เช็คสิทธิ บัตรทอง 2566 หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเพื่อประชาชน
ประเทศไทยนับว่ามีการให้ความสำคัญเกี่ยวกับสุขภาพเป็นอย่างมาก เราสามารถเดินเข้าออกโรงพยาบาลได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเหตุฉุกเฉิน หรือมีอาการเจ็บป่วยขึ้นมาระหว่างวัน แต่สิ่งหนึ่งที่หลายคนเลือกที่จะไม่ไปโรงพยาบาลก็คือค่าใช้จ่ายนั่นเอง ยิ่งหากไม่มีประกัน และไม่มีเงินสำรองสำหรับการดูแลสุขภาพอยู่แล้ว ยิ่งต้องคิดหนักเวลาจะเดินทางไปยังโรงพยาบาลสักครั้งหนึ่ง
แต่ทราบหรือไม่ว่า ความจริงแล้วประเทศไทยมีสิทธิเพื่อให้สามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ของภาครัฐได้ถึง 5 ประเภทเลยทีเดียว ประกอบไปด้วย สิทธิข้าราชการ สิทธิพนักงานรัฐวิสาหกิจ สิทธิพนักงานส่วนท้องถิ่น ผู้ประกันตนในกองทุนประกันสังคม และสุดท้ายคือสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือที่เราเรียกกันว่า บัตรทอง นั่นเอง
ล่าสุด บัตรทอง อัปเดตสิทธิ 2566 เป็นที่เรียบร้อยแล้วเพื่อเป็นการปรับปรุงให้สามารถตอบโจทย์การใช้งานของผู้คนในสังคมได้มากขึ้นกว่าเดิม มีความครอบคลุมในการรักษามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จะมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้างไป เช็คสิทธิ บัตรทอง 2566 กันเลย
บัตรทอง คืออะไร
หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรทอง นั้นเป็นสวัสดิการเพื่อประกันสุขภาพให้กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ แรงงานนอกระบบ ผู้ที่ทำงานโดยไม่มีสวัสดิการคุ้มครอง หรือไม่มีหลักประกันสังคมจากการทำงาน หากเจ็บป่วยทั่วไปที่ไม่ได้เป็นเหตุฉุกเฉินสามารถเข้ารับบริการได้ที่หน่วยบริการตามสิทธิ์ด้วยการยื่นบัตรประชาชนเพียงแค่ใบเดียว หากเป็นอาการเจ็บป่วยแบบฉุกเฉินต้องได้รับการรักษาในทันที และสามารถเข้ารับบริการกับหน่วยงานของทั้งภาครัฐ หรือเอกชนได้โดยไม่จำกัดสิทธิ์จำนวนครั้ง หากเป็นอุบัติเหตุทั่วไปก็ให้ปฏิบัติเหมือนกับในกรณีที่เจ็บป่วยฉุกเฉิน แต่หากเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากยานพาหนะให้ใช้สิทธิ์พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถให้หมดก่อนแล้วส่วนที่เกินจึงจะสามารถใช้สิทธิ์ของหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้
สิทธิหลักประกันสุขภาพ 30 บาท หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ บัตรทอง คือ สิทธิตามกฎหมายของคนไทย ที่ใช้ในการเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุข และการแพทย์ เพื่อการรักษาพยาบาล การตรวจวินิจฉัย ส่งเสริมด้านสุขภาพ และการป้องกันโรค ฯลฯ
เช็คสิทธิ บัตรทอง 2566 ครอบคลุมแค่ไหน
บัตรทอง อัปเดตสิทธิ 2566 เป็นที่เรียบร้อยแล้วเพื่อให้สามารถตอบโจทย์การใช้งานของผู้คนในสังคมได้มากขึ้นกว่าเดิม เราจึงจะพาทุกคนมาดูกันว่าบัตรทองที่อัปเดทสิทธิเป็นที่เรียบร้อยแล้วจะสามารถใช้งานอย่างไรได้บ้าง โดยเฉพาะสำหรับคนที่ใช้หลักประกันสุขภาพแห่งชาติยิ่งควรรู้เอาไว้เพราะมันจะช่วยรักษาสิทธิ์และยังช่วยให้เราสามารถเข้ารับบริการทางการแพทย์ได้อย่างคุ้มค่าอีกด้วย
- การดูแลภาวะความดันในเส้นเลือดปอดสูงโดยเฉพาะในกลุ่มทารกแรกเกิด โดยมีเป้าหมายในการให้บริการทั้งหมด 320 ราย
- การบริการรากฟันเทียม โดยมีเป้าหมายในการให้บริการทั้งหมด 15,200 ราย
- บริการทันตกรรมรักษาเนื้อเยื่อในฟันกรามแท้ มีเป้าหมายจำนวน 56,300 ราย
- บริการห้องฉุกเฉินของทางภาครัฐ โดยมีเป้าหมายจำนวน 53,184 ราย
- บริการแผ่นรองซับและผ้าอ้อมผู้ใหญ่ สำหรับผู้ที่ป่วยติดเตียงหรือไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้ตามปกติ โดยมีเป้าหมายจำนวน 48,554 ราย
- บริการยาป้องกันการติดเชื้อ HIV หรือยาเพร็พ โดยมีเป้าหมายทั้งหมด 27,000 ราย
- บริการเพิ่มยาที่มีความจำเป็นแต่ราคาสูงโดยเฉพาะในกลุ่มบัญชียา จ (2) ทั้งหมด 14 รายการ ใช้สำหรับการดูแลผู้ป่วยเป้าหมาย 9,634 ราย
- บริการดูแลผู้ป่วยแบบกึ่งเฉียบพลัน มีเป้าหมายทั้งหมด 30,283 ราย
- บริการดูแลผู้ป่วยที่ป่วยจากการได้รับพิษ ทั้งหมดจำนวน 7,598 ราย
- บริการเพิ่มเติมในคลินิกการพยาบาล คลินิกชุมชนอบอุ่น กายภาพบำบัด คลินิกทันตกรรม และคลินิกเวชกรรม จำนวนมากกว่า 2 ล้านรายรวมไปถึงบริการ home ward ด้วย
การเสริมสุขภาพ และป้องกันโรคในปี 2561
ไม่เพียงเท่านั้นยังมีบริการเพิ่มเติมเพื่อเป็นการเสริมสุขภาพ และป้องกันโรคในปี 2561 ด้วย ไม่ว่าจะเป็น
- การตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบี โดยเฉพาะในหญิงตั้งครรภ์
- การตรวจคัดกรองโรคธาลัสซีเมียในสามี หรือคู่ของผู้หญิงตั้งครรภ์ทุกราย
- การคัดกรองโรคซิฟิลิสในสามี หรือคู่ของผู้หญิงตั้งครรภ์ทุกราย
- บริการสายด่วนส่งเสริมสุขภาพจิตและสายด่วนช่วยเลิกบุหรี่
- บริการช่วยคัดกรองปัจจัยเสี่ยงที่จะส่งผลให้เกิดโรคหลอดเลือด และหัวใจ
- บริการคัดกรองสำหรับโรคมะเร็งช่องปาก และมะเร็งทั่วไป
- บริการสำหรับคัดกรองผู้ป่วยโรคพันธุกรรมในเด็กแรกเกิดด้วยเครื่อง Tandem Mass Spectrometry แบบ metabolic
- บริการตรวจสอบยีนส์ในกลุ่มผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านมโดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงสูง หรือญาติสายตรงที่พบว่าประวัติครอบครัวเคยมียีนกลายพันธุ์มาก่อน
- บริการค้นหา และคัดกรองโรควัณโรคในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงสูง
สรุปแล้วบัตรทอง อัปเดตสิทธิ 2566 ได้มีการเพิ่มบริการมากมายที่สามารถตอบโจทย์การดูแลสุขภาพให้กับประชาชนทั่วไปได้มากขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะการป้องกันการเกิดโรคที่ดูเหมือนจะให้ความสนใจมากขึ้นเป็นพิเศษ
ดังนั้น สำหรับใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพแต่ไม่เคยใช้บัตรทองมาก่อนจะลองตรวจสอบสิทธิ์ผ่านทางเว็บไซต์ https://eservices.nhso.go.th/eServices/pages/right.xhtml ก็ได้เช่นเดียวกัน โดยทางเว็บไซต์จะให้กรอกเลขบัตรประจำตัวประชาชนและวันเกิดเพื่อตรวจสอบข้อมูลสิทธิ์
โดยข้อมูลที่จะปรากฏนั้นจะเป็นข้อมูลสิทธิ์เข้ารับการบริการ ประเภทสิทธิย่อยที่แต่ละประเภทนั้นก็จะมีการคุ้มครองที่แตกต่างกันออกไป วันที่เริ่มใช้สิทธิ วันที่หมดสิทธิย่อย สถานพยาบาลที่เข้ารับการรักษาเบื้องต้นได้ สถานพยาบาลที่รับการส่งต่อ ซึ่งทั้งสองสถานพยาบาลดังกล่าวนั้นจะเป็นสถานพยาบาลเดียวกันและจะเป็นสถานพยาบาลที่อยู่ตามพื้นที่ใกล้เคียงที่อยู่ในทะเบียนบ้าน และสุดท้ายก็คือจำนวนครั้งการเปลี่ยนแปลงหน่วยบริการประจำ หากมีการย้ายที่อยู่ 1 ปีงบประมาณจะสามารถเปลี่ยนแปลงหน่วยบริการได้ทั้งหมด 4 ครั้ง