ถ้าให้เรานึกถึงภาพคนรวยว่า วันๆพวกเขาทำอะไร แต่งตัวอย่างไร กินอะไร ขับรถแบบไหน ทำงานเกี่ยวกับอะไร หลายๆคนคงนึกถึงภาพของคนรวยที่เคยเห็นจากหนังจากละคร ที่ต้องขับรถยนต์หรูหรา กินอาหารหรูเลิศ ใส่สูทแต่งตัวดี อาศัยอยู่ในบ้านที่โอ่อ่าใหญ่โต แต่มีชาวอเมริกัน 2 คน เขาทั้งสองได้ร่วมกันศึกษาชีวิตของคนที่เรียกว่าเป็นเศรษฐีเงินล้านในสหรัฐอเมริกา ในหลายแง่หลายมุม และได้บทสรุปที่น่าสนใจหลายเรื่อง ในบทความนี้ ขอนำส่วนหนึ่งที่พวกเขาได้ศึกษาเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตของคนรวยในอเมริกา โดยขอสรุปตามย่อหน้า ดังนี้
ธุรกิจที่คนรวยในอเมริกาทำนั้น ส่วนใหญ่เป็นงานที่ดูเหมือนจะธรรมดาๆ น่าเบื่อ เช่น เป็นผู้รับเหมา เป็นช่างเชื่อม เป็นผู้ประมูลขายของทอดตลาด เป็นชาวนาปลูกข้าว เป็นเจ้าของลานจอดรถ เป็นคนฝึกสัตว์เลี้ยง นายหน้าค้าเหรียญและแสตมป์ จะเห็นว่าเป็นงานที่ธรรมดามากๆ แต่จากการศึกษานั้นพบว่า คนที่จัดว่ารวยเข้าขั้นเศรษฐีในอเมริกา เขาประกอบอาชีพธรรมดาๆแบบนี้จริง
ภรรยาของเศรษฐีเหล่านี้ครึ่งหนึ่งไม่ได้ออกไปทำงานนอกบ้าน แต่ถ้าคนไหนออกไปทำงานนอกบ้าน อาชีพยอดนิยมที่ภรรยาทำนอกบ้านคือ คุณครู
ทรัพย์สินโดยเฉลี่ยของคนกลุ่มนี้อยู่ที่ประมาณ 3.7 ล้าน ดอลล่าร์ ซึ่งบางคนอาจมีมากกว่าหรือน้อยกว่านี้ 3.7 ล้านเป็นค่าเฉลี่ยของกลุ่มคนที่เขาวิจัย
คนรวยส่วนใหญ่มีบ้านเป็นของตนเอง และอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดิมมานานกว่า 20 ปีแล้ว แน่นอนว่าคนรวยเหล่านี้จะมีความสุขที่เห็นมูลค่าบ้านของตนเองเพิ่มขึ้นด้วย เวลาตั้ง 20 ปี มูลค่าบ้านและที่ดินเพิ่มขึ้นไม่น้อยเลยจริงๆ
คนกลุ่มนี้บอกว่าพวกเขาไม่รู้สึกว่าตัวเองเสียเปรียบที่ไม่มีมรดกตกทอดเหมือนคนอื่น เพราะส่วนใหญ่คนเหล่านี้จะร่ำรวยขึ้นมาภายในช่วงอายุของตัวเอง เรียกว่า สร้างเนื้อสร้างตัวด้วยลำแข้งของตัวเอง
พวกเขาใช้จ่ายเงินในการดำรงชีวิตน้อยกว่าเงินที่พวกเขาหามาได้ ใช้น้อยกว่ามากๆ สวมเสื้อผ้าธรรมดา ใช้รถที่ผลิตในประเทศ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ใช้รถหรูหรารุ่นล่าสุด และมีส่วนน้อยมากๆที่เช่าซื้อรถมาใช้ เรียกว่าส่วนใหญ่ซื้อรถเงินสด ไม่ค่อยมีคนผ่อนชำระเป็นรายเดือน
ภรรยาของพวกเศรษฐีเหล่านี้ มักเป็นนักวางแผนการเงินชั้นยอด เป็นคนทำงบประมาณที่ชั้นเยี่ยม พวกเธอใช้เงินอย่างประหยัดยิ่งกว่าสามีเสียอีก
คนร่ำรวยเหล่านี้สะสมทรัพย์สินเงินทองมากพอที่จะอยู่ได้โดยไม่ต้องทำงาน 10 ปี หรือมากกว่านั้น เพราะพวกเขาออมเงินอย่างน้อย 15 เปอร์เซนต์ของรายได้ที่หามาได้อย่างสม่ำเสมอ
คนส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้มีการศึกษาดี มีส่วนน้อยคือประมาณ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ไม่ได้จบปริญญาตรี
คนรวยเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ได้เรียนโรงเรียนเอกชนสมัยที่พวกเขายังเป็นเด็กๆ และลูกหลานของพวกเขาเรียนโรงเรียนเอกชน ประมาณ 55% แม้พ่อแม่จะร่ำรวย แต่ไม่ใช่พ่อแม่ทุกคนที่ส่งลูกๆไปเรียนโรงเรียนเอกชน
คนรวยเหล่านี้ส่วนใหญ่จะนำเงินไปลงทุนในตลาดหุ้น อย่างน้อย 15 % ของรายได้ที่หามาได้ในแต่ละปี
ที่ยกมานี้เป็นเพียงบางส่วน แต่ก็ทำให้พอเห็นภาพว่า คนรวยนั้นไม่จำเป็นต้องประกอบอาชีพที่สังคมยกย่องกันว่าเลิศหรู อาชีพธรรมดาทั่วไปก็สามารถสร้างตัวจนกลายเป็นเศรษฐีได้ พวกเขาใช้เงินอย่างประหยัด การซื้อรถ ซื้อบ้าน ก็ซื้อเพื่อใช้งานจริงๆ ไม่ใช่เพื่ออวดรวย พวกเขาใช้เงินอย่างคุ้มค่า และที่สำคัญ คนเหล่านี้จะออมเงินอย่างสม่ำเสมอ และนำเงินส่วนหนึ่งไปลงทุนทุกๆปี การจะเป็นเศรษฐีมีเงินล้าน ไม่ว่าจะเป็นคนประเทศอะไร มักจะมีแนวทางคล้ายๆกัน และไม่ได้ยากเกินฝัน หากผู้อ่านเริ่มต้นทำงาน เก็บเงิน ไม่ใช้จ่ายเกินตัว ออมเงินสม่ำเสมอ และกันเงินส่วนหนึ่งไปลงทุนทุกปี ถ้าทำแบบนี้สม่ำเสมอ อีก 10 ปีข้างหน้า มีโอกาสได้เป็นเศรษฐีคนใหม่แน่นอน
หากผู้อ่านสนใจงานวิจัยชิ้นนี้ สามารถค้นคว้าเพิ่มเติมได้ที่ The Millionaire Next Door โดย ดร.โทมัส เจ สแตนลีย์ และ ดร.วิลเลี่ยม ดี แดนโค