หยุดจ่ายหนี้ รอแฮร์คัท ดีมั้ย ส่งผลอะไรบ้าง?
ในช่วงที่เศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้นเท่าที่ควร บวกกับสถานการณ์ตึงเครียด ไม่ว่าจะน้ำท่วม และความไม่สงบพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลให้รายได้ของหลายคนหยุดชะงัก ขาดสภาพคล่อง แต่ขณะเดียวกันดอกเบี้ยไม่ได้หยุดไปกับเราด้วย เมื่อเริ่มผ่อนต่อไม่ไหว หลายคนอาจมีคำถามว่า หยุดจ่ายหนี้ รอแฮร์คัท ดีมั้ย? เพื่อหลุดพ้นจากปัญหาทางการเงินในทีเดียว ในวันนี้เราจึงจะพาไปดูกันว่า การหยุดจ่ายหนี้โดยหวังว่าจะได้รับแฮร์คัทนั้น จะส่งผลกระทบอะไรกับเราบ้าง
แฮร์คัทหนี้ คืออะไร?
แฮร์คัทหนี้ (Debt Haircut) คือการที่เจ้าหนี้ และลูกหนี้เจรจาตกลงกันลดจำนวนหนี้ที่ค้างไว้ เพื่อให้ลูกหนี้จ่ายไหว เพิ่มโอกาสในการชำระคืน ซึ่งเจ้าหนี้ก็ได้รับเงินบางส่วนกลับคืนบ้าง แทนที่จะไม่ได้อะไรเลยหากลูกหนี้ผิดนัดชำระ
หยุดจ่ายหนี้ เพื่อรอแฮร์คัท ดีมั้ย?
หลายคนที่มีหนี้จำนวนมาก เริ่มผ่อนไม่ไหว ต้องการให้ยอดหนี้ลดลง ก็อาจเลือกวิธีหยุดจ่ายไปก่อน เพื่อรอให้เข้ากระบวนการแฮร์คัท ซึ่งส่วนใหญ่จะได้ผลลัพธ์ดังนี้
- อาจได้รับส่วนลดหนี้: ถ้าหนี้ถูกส่งต่อไปยังบริษัทติดตามหนี้ หรือเจ้าหนี้ต้องการปิดบัญชีเร็ว ๆ ก็อาจเสนอส่วนลดให้
- ต่อรองได้มากขึ้น: บางกรณี ลูกหนี้ที่ค้างจ่ายนานอาจมีอำนาจต่อรองเงื่อนไขการชำระหนี้ใหม่
- เป็นทางรอดในภาวะวิกฤต: หากไม่มีรายได้เพียงพอ การหยุดจ่ายอาจเป็นทางเลือกสุดท้ายเพื่อให้รอดจากการล้มละลาย
ผลจากการทำแฮร์คัทหนี้
ประวัติเครดิตเสียทันที: หยุดจ่ายนานเกิน 3 เดือน ข้อมูลจะเข้าสู่เครดิตบูโร ส่งผลให้กู้เงิน/ทำบัตรเครดิตไม่ได้ในอนาคต
ดอกเบี้ย+ค่าปรับบานปลาย: แม้จะรอแฮร์คัท แต่ระหว่างนั้นดอกเบี้ยและค่าทวงหนี้จะถูกคิดเพิ่มเรื่อย ๆ
ถูกฟ้องร้องตามกฎหมาย: เจ้าหนี้มีสิทธิ์ดำเนินคดี ซึ่งอาจนำไปสู่การอายัดเงินเดือน หรือยึดทรัพย์
แฮร์คัทไม่ได้มีให้ทุกคน: การลดหนี้ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าหนี้ต้องให้กับทุกกรณี ขึ้นอยู่กับนโยบาย และพฤติกรรมการชำระหนี้ของลูกหนี้
ทางเลือกอื่นแทนการหยุดจ่าย
สำหรับใครที่อยากหยุดจ่ายหนี้ เพราะรับภาระไม่ไหวอีกต่อไป แต่ก็ไม่อยากให้ประวัติทางการเงินเสียเครดิต ก็ให้ลองพิจารณาตัวเลือกอื่น ๆ แทน ที่ช่วยลดภาระหนี้ได้ ดังนี้
- ปรับโครงสร้างหนี้: ติดต่อเจ้าหนี้เพื่อขอลดค่างวด หรือยืดระยะเวลาผ่อนชำระ
- รวมหนี้: หากมีหลายเจ้าหนี้ อาจเลือกสินเชื่อรวมหนี้เพื่อให้ผ่อนแบบรวมยอดเดียว ดอกเบี้ยต่ำกว่า
- คลินิกแก้หนี้: สำหรับผู้ที่เป็นหนี้เสียจากสินเชื่อส่วนบุคคล บัตรเครดิต ฯลฯ สามารถสมัครโครงการจากแบงก์ชาติหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้
คงพอจะเห็นภาพแล้วว่า การเลือกหยุดจ่ายหนี้ เพื่อรอให้แฮร์คัท ถือเป็นทางเลือกที่ค่อนข้างเสี่ยงเลยทีเดียว เพราะไม่มีการการันตีว่าจะได้รับการแฮร์คัททุกกรณี ไหนจะต้องเผชิญกับดอกเบี้ย และค่าปรับที่ตามมา รวมถึงการเสียเครดิตในระยะยาว หากใครที่กำลังประสบปัญหาอย่างหนัก หาทางออกด้วยตนเองไม่ได้ ให้รีบติดต่อธนาคารเจ้าหนี้เพื่อหารือถึงทางออกร่วมกันโดยเร็ว ไม่ว่าจะ ปรับโครงสร้างหนี้ หรือรวมหนี้ เพราะหากปล่อยไปจนเครดิตเสียแล้ว ไม่ว่าจะ กู้บ้าน กู้รถ หรือแม้แต่ทำธุรกรรมการเงินธรรมดาในอนาคตก็ยากขึ้นเป็นเท่าตัว