เพราะบัตรเครดิตมีประโยชน์ในการใช้เป็นเครื่องมือทางการเงิน ที่สามารถนำมาใช้ได้แทนเงินสด อย่างสะดวกสบาย แถมบางเดือนยังมีสิทธิพิเศษและโปรโมชั่นต่างๆ ที่ทำให้เกิดแรงจูงใจสำหรับการใช้จ่าย จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า หลายคนที่หันมาใช้บัตรเครดิตเปรียบเสมือนของสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะคนที่ไม่ชอบพกกระเป๋าสตางค์หนาๆ ที่เต็มไปด้วยแบงค์ต่างๆ และไม่ชอบความรู้สึกของการจ่ายด้วยเงินสด ทำให้หลายๆ คนหันมาใช้บัตรเครดิตกันมากขึ้น ซึ่งการพกพาบัตร ยังดูเหมือนเป็นการยกระดับตัวเองให้ดูดี มีคลาส ดูไฮโซอีกด้วย แต่การใช้จ่ายได้สะดวกแบบนี้ กลับเป็นเหมือนดาบสองคม
เพราะกว่าจะรู้ตัวอีกทีว่าจ่ายเงินไปเท่าไร ก็ตอนที่เห็นบิลส่งมาถึงบ้าน ซึ่งอาจทำให้คุณต้องกุมขมับกันทีเดียว เพราะบางครั้งก็เผลอลืมตัวจ่ายไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็นที่ถือเป็นของฟุ่มเฟือย เพื่อให้คุณสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากบัตรเครดิตได้มีขั้นตอนง่ายๆ มาแนะนำกัน
-
กำหนดงบประมาณในการใช้จ่าย
ปกติคุณเองก็จะทราบรายได้ที่แน่นอนของคุณในแต่ละเดือนอยู่แล้ว แต่สิ่งที่คนมักจะไม่ให้ความสำคัญส่วนใหญ่กลับเป็นรายจ่าย เพราะบางทีคนหลายๆ คนชอบคิดกันว่ามีเท่าไรก็ใช้ไม่อยากคิดมาก แถมคนที่มีบัตรเครดิตก็ยังมีวงเงินสำหรับการใช้จ่ายที่มากกว่ารายได้ตั้งหลายเท่าตัว บ่อยครั้งหลายคนมักจะเคลิบเคลิ้มไปกับโปรโมชั่นของสินค้า และบริการ ประกอบกับการมีอำนาจซื้อที่อยู่ในมือแล้วก็ไม่อยากจะเสียโอกาสทอง ทำให้เผลอนำเงินในอนาคตมาทำการใช้จ่ายเกินความจำเป็น โดยเป็นการซื้อความสุข ที่ตอนนี้กลับต้องเจอปัญหาในการขาดสภาพคล่องในอนาคต
-
การกำหนดเพดานการก่อหนี้ของบัตรเครดิต
ดังนั้นการกำหนดเพดานการก่อหนี้ของบัตรเครดิตจึงถือได้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นมาก และแนะนำว่าทุกครั้งที่คุณทำการรูดบัตรจ่ายค่าสินค้าหรือบริการ หากไม่ต้องการเป็นหนี้ แม้จะมีบัตร แต่คุณก็ควรมั่นใจด้วยว่าตัวเองมีเงินสดพร้อมสำหรับการชำระหนี้แบบเต็มจำนวน เมื่อถึงกำหนดในการชำระหรือไม่ นอกจากนี้ทุกครั้งที่หยิบบัตรขึ้นมาใช้ คุณจะต้องเก็บสลิปยอดการใช้จ่ายเอาไว้ด้วย เพื่อนำมาจดบันทึกรวมกันให้ทราบว่า ในแต่ละเดือนคุณได้ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตไปแล้วเท่าไร ซึ่งการทำแบบนี้ ยังเป็นการช่วยให้คุณสามารถจัดการบริหารการตัดรอบบัญชีได้อีกด้วย เพราะเมื่อคุณทราบว่าบัตรใบไหนตัดรอบวันที่เท่าไหร่ ก็จะสามารถเลือกใช้บัตรที่ทำให้จ่ายเงินสดได้ช้าที่สุดก่อน ซึ่งการเก็บสลิปหรือจดบันทึกรายการทุกครั้งที่ทำการกดบัตรเครดิต ยังสามารถช่วยในการใช้ตรวจสอบยอดการใช้ เมื่อมีบิลแจ้งยอดการใช้จ่ายส่งมาที่บ้านได้อีกด้วย
-
ไม่ควรพกบัตรเครดิตเกิน 1-2 ใบ
เพราะสิทธิประโยชน์ต่างๆ ของบัตรเครดิตที่ไม่เหมือนกัน ทำให้หลายคนคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ได้มีการใช้บริการบัตรเครดิตกับอยู่หลายใบหลายธนาคาร และหลายสถาบันการเงิน ซึ่งก็เพราะคุณมองว่าการมีบัตรเครดิตหลายใบ จะเป็นการสะสมคะแนน ที่ต่างก็ให้เอกสิทธิ์ที่แตกต่าง ทำให้ไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะมีบัตรเครดิตคนละหลายๆใบ แต่หากมองถึงวัตถุ ประสงค์ที่แท้จริงแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องใช้บัตรเครดิตหลายใบ เพราะการมีบัตรเครดิตหลายใบ กลับกลายเป็นว่าคุณกำลังลืมหัวใจสำคัญของการใช้บัตรเครดิตที่มีไว้ใช้แทนเงินสด สำหรับความสะดวกในการไม่ต้องพกเงินสดคราวละมากๆแนะ นำว่าเวลาออกจากบ้านก็ให้พกเพียงแค่ 1ถึง 2 ใบ ก็น่าจะเพียงพอ บัตรที่เหลือก็เก็บไว้ที่บ้านจะดีกว่า หรือหากกลัวว่าจะอดใจไม่ไหวก็ไม่ควรมีบัตรเครดิตเกิน 2 ใบ ซึ่งอาจจะเลือกบัตรที่มีคะแนนสะสมมากกว่า และมีการจ่ายเงินคืนในอัตราที่สูงกว่า และมีระยะเวลาปลอดหนี้นาน หรือเมื่อเปรียบเทียบแล้วอาจจะเป็นบัตรที่ให้สิทธิประโยชน์ดีที่สุด
-
ก่อนใช้บัตรเครดิตควรทำการตรวจสอบใบแจ้งหนี้ทุกครั้ง
ทุกรอบการใช้จ่ายจะมีการส่งใบแจ้งหนี้มาให้คุณ โดยสิ่งที่ควรทำคือ นำสลิปหรือรายการที่จดบันทึกการใช้จ่ายโดยการผ่านบัตร และนำมาตรวจสอบว่าตรงกันหรือไม่ เพราะบางครั้งอาจเกิดเหตุการณ์ที่ยอดไม่ตรงกัน ซึ่งหากคุณมีเอกสารที่สามารถพร้อมยืนยันในมือ ก็จะทำให้ยื่นเรื่องขอตรวจสอบได้ และหากมีรายการอื่นแปลกปลอมเข้ามา ในกรณีที่คุณไม่ได้เป็นคนใช้บัตรหรือพบยอดที่ผิดปกติ ก็จะต้องรีบแจ้งสถาบันการเงินทางผู้ออกบัตร เพื่อดำเนินการอายัดบัตรทันที เพราะมีความเป็นไปได้ที่คุณอาจจะถูกมิจฉาชีพขโมยข้อมูลในบัตรเครดิตไปใช้