ยุคนี้เป็นยุคที่ดอกเบี้ยเงินฝากต่ำติดดิน บางที่ถึงขนาดติดลบก็มี แต่ไม่ว่าจะอย่างไร วังวนของดอกเบี้ยก็จะกลับขึ้นมาอยู่ดี สำหรับคนที่ไม่ชอบการลงทุน ไม่อยากทำอะไรที่สุ่มเสี่ยง ในใจมีแต่เรื่องการฝากแบงค์กินดอกเบี้ยเท่านั้น ไม่มีวันเอาเงินไปทำอย่างอื่น เรามีหลักการฝากเงินมาให้พิจารณากันว่า การฝากเงินแบบต่างๆมีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง
การฝากออมทรัพย์
วิธีนี้ถือว่าเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด และเป็นวิธีที่เราทุกคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี คน 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ เมื่อมีเงินเหลือจากการใช้จ่ายก็จะมาเปิดบัญชีเงินฝากประเภทออมทรัพย์หรือสะสมทรัพย์แล้วแต่ธนาคารจะเรียก การเปิดบัญชีประเภทนี้ส่วนใหญ่ ธนาคารจะให้เปิดการใช้บัตร ATM พร้อมกันไปด้วย
ข้อดีของการฝากเงินแบบออมทรัพย์คือ สามารถเบิกหรือถอนตอนไหนก็ได้ จะทำวันละกี่ครั้งก็ได้ ทำให้ไม่ต้องพกเงินสดติดตัวไปคราวละมากๆ เพียงมีบัตร ATM ใบเดียว ก็สามารถกดเงินได้ทุกที่ ทุกเวลา การฝากเงินแบบนี้เป็นวิธีที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด และสะดวกสบายที่สุด สิ่งสำคัญคือต้องมีเงินเหลืออยู่ในบัญชีด้วย ถ้าไม่มี ไม่ว่าจะกดที่ไหน กดไปกี่ครั้ง เงินก็จะไม่ไหลออกมาเป็นอันขาด
ข้อเสีย การฝากเงินแบบนี้ ไม่ค่อยช่วยในการออมเงินเท่าใดนัก เพราะการเบิกถอนทำได้ง่ายเกินไป อยากได้อะไรก็กด คนที่อดใจไม่ได้ มักจะใช้เงินจนหมดแบบเดือนชนเดือน ข้อเสียอีกข้อหนึ่งคือ การฝากออมทรัพย์จะได้ดอกเบี้ยต่ำมาก และยังต้องถูกรัฐเก็บภาษีดอกเบี้ยด้วย เราจึงไม่ค่อยได้รับประโยชน์จากเงินฝากประเภทนี้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย
การฝากประจำ
บัญชีเงินฝากประจำคือ การนำเงินก้อนที่ยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้ภายในระยะเวลา สามเดือน หกเดือน หรือเป็นปีขึ้นไป เมื่อนำเงินไปฝากแล้ว จะไม่สามารถเบิกออกมาได้ จนกว่าจะครบกำหนด เช่น ถ้าฝากเงินแบบฝากประจำแบบ 6 เดือนแล้ว เราจะเบิกเงินออกมาก่อน 6 เดือนไม่ได้ หรือถ้าจำเป็นจะถอนออกมาก็ได้ แต่สิทธิประโยชน์ต่างๆก็จะได้ไม่เท่าเดิม ตามเงื่อนไขของธนาคาร
ข้อดีคือ การฝากแบบนี้จะช่วยในการเก็บออมเงินได้ดีกว่า และจะได้อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าบัญชีประเภทออมทรัพย์ด้วย
ข้อเสีย ถ้าเรามีความจำเป็นต้องใช้เงินและไม่มีเงินสำรองก้อนอื่น จะต้องถอนจากบัญชีนี้ ถือเป็นการทำผิดเงื่อนไข ทำให้ไม่ได้รับดอกเบี้ยเลยก็ได้
การฝากเพื่อเป้าหมายด้านใดด้านหนึ่งโดยเฉพาะ
คือการฝากเงินรูปแบบพิเศษที่เกิดขึ้นจากนโยบาลของรัฐบาลที่อยากส่งเสริมให้ประชาชนออมเงิน ธนาคารแต่ละแห่ง ก็จะจัดรูปแบบการฝากเงินแบบพิเศษนี้โดยใช้ชื่อเรียกแตกต่างกันไป เช่น บัญชีเงินฝากทวีสิน ทวีทรัพย์ บัญชีเงินฝากเพื่อการศึกษา บัญชีเงินฝากเพื่อความมั่นคง เป็นต้น หลักการของเงินฝากแบบเฉพาะนี้ จะใช้รูปแบบผสมระหว่างออมทรัพย์กับแบบประจำ ผู้ฝากจะต้องฝากเงินเข้าบัญชีเป็นเงินจำนวนเท่ากันทุกเดือน จนครบตามกำหนดที่ตกลงไว้กับธนาคาร เช่น สองปี สามปี ห้าปี และในช่วงเวลาที่กำหนดนี้ ห้ามเบิกถอนเงินออกมา จนกว่าจะครบกำหนดก็จะได้รับเงินคืนพร้อมดอกเบี้ย
ข้อดีคือ เป็นทางเลือกในการฝากเงินอีกทางหนึ่ง เหมือนเป็นการบังคับตัวเองให้ต้องออมเงินเป็นประจำทุกๆเดือน และจะได้รับดอกเบี้ยมากกว่าปกติ
ข้อเสีย คือหากมีความจำเป็นต้องใช้เงินก้อนนี้ ผู้ฝากจะไม่สามารถเบิกถอนออกมาได้จนกว่าจะครบกำหนด และต้องทำตามกฎที่ต้องฝากในจำนวนเงินที่เท่ากันทุกเดือน ถ้าเดือนไหนไม่มีหรือมีน้อย ก็อาจเสียผลประโยชน์เรื่องดอกเบี้ยได้
การฝากเงินไม่ว่ารูปแบบไหนก็เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการฝากของเรา ถ้าอยากฝากถอนโดยสะดวกไม่จำกัดจำนวนครั้งและจำนวนเงิน ไม่อยากพกเงินสดมากๆ ก็เลือกออมทรัพย์ ถ้าอยากได้ดอกเบี้ยเยอะก็ฝากประจำ ถ้าอยากบังคับการออมเงินอย่างสม่ำเสมอก็เลือกแบบพิเศษ ทั้งหมดอยู่ที่การตัดสินใจของเรา แม้ดอกเบี้ยยุคนี้จะต่ำติดดิน แต่ก็ยังดีกว่าเก็บเงินไว้ที่บ้านเฉยๆ นอกจากจะไม่ได้ดอกเบี้ยแล้ว ยังเสี่ยงต่อการสูญหายและภัยด้านอื่นๆอีกด้วย