เชื่อว่า ไม่ว่าใครก็ฝันอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง เพื่อที่จะได้เอาไว้เก็บกินตลอดชีวิต
มนุษย์เงินเดือนหลายคนที่ตรากตรำทำงานประจำของตนเองมา บางคนก็ต้องทำงานหนักถูกเจ้านายด่า แถมเงินเดือนก็น้อยแสนน้อย คนกลุ่มนี้มักจะมีความคิดและความฝันอยากจะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง เพื่อที่จะได้ถีบตัวออกมาจากสภาวะนั้น ที่ตนไม่ปรารถนา แต่หลาย ๆ คน มีความฝันดังกล่าวที่แรงกล้า จนกลายเป็นว่าเอาความฝันนั้นเป็นที่ตั้ง มากกว่าจะหันมามองสภาพความเป็นจริงในปัจจุบัน สุดท้ายก็ถูกหลอกขายฝัน คือ หลอกให้ไปทำธุรกิจที่มีสภาพเหมือนกับวิมานในอากาศ ไม่รู้เลยว่าจะได้ผลตอบแทนจริง ๆ หรือไม่สุดท้ายก็ต้องเจ๊งเสียเงินทุนไปเปล่า ๆ โดยที่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย
ท่านที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่ อย่าเพิ่งมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องตลก เพราะตอนนี้มีมนุษย์เงินเดือนหลายคนจริง ๆ ที่ลุ่มหลงไปกับการสร้างวิมานในอากาศ ยอมแม้กระทั่งละทิ้งงานประจำ ซึ่งเป็นแหล่งเงินทุนอย่างเดียวที่ตนมีอยู่ ออกมาลงทุนแบบที่ไม่รู้ว่าตนจะได้ผลตอบแทนหรือไม่ เพียงเพราะเชื่อคำพูดสวยหรูที่คู่ธุรกิจของตนพ่นออกมา และจบลงตรงที่ถูกคู่ธุรกิจเชิดเงินหนีไป ต้องลำบากมานั่งร้องเรียน ตามทวง ออกสื่อต่าง ๆ อีก
มีกรณีศึกษาอยู่กรณีหนึ่ง เป็นกระทู้ที่เขียนขึ้นในเว็บไซต์พันทิป http://pantip.com/topic/34254003 โดยผู้ใช้ชื่อว่า greenmint เจ้าของกระทู้ได้เล่าถึงประสบการณ์ของตัวเธอเองว่า ในช่วงแรก เธอทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนอยู่ แต่ด้วยความที่เธอต้องการเงินปันผลที่เพิ่มมากขึ้น จากเงินเดือนเดิม เพราะกำลังวางแผนจะมีลูก ประกอบกับตัวเจ้าของกระทู้ได้เห็นว่า ในละแวกใกล้บ้านกำลังจะมีตลาดมาเปิดใหม่ ซึ่งตลาดดังกล่าวอยู่ใกล้กับย่านที่อยู่อาศัยและสนามบินสุวรรณภูมิ เธอจึงได้ลองไปสอบถามกับผู้ประกอบการตลาด ได้ความว่าตลาดจะมีการจำลองตลาดเก่าที่มีชื่อเสียงแห่งต่าง ๆ มาทำ แถมยังมีอภิมหาโปรเจคส์ต่าง ๆ มากมาย ด้วยความที่เจ้าของกระทู้ไม่เคยทำธุรกิจมาก่อน แถมยังไม่เคยหาข้อมูลด้วยว่าผลงานที่ผ่านมาของบริษัทที่เป็นผู้ประกอบการตลาดมีอะไรบ้าง เธอจึงหลงเชื่อและทำการจองพื้นที่สำหรับค้าขายไป ปรากฏว่าสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น คือ ผู้ประกอบการผัดวันประกันพรุ่งมาโดยตลอด เดี๋ยวจะเปิดวันนี้ เดี๋ยวจะเปิดวันนั้น ในขณะที่การดำเนินการก่อสร้างตลาดก็ไม่คืบหน้า แต่เจ้าของกระทู้ก็ยังมีความหวังที่จะได้ค้าขาย ถึงขั้นลาออกจากงานประจำเพื่อมาเป็นแม่ค้าอย่างเต็มตัวเลยทีเดียว
จนกระทั่ง เมื่อช่วงต้นปี 2557 เจ้าของกระทู้ก็ได้ทราบข่าวว่า ผู้ประกอบการของตลาดนั้นผิดสัญญา และไม่คืนเงินให้กับพ่อค้าแม่ค้าที่ดำเนินการจองไปแล้ว ตอนนี้กำลังจะดำเนินการฟ้องร้องทำให้เธอแทบล้มทั้งยืน เพราะตอนนี้งานประจำก็ไม่มีแล้ว แถมยังไม่ทันได้เริ่มขายของเลยก็มาถูกโกงเสียแล้ว หลังจากนั้นเจ้าของกระทู้ก็มีความพยายามที่จะดำเนินการทวงเงินคืนมาให้เร็วที่สุด แต่ก็ดูเหมือนว่าความหวังจะริบหรี่เพราะไม่ว่าจะร้องเรียนไปที่ใดก็ถูกโยนเรื่องไปทางโน้นที ทางนี้ที บางทีก็กักเรื่อง ดองเรื่องไว้และเจ้าของกระทู้ยังปิดท้ายด้วยว่า การทำธุรกิจทั้งหลายไม่ควรโลกสวยจนเกินไปต้องนึกถึงความเสี่ยงในการทำธุรกิจด้วย
หลังจากที่มีการตั้งกระทู้นี้ออกไปแล้ว ก็มีผู้ใช้คนอื่น ๆ เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันมากมาย ส่วนมากจะเป็นการให้กำลังใจให้เจ้าของกระทู้สู้ต่อไป แต่บางส่วนก็เข้ามาตำหนิเจ้าของกระทู้ว่าจริง ๆ ถ้าธุรกิจมันยังไม่เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ก็ไม่ควรรีบด่วนลาออกจากงาน รวมถึงยังตำหนิความชะล่าใจของเจ้าของกระทู้ด้วยที่ไม่ศึกษาข้อมูลการลงทุนให้ดีก่อน จนทำให้เกิดการถูกหลอกตามมา ซึ่งเจ้าของกระทู้ก็ยอมรับว่าตนชะล่าใจจริง ๆ
จากกรณีศึกษาดังกล่าว คงทำให้เราได้ข้อสรุปว่าสาเหตุของการที่เจ้าของกระทู้ รวมถึงมนุษย์เงินเดือนคนอื่น ๆ โดนหลอกขายฝันเช่นนี้ เป็นเพราะการวางแผนที่เป็นไปในลักษณะของการ “วาดวิมานในอากาศ” มากเกินไป จนลืมไปว่าธุรกิจทั้งหลายมีความเสี่ยง ยิ่งถ้าเลือกลงทุนกับบริษัทที่ไม่เคยมีประวัติการสร้างโครงการใหญ่ให้เป็นรูปธรรมเลย โอกาสในการโดนหลอกก็มีสูง จริงอยู่ว่าทุก ๆ คนที่เข้าไปลงทุนในโครงการที่วาดฝันไว้สวยหรู แล้วโดนหลอกเพราะถูกพวกนายหน้าชั่ว ปั้นถ้อยคำที่สวยหรูขึ้นมาทำให้เราเคลิบเคลิ้ม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ไม่ใช่หรือว่า ก่อนหน้าที่เราจะเข้าไปให้เขาหลอกเราก็มีความคิดวาดฝันไว้อย่างสวยหรูอยู่แล้วว่าโครงการของเราจะต้องเป็นอย่างนี้ ๆ ยิ่งพอไปฟังเมกกะโปรเจคส์ที่พวกนายหน้าเอามานำเสนอ ก็ยิ่งทำให้ความคิดสวยหรูของเราดูเป็นรูปธรรมมากขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นตามมา คือ ความหน้ามืดตามัว ไม่คิดที่จะหาข้อมูลใด ๆ เพิ่มเติมเลย จบด้วยการลงเงินไปลาออกจากงานประจำที่ทำอยู่ เพราะคิดว่าโปรเจคส์หรูนั้นจะสำเร็จ แล้วก็โดนหลอกดังกล่าว
เพราะฉะนั้นเหล่ามนุษย์เงินเดือนทั้งหลายที่คิดจะลงทุนทำอะไรสักอย่างหนึ่ง สิ่งที่ควรมีไว้ในใจเลย ก็คือ สติ อย่าเพิ่งรีบมโน วาดวิมานในอากาศ เพราะถึงโปรเจคที่คิดไว้จะสวยหรูแค่ไหนก็ตาม ถ้าโครงการยังไม่เริ่มเราก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้ เมื่อสติมาแล้วเวลาจะทำอะไรเราก็จะมีความรอบคอบ ไม่ทะนงตัวจนเกินเหตุว่า ฉันเก่ง ฉันแน่ จนไม่ฟังคำเตือนของผู้ที่เคยมีประสบการณ์มาก่อนและไม่หลงไปกับคารมของพวกนายหน้าชั่วที่คิดจะหลอกเอาเงินลงทุนของเรา
อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้คิดจะลงทุนต้องทำ คือ หาข้อมูลในสิ่งหรือสถานที่ที่เราจะลงทุนให้รอบคอบเอาตั้งแต่ที่ตั้งของโครงการ ไปจนถึงบริษัทของผู้ดำเนินการ ถ้าเป็นบริษัทที่เคยลงทุนทำโครงการใหญ่มาแล้วหลายโครงการก็อาจเบาใจไปได้ระดับหนึ่ง แต่ถ้าเป็นบริษัทที่ไม่เคยทำโครงการอะไรเลยละก็ ขอให้หนีห่างให้ไกลเลยดีกว่า หากผู้ลงทุนรู้จักหาข้อมูลและมีสติในการลงทุน จะทำให้การลงทุนทำอะไรก็ตามประสบความสำเร็จไม่โดนหลอกขายฝันอย่างแน่นอน