หากใครหลายคนที่ได้ติดตามข่าวสาร หรือรายการโทรทัศน์ต่างๆเช่น อายุน้อยร้อยล้าน ก็คงได้เห็นตัวอย่างของการทำธุรกิจในหลากหลายแบบ ที่แตกต่างกันออกไปตามความชอบและความถนัดของแต่ละท่านกันไปบ้างแล้ว ซึ่งเรียกได้ว่า เดี๋ยวนี้คนรุ่นใหม่ของเรามีความคิดสร้างสรรค์ที่เราคาดไม่ถึงมาก่อนว่า จะสามารถเกิดขึ้นได้ ออกมาให้เห็นอยู่เรื่อยๆ เราจึงเห็นความสำคัญของการทำธุรกิจในลักษณะเช่นนี้ เพราะนั่นหมายถึง ก้าวแรกของความสำเร็จ และมันก็จะกลายเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ต่อไปในอนาคตเลยทีเดียว แล้วถามว่า จะทำอย่างไรดีล่ะ ถึงจะ สร้างธุรกิจ ที่เป็นของตัวเองแล้วประสบความสำเร็จได้ วันนี้เรามีคำตอบมาให้ผู้อ่านได้ศึกษากันค่ะ
เนื่องจากในปัจจุบันเป็นยุคโลกาภิวัตน์ เป็นยุคของข้อมูลข่าวสารที่มีความทันสมัย สะดวก รวดเร็วทันใจ จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนเรามีความคิดสร้างสรรค์กันได้ไม่ยาก เพียงข้อมูลไม่กี่อย่าง ก็สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับใครหลายคนแล้ว เห็นไหมล่ะคะว่า มนุษย์เรานั้น อัจฉริยะแค่ไหน ? การที่จะสร้างอะไรที่เป็นของตัวเองจึงไม่ใช่เรื่องยาก จนเกินความสามารถ เพราะฉะนั้นก่อนที่จะสร้างอะไรขึ้นมา ให้ถามตัวเองดีดีก่อนว่า ตัวเองนั้นชอบอะไร ?
ดังตัวอย่าง กรณีของแบรนด์สินค้าจาก Tistgraphy ของคุณมิ้นท์ มรกต ชมบุญ และคุณกันต์ นวพร ธรรมรัตน์วิภาค ทั้งสองท่านนี้ได้ร่วมมือกันทำธุรกิจที่เริ่มต้นด้วยคำถามว่า ชอบอะไร ? และได้คำตอบของทั้งสองคือ ชอบสุนัข
หลายคนที่ไม่เคยได้ยินชื่อแบรนด์นี้ อ่านมาถึงตรงนี้อาจจะคิดว่าเขาชอบสุนัข เขาอาจจะทำอาหารสุนัขหรือของใช้ที่เกี่ยวข้องกับสุนัขหรือเปล่า คำตอบคือ ไม่ใช่ค่ะ และถึงแม้ใครหลายคนอาจจะไม่คุ้นเคยกับชื่อนี้ แต่ถ้าใครที่เคยเห็นหมอนที่มีรูปร่างและรูปทรงแปลกๆ เป็นรูปสัตว์ต่างๆ เช่น น้องหมา ปลาทู กุ้ง ปลาสลิด หรือแม้แต่เมนูอาหารต่างๆ ต้มยำกุ้ง ส้มตำปูปลาร้า ขันโตกอีสาน และอีกมากมาย หลายคน ก็ถึงกับบางอ้อ ว่าอ๋อ สินค้าของแบรนด์ Tistgraphy นี้นี่เอง ที่มีหมอนรูปร่างแปลกๆไม่เหมือนใครเขา นี่ล่ะค่ะ คือเอกลักษณ์และจุดเด่นที่ทำให้ สินค้าแบรนด์ Tistgraphy นั้นไม่เหมือนใคร
โดยสินค้าของแบรนด์ Tistgraphy นี้ ได้แรงบันดาลใจจากสุนัขตัวโปรดของทั้งคู่ที่ชื่อว่า เจ้ามะพร้าวนั่นเองจึงกลายมาเป็นไอเดียที่ผ่านการกลั่นกรองและสร้างสรรค์สิ่งที่แปลกใหม่ขึ้นมา ทั้งนี้คุณมิ้นท์และคุณกันต์ต่างสร้างสรรค์มันออกมาได้อย่างลงตัว โดยแรงบันดาลใจและความชอบนั้นมาจากสิ่งใกล้ตัวก็คือ น้องหมา นั่นเอง ซึ่งก่อนที่จะมาเป็นหมอนรูปทรงต่างๆ คุณมิ้นท์และคุณกันต์ก็ได้ผลิตเสื้อที่เป็นลายสุนัขมาก่อนหน้า ส่วนไอเดียที่เป็นหมอนนั้นได้จุดประกายต่อจากเสื้อ ว่านอกจากเสื้อแล้ว เรายังสามารถทำอะไรได้อีกนะ เช่น หมอน กระเป๋า โดยเฉพาะหมอนรูปร่างหน้าตาแปลกประหลาดแบบนี้ยังไม่เคยเห็นใครทำมาก่อน และคิดว่าสิ่งนี้ล่ะ ที่ทำให้ลูกค้าสามารถจดจำสินค้าของ Tistgraphy ได้
สินค้าของแบรนด์ Tistgraphy ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า ซึ่งการตลาดของธุรกิจตัวนี้คือ การประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ทั้ง เฟชบุค,อินสตาแกรม,ไลน์ และก็มีขายหน้าร้านด้วยค่ะ พิกัดตรงตลาดรถไฟศรีนครินทร์ เมื่อมีคนสนใจหนึ่งคนก็ย่อมมีการบอกต่อกันแบบปากต่อปาก ยิ่งเป็นสินค้าที่หาซื้อได้แค่แหล่งเดียว ที่เดียวก็คือ จากร้าน Tistgraphy นั้น จึงทำให้สินค้าติดตลาดได้มากขึ้น แต่ก็ยังประสบกับปัญหาในเรื่องของการผลิตอยู่ เนื่องจากกระบวนการผลิตยังอยู่ในระดับเล็ก คือทำแบบเย็บมือ เป็นงานฝีมือล้วนๆ จึงทำให้ผลิตสินค้าออกมาได้ไม่มาก คุณมิ้นท์และคุณกันต์บอกว่า อย่างมากสุดก็คือ 20 ตัวต่อวัน นั่นก็ไม่แน่ว่า หากสินค้าขายดีเป็นที่ต้องการของตลาด อาจจะต้องลงทุนกันอย่างจริงจัง ซึ่งต้องรอในเรื่องของงบประมาณในการนำมาลงทุนต่อไปนั่นเองค่ะ
หลังจากที่เราได้เห็นตัวอย่างของการสร้างธุรกิจเป็นของตัวเองไปอย่างคร่าวๆแล้ว เห็นไหมคะว่ามันไม่ได้ยากอย่างที่เราคิดเลย ไม่จำเป็นต้องบอกว่า ฉันยังไม่มีเงิน ฉันยังไม่มีความรู้หรือประสบการณ์ที่มากพอ ฉันคงทำไม่ได้ เพราะคิดแบบนี้ล่ะถึงยังไม่ได้ลงมือทำเสียทำเสียที เอาเป็นว่าใครที่มีไอเดียอยู่ในใจกันแล้ว ก็ลองร่างมันออกมาคร่าวๆดูนะคะ ว่าเราอยากจะทำอะไรที่เราชื่นชอบดี จำไว้เสมอว่า อะไรที่เราชอบและใกล้ตัวหรือเรารู้สึกคุ้นเคยกับมันมากที่สุด เราก็หยิบตัวนั้นล่ะมาเป็นคีย์เวิร์ด เหมือนเรากำลังเล่นเกมต่อจิ๊กซอร์ค่ะ สิ่งที่เราชอบเป็นจิ๊กซอร์ตัวแรกที่เราหยิบมาวางบนกระดาน พอได้ตัวแรก เราก็เริ่มมองหาตัวต่อๆไปที่จะนำมาต่อกัน ทำให้รูปภาพนั้นมีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น บางทีเราอาจจะต่อผิดต่อถูกบ้าง รื้อใหม่บ้าง เรียงใหม่บ้าง ของแบบนี้มันต้องใช้เวลากันสักหน่อย
และแนวคิดอีกอย่างหนึ่งที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ เรื่องของตัวสินค้าค่ะ ที่ไม่ว่าจะแปลกใหม่ไม่ซ้ำใครแค่ไหน ก็อย่าลืมในเรื่องของคุณภาพกันด้วยค่ะ เลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ ยิ่งถ้าสินค้าที่เป็นพวกเกี่ยวกับเครื่องสำอาง ที่เห็นมีวางขายกันตามท้องตลาดมีหลากหลายแบรนด์เหมือนกันค่ะที่ผลิตออกมาเยอะจนเลือกไม่ถูก เช่น พวกครีมบำรุงผิวพรรณ ผิวหน้า ต่างๆ ยิ่งควรที่จะใส่ใจผู้บริโภค ไม่ควรใช้สารอันตรายหรือว่าสารเคมีในปริมาณที่มากจนเกินไปนะคะ คือง่ายๆต้องถูกต้องตามมาตรฐาน และผ่านการรับรองจากสถาบันที่มีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็น องค์การอาหารและยา(อย.) ผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรม เป็นต้น จะก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้าได้เป็นอย่างมาก เพราะถ้าสินค้าของเราดีแล้ว หลังจากนี้ก็จะเป็นเกี่ยวกับการโปรโมทเพื่อทำการตลาดในขั้นต่อๆไป