ในยุคปัจจุบันคุณพ่อคุณแม่มักมีลูกเพียงหนึ่งคน เพราะทุกวันนี้มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงในชีวิตประจำวัน อีกทั้งต้องหาคนให้มาช่วยเลี้ยง (ทีมงาน) ไม่ว่าจะเป็นปู่ย่าตายาย หรือญาติพี่น้องต่าง ๆ ดังนั้นหลายครอบครัวยุคใหม่จึงตัดสินใจที่จะมีลูกคนเดียว สิ่งนี้ทำให้มองเห็นโอกาสในอนาคตเช่นกันว่าอีก 30 – 40 ปีข้างหน้าสังคมจะขาดคนหนุ่มสาววัยทำงานเป็นไปได้
นอกจากนี้การที่หลายบ้านตัดสินใจมีลูกคนเดียว ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทุ่มทุนกับเด็กน้อยค่อนข้างสูงในทุก ๆ เรื่อง เพราะอยากให้เขาได้ใช้ของที่ดีที่สุด หรืออาจจะตามใจเด็กสมัยใหม่มากกว่าเด็กรุ่นเก่า จึงมีข้อควรระวังไม่ให้ตามใจมากเกินไป เพราะอาจจะทำให้เสียคนได้ ต้องเลี้ยงให้เขารู้จักความลำบาก สอนให้รู้จักความผิดหวังบ้าง ไม่ให้เขาทุกสิ่งทุกอย่างที่อยากได้ เด็ก ๆ อาจจะมีอาการแหกปากร้องเสียงดัง แต่คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องสนใจ เด็ก ๆ กำลังเรียนรู้วิธีให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ
เรามาดูกันว่าค่าใช้จ่ายที่ทุก ๆ ครอบครัวจะต้องเผชิญ Top Rank 6 อย่างตามความเห็นของผู้เขียนดังนี้
-
ค่าอาหารการกินประจำวัน
เป็นค่าใช้จ่ายที่ไหลออกจากกระเป๋าคุณพ่อคุณแม่เป็นประจำ ต้องเตรียมของให้พร้อมไว้ในตู้เย็นอีกด้วย อาหารและวัตถุดิบที่ให้เด็ก ๆ กินมักเป็นอาหารที่มีคุณภาพสูง ผักผลไม้ไข่ไก่เป็นเกษตรอินทรีย์ มีความเป็น Organic ดังนั้นราคาก็จะสูงตามไปด้วย เด็กวัย 6 เดือนเป็นวัยเริ่มกินข้าว 1 มื้อ พออายุเข้า 9 เดือนกินข้าว 2 มื้อ และพอ 1 ปีก็จะกินข้าว 3 มื้อ เมื่อกินหลายมื้อขึ้นก็ต้องเตรียมวัตถุดิบให้มากขึ้นตามไปด้วย การจับจ่ายซื้อของกินให้เด็ก ๆ แต่ละครั้งก็ไม่ต่ำกว่า 500 บาท อย่างน้อยก็ต้องซื้อเดือนหนึ่ง 2 – 3 ครั้ง เพื่อวัตถุดิบที่สดใหม่ ดังนั้น 1 เดือนอาจจะต้องเตรียมงบประมาณไว้ 1,500 – 2,000 บาท
-
ค่าเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม รองเท้าเด็ก
ส่วนใหญ่เสื้อผ้าของเด็กมักจะโตเร็ว ทำให้คุณพ่อคุณแม่ต้องซื้อใหม่ทุก ๆ 3 เดือน เสื้อผ้าเด็ก ๆ อย่างน้อยสมัยนี้ตัวละ 200 บาทขึ้นไป นอกจากนี้เมื่อถึงวัยที่ใกล้เดินได้ 1 ขวบ ต้องซื้อรองเท้าให้เจ้าหนูน้อย ซึ่งราคา 500 – 1,500 บาทโดยขึ้นอยู่กับยี่ห้อและคุณภาพ คุณพ่อคุณแม่หลายคนเมื่อเวลาเดินเข้าไปในโซนเสื้อผ้าเด็ก ก็จะอดใจไม่ได้ที่จะซื้อให้เจ้าตัวเล็ก เพราะแบบน่ารักน่าใช้
-
ค่าเรียนพิเศษและกิจกรรมนอกบ้าน
เด็กน้อยเมื่อเริ่มโตขึ้นใกล้วัย 1 ขวบมักไม่ชอบอยู่บ้าน พอเห็นคนกำลังจะเดินออกจากประตูบ้านเด็กน้อยก็จะร้องไห้เสียงดัง อีกอย่างการพาเด็กออกไปเล่นกิจกรรมนอกบ้านเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับเด็ก ๆ และไม่กลัวการเข้าสังคมอีกด้วย แต่อย่างที่รู้กันเมื่อออกนอกบ้าน ค่าใช้จ่ายก็เป็นเงาตามตัว ทั้งค่าอาหาร ค่ารถ ค่าร่วมกิจกรรม เด็ก ๆ เมื่อไปร่วมกิจกรรมครั้งแรกเขาจะให้ฟรี เช่น ยิมเด็ก ร้องเพลงเข้าร่วมกลุ่ม ฝึกกล้ามเนื้อมือมัดเล็ก เป็นต้น แต่ครั้งต่อไปก็ต้องซื้อเป็นคอร์ส และทุกที่จะมีค่าแรกเข้า ประมาณ 3,500 – 5,000 บาท และแต่ละครั้งที่เข้าร่วมกิจกรรมก็ต้องเสียค่าเข้าอีกด้วยประมาณ 500 – 700 บาท เป็นต้น
-
ค่าไฟ (เน้นที่เครื่องปรับอากาศ)
เนื่องจากอากาศของประเทศไทยค่อนข้างร้อนมาก เด็ก ๆ ถ้าอยากให้นอนยาวก็ต้องให้นอนห้องแอร์ และถ้าอากาศร้อนจัด อาจทำให้เกิดผดแดงขึ้นตามตัว หรือผื่นผ้าอ้อม ก้นก็จะแดงตามไปด้วย ดังนั้นจึงต้องเปิดแอร์ให้เด็ก แต่ต้องควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ในระดับ 25 – 26 องศาเซลเซียส และไม่ให้ลมโดนตัวเด็กโดยตรง เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กป่วยเป็นไข้หรือเป็นหวัด และควรใส่เสื้อหนาวกันไว้ หรือเสื้อแขนยาว เพราะเด็ก ๆ มักจะถีบผ้าห่มออกหมดเลยในช่วงกลางดึก จุดนี้ทำให้เด็กหลายคนเป็นหวัดอีกด้วย แต่ไม่ควรห่มผ้าหนาจนเกินไปจนเหงื่อออก เพราะเด็กก็จะไม่สบายเป็นหวัดได้เช่นกันเพราะตัวเปียกชื้น โดยควรกันค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเครื่องปรับอากาศไว้ประมาณ 2,000 บาทต่อเดือน (กรณี 1 เครื่องและเปิดเฉพาะตอนนอนกลางคืน 8 – 9 ชั่วโมง)
-
ค่าอุปกรณ์เสริมพัฒนาการสำหรับเด็ก
แน่นอนว่าภายในบ้านที่มีสมาชิกเป็นเจ้าตัวเล็ก จะต้องมีของเล่น หรือบริเวณมุมเด็กภายในบ้าน จึงต้องมีการจับจ่ายใช้สอยอยู่เสมอ เพราะบางทีของเล่นก็พัง ก็ต้องซื้อใหม่ ราคาของเล่นก็ไม่ใช่ถูก ๆ เพราะมีคุณภาพดีและต้องปลอดภัยเข้าปากได้ไร้สารพิษ ราคาคอกเด็กจะอยู่ที่ประมาณ 3,500 – 20,000 บาท ขึ้นกับขนาด ของเล่นก็มีตั้งแต่หลัก 100 – 5,000 บาท ขึ้นอยู่กับฟังก์ชั่นของของเล่น หรือหนังสือเด็กด้วยเช่นกัน แต่พ่อแม่หลายคนก็ยอมจ่ายเพื่อให้เจ้าตัวเล็กได้ฝึกการใช้สายตามองสีสันต่าง ๆ และกล้ามเนื้อมัดเล็กในการหยิบจับของเล่น ลูกบอล หรือตุ๊กตา
อ่านเพิ่มเติม : ชีวิต(คู่)ดี๊ดี The series : เตรียม ค่าใช้จ่าย ลูกเข้าโรงเรียน
ผู้เขียน: