มีใครเป็นเหมือนผู้เขียนบ้างไหมคะ ที่เมื่อถึงช่วงปีใหม่ทีไรก็จะเป็นช่วงเวลาแห่งการทบทวนตัวเองทุกครั้ง มองย้อนกลับไปถึงปีที่ผ่านมาว่าเราทำอะไรประสบความสำเร็จไปบ้าง
ประสบความสำเร็จในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเรื่องเรียนหรือเรื่องงานอย่างเดียว อาจเป็นเรื่องอื่น ๆ ด้วยก็ได้ เช่น เราอาจเคยตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะมีสุขภาพดี จะออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์ เราจะมีเวลาดูแลพ่อแม่ให้มากขึ้น จะแก้ไขนิสัยที่ไม่ดีของเรา ไม่ทะเลาะกับเพื่อนร่วมงาน ไม่ใช้เงินสิ้นเปลือง เราอาจเคยตั้งใจเริ่มต้นทำประโยชน์เพื่อสังคมบ้าง นี่แหละค่ะเป็นช่วงทบทวนตัวเองว่าเราได้เริ่มต้นทำอย่างที่คิดไปบ้างหรือยัง มีอะไรที่เราได้ทำหรือไม่ได้ทำ ทำสำเร็จหรือไม่สำเร็จไปบ้างหรือไม่ และเพราะอะไรถึงเราถึงไม่ได้ทำหรือทำไม่สำเร็จ
ความตั้งใจทำดีเป็นสิ่งที่ดีค่ะ แม้ว่าปีที่ผ่านมาอาจมีบางเรื่องที่เราทำไม่สำเร็จไปบ้างก็ไม่เป็นไร ถือโอกาสปีใหม่นี้ ตั้งใจใหม่อีกรอบค่ะว่าจะต้องทำให้ได้ ลองหันมาทบทวนดูค่ะว่าเรามีนิสัยแบบที่ว่านี้หรือเปล่า เพราะนิสัยบางอย่างของเรานี่แหละที่เป็นตัวฉุดรั้งไม่ให้ประสบความสำเร็จ
-
ผัดวันประกันพรุ่ง
นิสัยที่ชอบใช้คำว่าเดี๋ยวก่อนนี่แหละที่จะฉุดรั้งให้ประสบความสำเร็จในเรื่องใด ๆ ได้ยากมาก พอเดี๋ยวบ่อย ๆ ก็กลายเป็นนิสัยที่ติดตัวไปกลายเป็นเดี๋ยวทุกเรื่อง พอเราใช้คำนี้บ่อย ๆ ลองหันไปมองดูสิคะ เราจะเห็นว่า 10 เรื่องที่เราตั้งใจไว้ เราอาจได้ทำไปเพียงแค่ 2-3 เรื่องเท่านั้น ทั้งที่จริงไม่ใช่ว่าเราไม่มีเวลาหรือทำไม่ได้ เปลี่ยนนิสัยรับปีใหม่นี้จากการผัดวันประกันพรุ่ง เป็นลงมือทำทันทีในทุกเรื่องที่ตั้งใจไว้ พอหมดวันเราจะเห็นความแตกต่างและเกิดความภูมิใจว่าเราได้ทำอะไรตามที่ตั้งใจไว้ ในหนึ่งวันเราทำอะไรได้ตั้งมากมาย พอขึ้นวันใหม่ก็จะมีเรื่องใหม่ ๆ เข้ามา ไม่ต้องกลับไปคิดหรือทำเรื่องเก่าที่ค้างมาจากเมื่อวาน
-
หวังพึ่งแต่คนอื่น
ทัศนคติในการดำเนินชีวิตแบบหวังความช่วยเหลือจากคนอื่นอยู่ตลอดเวลาเป็นนิสัยที่จะฉุดรั้งไม่ให้ประสบความสำเร็จอีกอย่างหนึ่ง เพราะถ้ามัวแต่หวังพึ่งคนอื่นไม่พยายามทำอะไรด้วยตัวเอง ก็จะไม่ได้พัฒนาตัวเอง โดยเฉพาะในสิ่งที่เรายังไม่รู้หรือทำไม่ได้ ยกตัวอย่าง เช่น ความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์หรือไอทีเป็นสิ่งสำคัญที่จำเป็นในชีวิตของคนในยุคปัจจุบัน ถ้าเราไม่มีความรู้เลย มีอะไรก็ต้องคอยถามหรือให้เพื่อนร่วมงานช่วยเหลือตลอดก็คงจะไม่ดีแน่ ลองเปลี่ยนมาศึกษาเรียนรู้และลองลงมือทำด้วยตัวเองบ้าง ผิดถูกก็เรียนรู้ไป อาศัยถามเอาจากคนที่เก่งมีประสบการณ์มาก แล้ววันหนึ่งเราก็จะกลายเป็นคนเก่งขึ้นมาบ้าง
-
ไม่กล้าตัดสินใจ
การดำเนินชีวิตของคนเราจะต้องพบเจอกับเรื่องที่เราจะต้องตัดสินใจอยู่บ่อย ๆ นิสัยของการไม่กล้าตัดสินใจอาจเพราะไม่มั่นใจกลัวว่าตัดสินใจไปแล้วจะผิดพลาด บางครั้งเลยทำให้เราดูเป็นคนขาดความมั่นใจ โลเล ไม่หนักแน่นมั่นคง ซึ่งเป็นบุคลิกภาพที่ดีของคนที่ประสบความสำเร็จนั้นจะต้องเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองและกล้าตัดสินใจ ลองหันมาเปลี่ยนแปลงตัวเองโดยการขวนขวายหาความรู้และข้อมูลเพื่อช่วยสร้างความมั่นใจในการตัดสินใจได้ดีขึ้น หาผู้ให้คำปรึกษาที่ดีที่จะคอยให้คำแนะนำกับเราได้ เช่น หัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน รุ่นพี่หรือญาติสนิท คนเหล่านี้จะมีมุมมองและประสบการณ์ที่หลากหลายในการให้คำแนะนำที่ดีกับเราได้
-
ขาดวินัย
จริงอยู่ที่ใครต่างก็รักอิสระ ต้องการมีอิสระในชีวิต ไม่ต้องการถูกบังคับให้ต้องทำอะไร แต่ชีวิตก็ไม่ควรอิสระถึงขนาดที่เรียกว่าขาดวินัย เราต้องมีกรอบหรือขอบเขตของตัวเราเองในการทำสิ่งต่าง ๆ เช่น ตื่นนอนให้ตรงเวลา ไม่ไปทำงานสาย รับผิดชอบส่งงานตรงเวลา มีวินัยในการใช้จ่ายเงินไม่ฟุ่มเฟือย วินัยในเรื่องต่าง ๆ เป็นสิ่งที่เราต้องสร้างขึ้นด้วยตัวเราเอง คนที่มีวินัยจะมีโอกาสประสบความสำเร็จได้มากกว่าคนที่ปล่อยชีวิตให้ผ่านไปวัน ๆ แบบวันไหนฉันอยากจะทำอะไรก็ทำ วันไหนฉันไม่อยากจะทำอะไรก็ไม่ทำ
-
ไม่เคยฟังคนอื่น
นิสัยของการเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ไม่เคยเงี่ยหูฟังคนอื่นเลย ก็เป็นนิสัยที่จะฉุดรั้งเราไม่ให้ประสบความสำเร็จเหมือนกัน ไม่มีใครที่เก่งหรือสมบูรณ์แบบที่สุด บางคนคิดว่าตัวเราเก่ง ส่วนคนอื่นนั้นไม่ได้เรื่อง คิดว่าทุกอย่างที่เราทำอยู่นั้นดีที่สุดแล้ว ไม่มีใครจะรู้ดีไปกว่าเรา คนที่คิดแบบนี้จะทำให้ไม่มีโอกาสรู้ตัวเองเลยว่าเรามีข้อบกพร่องหรือข้อควรปรับปรุงที่ตรงไหน ก็เลยทำให้ไม่เคยหันมามองตัวเอง ลองเปลี่ยนใหม่ด้วยการเปิดใจเริ่มฟังคนอื่นบ้าง เคารพความคิดเห็นของคนอื่น ไม่ใช่มีแค่ไอเดียของเราที่ดีอยู่คนเดียว การรับฟังความคิดเห็นคนอื่นแล้วนำมาปรับเปลี่ยนจะทำให้ชีวิตของเราก้าวหน้าต่อไป
-
ใจร้อนเป็นไฟ
มีตัวอย่างของการใช้อารมณ์ในการตัดสินปัญหาที่ทำลายชีวิตของใครหลายคนไปแล้วอย่างที่เราเห็นในข่าวหลายข่าวมีหลายคนที่มีนิสัยแบบนี้ค่ะ คือใจร้อน มีอะไรนิดหน่อยเข้ามากระทบก็ควบคุมอารมณ์โกรธหรือโมโหของตัวเองไม่ได้ อารมณ์โกรธนี้ถ้าไม่รู้จักควบคุมต่อไปจะยิ่งรุนแรงขึ้น กลายเป็นโกรธบ่อย โกรธง่าย และโกรธแบบรุนแรง ทุกคนคงเคยใจร้อนมาก่อน ลองหันไปมองทุกครั้งหลังจากที่อารมณ์เราเย็นลง เรามักจะนึกเสียใจแทบทุกครั้งที่เราไม่น่าจะต้องโกรธหรือแสดงอารมณ์ออกไปขนาดนั้น นี่แหละค่ะเราถึงจำเป็นต้องฝึก การฝึกจะทำให้เราควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น นิสัยใจร้อนไม่เป็นผลดีกับใครอย่างแน่นอนค่ะ คนที่บางครั้งไม่ได้ผิดแต่เพราะใจร้อนทำให้เรากลายเป็นคนผิดไปเลยก็มี
-
มัวยึดติดกับอดีต
ชีวิตของคนเราทุกคนที่ผ่านไปย่อมมีเรื่องราวที่มีทั้งสุขและทุกข์ปะปนกันไป ไม่มีข้อยกเว้น ทุกคนต้องเคยผ่านเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องเสียใจเป็นเรื่องธรรมดา บางคนจมอยู่กับความทุกข์ในอดีต ไม่ยอมปล่อยให้มันผ่านไป นึกถึงมันอยู่บ่อย ๆ แล้วก็ท้อแท้ เหนื่อย เสียใจ เป็นทุกข์ ทำให้ชีวิตไม่ก้าวหน้าไปไหนเสียที เราเสียใจได้แต่อย่าไปยึดติด ให้นึกไว้ว่าสิ่งที่ผ่านไปเราไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ ที่เราจะทำได้คือวันนี้และพรุ่งนี้ หันมาโฟกัสทำสิ่งที่ดีที่สุดในวันนี้ เริ่มต้นใหม่แล้วก้าวต่อไปเพื่ออนาคตจะดีกว่า
หากใครมีนิสัยตามที่ว่ามาขอให้รู้ไว้เลยว่าที่เราไม่ประสบความสำเร็จสักทีก็น่าจะเป็นเพราะนิสัยเหล่านี้ของเรานี่เองที่เป็นตัวฉุดรั้งเราไว้ การได้ทบทวนตัวเองก็เหมือนเป็นการยอมรับแล้วว่าเรามีนิสัยไม่ดีอย่างที่ว่าจริง ๆ แล้วจากนั้นลองเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่พร้อมรับกับช่วงเวลาใหม่ ๆ ที่กำลังจะมาถึงไปพร้อม ๆ กันนะคะ แล้วชีวิตดี ๆ ก็จะตามมาอย่างแน่นอนค่ะ