ทุกวันมีแต่คนบ่นว่า เงินทองหายาก รายได้ไม่พอกับรายจ่าย แต่ถ้าคิดดูดีๆอาจพบว่า รายได้ของเราเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน หรือตอนเป็นเด็ก เงินทองผ่านมือเรามากกว่าก่อนตั้งเยอะแยะ ทั้งๆที่มีเงินผ่านมือมากขึ้น แต่ก็ดูเหมือนเราก็จ่ายออกไปมากขึ้น จึงทำให้รู้สึกว่าไม่มีเงินเหลือเก็บ หรือเงินไม่พอใช้ตลอดเวลา เมื่อเงินไม่พอใช้ เงินไม่เหลือเก็บ ก็มีอยู่ 2 วิธีที่ต้องจัดการคือ หารายได้เพิ่ม กับลดรายจ่ายลง แต่สิ่งล่อตาล่อใจใหม่ๆก็มีออกมาตลอดเวลา ภาระเรื่องครอบครัวลูกๆก็อยู่ในวัยกำลังใช้เงินกันทั้งนั้น จะให้ลดรายจ่ายคงเป็นไปได้ยาก ลดไม่ได้ ก็ต้องหาเพิ่ม จะทำอะไรเพิ่มดี ลองอ่านเรื่อง 10 ตัวช่วยในการหารายได้เสริม อาจช่วยให้เราค้นพบงานที่เหมาะกับตัวเรา เป็นอาชีพที่สองก็ได้
ตัวช่วยที่หนึ่ง งานอดิเรก
ลองค่อยๆนึกดูว่าแต่ละวันเราชอบทำอะไรบ้าง เช่น เล่นกีฬา อ่านหนังสือ วาดรูป วาดการ์ตูน เย็บผ้า จัดดอกไม้ ชอบทำขนม ทำกับข้าว สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เราชอบ และเต็มใจทำโดยไม่หวังเงินเดือน ลองหางานอดิเรกของเราให้เจอ เพราะมันอาจทำเงินให้เราในอนาคตก็ได้
ตัวช่วยที่สอง ความสามารถ
ลองย้อนไปดูว่าตอนเด็กเรามีความสามารถพิเศษอะไรหรือเปล่า เคยประกวดร้องเพลงได้ที่หนึ่งของโรงเรียนไหม หรือเรียนวิชาอะไรเก่งเป็นพิเศษ สอบกี่ครั้งก็ทำได้ดีตลอด หรือสังเกตจากคนรอบตัวหรือเพื่อนๆว่าชอบขอให้เราเราทำอะไรให้ แสดงว่าเราเก่ง เด่น และมีความสามารถในด้านนั้น ก็ลองนำความสามารถอันนั้นมาคิดหาวิธีดูว่า จะทำเงินจากความสามารถที่เรามีมากกว่าคนอื่นได้อย่างไร
ตัวช่วยที่สาม เครื่องมือและอุปกรณ์
เพราะเครื่องมือเรานี้เป็นตัวบอกใบ้ว่าเราชอบอะไร เราชอบสะสมเครื่องมือช่าง ชอบสะสมเครื่องครัว หรืออยู่ในแวดล้อมของเสื้อผ้าทำให้เรามีความสุข สนุก ไม่รู้เบื่อ นั่นอาจเป็นตัวบ่งชี้ว่าเรามีความสุขกับมัน และปรับให้กลายมาเป็นอาชีพเสริมได้
ตัวช่วยที่สี่ ความสุขรอบตัว
ตั้งแต่เด็กจนโต เรามีความสุขมากๆตอนอยู่ในช่วงวัยไหน และในช่วงนั้นเราทำอะไร บางคนมีความสุขอยู่กับตุ๊กตาตัวเล็ก สะสมจนเต็มบ้าน ก็ลองหาวิธีทำเงินจากสิ่งที่เกี่ยวข้องกับตุ๊กตาดู บางทีสิ่งที่เราชอบอยู่รอบๆตัวเรานี่แหละแต่เราไม่เคยรู้มาก่อน
ตัวช่วยที่ห้า บุ๊คมาร์คสุดโปรด
ใช้อินเตอร์เน็ตเข้าเว็บต่างๆ แล้วดูว่าเราชอบดูเว็บเรื่องเกี่ยวกับอะไร หรือสะดุดจมอยู่กับเว็บนั้นนานๆ และเข้าถึงมันบ่อยๆ ก็เป็นตัวบอกใบ้ความชอบของเราได้ หรือจะมีบางเว็บที่ให้เราเข้าไปทดสอบอาชีพที่เราชอบ เหมือนลองไปทำแบบตอบคำถามบุคลิกภาพดู แล้วดูผลสรุปว่า บุคลิกภาพของเราตรงกับอาชีพการงานใดบ้าง ซึ่งอาจตรงกับใจเราที่มีแนวทางอยู่ก่อนแล้วก็ได้
ตัวช่วยที่หก เขียนความชอบของตัวเอง 5 ข้อ
ในตอนแรกให้เขียนว่าเราชอบอะไร เขียนออกมาให้มากที่สุด นึกอะไรได้ก็เขียน เช่น ชอบหมา ชอบแมว ชอบเต้น ชอบสอน ชอบแต่งตัว ชอบธรรมะ จะถนัดหรือไม่ถนัดก็ไม่เป็นไร พอเขียนจนนึกไม่ออกแล้วก็จัดอันดับเรื่องที่ตัวเองจริงๆสัก 5 อันดับ ก็จะเป็นแนวทางให้เราพบเจอกับงานเสริมได้เช่นกัน
ตัวช่วยที่เจ็ด เขียนสิ่งที่คิดว่าเหมาะกับตัวเอง สัก 5 ข้อ
ซึ่งแตกต่างจากข้อหก ข้อนี้ต้องคิดถึงปัจจัยมากกว่าข้อความชอบ เพราะสถานะปัจจุบันของเราหรือของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ลองเขียนสิ่งที่คิดว่ามีงานอะไรที่เหมาะกับตัวเราบ้าง และค่อยข้างอยู่กับความเป็นจริง เมื่อเขียนมาได้หลายๆข้อแล้ว ก็นำมาจัดเรียงเป็น 5 อันดับ คัดมา 5 ข้อ ก็พอจะทำให้เราเห็นหนทางของสิ่งที่จะทำเป็นอาชีพเสริมได้
ตัวช่วยที่แปด ออกไปเรียนรู้สิ่งใหม่
ลองทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน ไปเข้ารับการฝึกอบรม ไปเข้ากลุ่มแม่บ้าน ไปเป็นอาสาสมัคร ไปท่องเที่ยวพบเจอคนใหม่ ก็อาจนำพาให้พบโอกาสและการงานใหม่ๆได้
ตัวช่วยที่เก้า จินตนาการ ลองฝันดู
ทำตัวเป็นนักทำนายอนาคตก็ได้ว่า อีก 10 ปี จะเกิดผลิตภัณฑ์อะไรที่เปลี่ยนการดำรงชีพของมนุษย์โลก แต่งนิยายวิทยาศาสตร์ดูสักเรื่องเป็นไง ใช้จินตนาการให้เต็มที่ ไม่ต้องกลัวบ้า หรือใครจะหาว่าโง่ เพราะบางทีเราอาจจะคิดได้ในสิ่งที่ยังไม่มีมนุษย์ไหนๆค้นพบมาก่อนก็ได้ และถ้ามันเจ๋ง มันอาจกลายเป็นช่องทางทำเงินให้เราได้
ตัวช่วยที่สิบ สุดท้ายให้ลงมือทำ
ไม่ต้องคิดมากอยากทำอะไร หรือมีใครให้งานอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน ให้รับปากเขาไปว่าขอทำด้วย ขอเป็นผู้ช่วยด้วย การได้ลงมือทำจะทำให้เราได้รับบทเรียนเรียนจริงๆ สัมผัสกับงานจริง ก็จะรู้ได้ว่างานนั้นงานนี้ที่เราได้ทำนั้น เราชอบไหม พอที่จะสร้างเป็นอาชีพเสริมได้หรือเปล่า ถ้าได้ก็ทำต่อไปพัฒนาต่อไป ถ้าทำแล้วไม่ชอบ ก็หยุดทำแล้วลองหาสิ่งใหม่ทำดู ลงมือทำเพื่อค้นหาตัวเองไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพบสิ่งที่ชอบ งานที่ใช่และได้เงิน