริมทรัพย์ รวมไปถึงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวต่างๆแล้ว ไทยยังมีเป้าหมายในเรื่องการส่งออกสินค้าที่สำคัญต่างๆ อย่างเช่น เครื่องจักรกล เครื่องนุ่งห่ม เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ เพราะมัลดีฟส์ยังถือว่ายังขาดอุปกรณ์เครื่องจักรที่ทันสมัยอยู่บ้าง รวมไปถึงชิ้นส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ หรือแม้แต่สินค้าทางการเกษตร ประเภทผัดสดแช่แข็ง ผลไม้สด เป็นต้น และไทยเองก็ยังคงต้องพึ่งพิงการนำเข้าสินค้าหลากหลายประเภทจากมัลดีฟส์อยู่เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น อาหารทะเล ปลา สัตว์น้ำแช่แข็ง เนื้อสัตว์ หรือเกี่ยวกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เครื่องบิน เป็นต้น โดยมัลดีฟส์ก็ยังเป็นประเทศคู่ค้าอันดับที่ 5 ของไทยในเอเชียใต้ และยังเป็นคู่ค้าลำดับที่ 96 ในตลาดโลกอีกด้วย
ถือว่าเป็นข่าวดีไม่น้อยเลยนะคะ ที่ประเทศไทยของเราจะมีการขยายฐานเศรษฐกิจไปยังภูมิภาคต่างๆมากขึ้น หนึ่งในนั้นก็คือ ประเทศมัลดีฟส์ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของโลก ซึ่งนอกจากจะโดดเด่นในเรื่องความสวยงามทางธรรมชาติแล้ว ในเรื่องของการผลิตสินค้า สร้างมูลค่าเพิ่มก็เป็นอีกช่องทางที่ไทยเราจะเข้าไปทำธุรกิจ เพราะผลผลิตทางการเกษตรบางอย่าง มัลดีฟส์ก็ยังคงต้องอาศัยการนำเข้าจากต่างประเทศอยู่ อย่างเช่น การนำเข้าผักและผลไม้จากไทย อาหารแปรรูปต่างๆ เช่น ผลไม้อบแห้ง ผลไม้กระป๋อง เป็นต้น ไม่แน่ว่า ถ้าธุรกิจโรงแรมในมัลดีฟส์มีแนวโน้มว่าจะไปได้สวย อาจจะมีการเคลื่อนย้ายแรงงาน,ทุน,ผู้ประกอบการ ในสาขาอื่นๆ อย่างเช่น ร้านอาหารไทย ธุรกิจสปา นวดแผนไทย ธุรกิจเสริมความงาม และอื่นๆ ก็สามารถเป็นไปได้ในอนาคต
ฉะนั้นแล้วเราก็ต้องติดตามข่าวสารกันอย่างใกล้ชิดต่อไป ถ้ามีอะไรอัพเดต คืบหน้า ทางเราจะนำมาฝากทุกๆท่านๆให้ได้อ่านกันแน่นอน ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามบทความจากทางเว็บไซต์ด้วยดีเสมอมา สวัสดีค่ะ.
ขอบคุณที่มา : http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/692078