สำหรับเทศกาลกินเจปีนี้ หลายๆคนคงบอกว่าราคาอาหารเจแพงแน่ๆ เพราะมันเป็นแบบนั้นมาทุกปี อย่างแรกที่เห็นกันชัดเจนคือราคาผัก ซึ่งช่วงกินเจเป็นช่วงที่ว่าผักทุกชนิดราคาแพง ไม่ใช่ว่าไม่มีผักจะขาย แต่เพราะเป็นเทศกาลราคาจึงขยับขึ้น และเป็นแบบนี้มาทุกปี ซึ่งปีนี้คาดว่าจะขึ้นอีก 50% เลยทีเดียว และวัตถุดิบสำหรับการปรุงอาหารเจ เช่น พวกเนื้อเทียมต่างๆ ก็ราคาสูงขึ้นตามไปด้วย
ทำให้หลายๆคนที่อยากทานเจจนครบจำนวนวันได้แต่บ่นกันว่าแพงแบบนี้จะกินดีไหมเนี่ย เพราะบางคนนั้นแม้ไม่ถือตามความเชื่อ แต่ก็อยากทานในช่วงเทศกาลเพราะถือเป็นการทำบุญ และ อาหารเจเดี๋ยวนี้หาทานง่าย แม้แต่ 7-11 ก็ยังมีขาย ทำให้หลายๆคนหันมาทานเจกันมากขึ้นในทุกๆปี
แต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจทำให้ราคาอาหารเจดีดตัวสูงขึ้นทุกปี คนซื้อก็ต้องจ่ายแพงขึ้น ทำให้หลายคนบ่นไปตามๆกันบางคนเลือกทานตามสะดวกเฉพาะบางมื้อไม่ได้เคร่งตามกำหนด เพราะด้วยเหตุผลที่ว่า ราคาวัตถุดิบแพง ข้อห้ามต่างตามกฎนั้นบางคนทำไม่ได้ และ อาหารเจสำเร็จก็แพงอย่างถูกๆ ก็ถุงละ 40-50 บาทแล้ว ซึ่งวันนี้เรามีเคล็ดลับการทานเจแบบประหยัดมาบอกกัน สำหรับคนที่อยากทานและอยากประหยัดเงินก็น่าจะเป็นประโยชน์และนำไปปรับให้เข้ากับความสะดวกของแต่ละคนได้ และหากเลือกทานแต่ผัก หรือ อาหารเจที่ไม่มันจะช่วยลดน้ำหนักได้อีกด้วย
กินเจแบบประหยัด วิธีง่ายๆ
คือ มื้อเช้าสามารถเลือกทานน้ำเต้าหู้ ซึ่งราคาไม่ขึ้นแน่นอนไม่ว่าจะเทศกาลไหนๆ น้ำเต้าหู้ยังเป็นเมนูเช้าที่มีราคาถูกอยู่เสมอ และ เลือกใส่พวกธัญพืชต่างๆ เช่น งาดำ ลูกเดือย จะช่วยให้อิ่มท้องได้มากขึ้น ส่วนมื้อกลางวันนั้นอาหารเจมีขายทั้งตามสั่งและข้าวราดแกง เราก็สามารถเลือกเมนูต่างๆได้อย่างสบายๆ และส่วนใหญ่จะราคาไม่แพงหากเป็นร้านธรรมดาๆ หรือบางคนไม่เคร่งจัดขนาดว่าต้องกินแต่ร้านที่ติดธงเจ ก็สามารถเลือกอาหารได้มากขึ้นคือ ไม่สั่งที่มีเนื้อสัตว์มาทาน บอกแบบนี้หลายคนอาจบอกว่ามันก็ผิดข้อห้ามเจ แต่ในความเป็นจริงแต่ละคนมีสถานการณ์ที่ต่างกัน ดังนั้นหากคิดว่าการไม่ทานเนื้อสัตว์ก็ถือเป็นการทานเจ ก็ได้บุญด้วยเช่นกันและอาจประหยัดกว่าการเลือกซื้อจากร้านที่มีธงเจด้วยซ้ำ เพราะในบางแห่งอาหารเจขายกันราคาโหดมาก อย่างแถวบ้านผู้เขียนนี่ก็ถือว่าแพงพอใช้เลยทีเดียวคือ เริ่มต้นที่ถุงละ 50 บาท บางอย่างเครื่องเยอะๆ ก็ราคาแพงได้อีก จนบางทีซื้อไม่ลงเลยทีเดียว
แต่สำหรับคนที่สะดวกทำอาหารเจทานเองอย่างมื้อเย็น ตัวเลือกง่ายๆ มีเยอะ แค่ไม่ใส่เนื้อสัตว์ ไม่ทานผักต้องห้ามของอาหารเจ และหากกลัวอ้วน หรือ อยากประหยัด ก็ง่ายขึ้นไปอีกเพราะไม่ต้องซื้อพวกโปรตีนต่างๆที่ทำเลียนแบบเนื้อสัตว์ และเมนูเราก็สามารถดัดแปลงได้หลากหลาย แม้ว่าไม่ใช้เนื้อสัตว์เทียม ก็ยังมีพวกเต้าหู้ ที่ทำจากถั่ว อย่างเต้าหู้ขาว เต้าหู้เหลือง เต้าหู้อ่อน หรือ แม้แต่เต้าหู้ญี่ปุ่น ที่สามารถทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์ และไม่ทำให้อ้วนเหมือนพวกเนื้อสัตว์เทียมด้วย วุ้นเส้นก็ยังทานได้ นำมาดัดแปลงเป็นเมนูก๋วยเตี๋ยวได้ ส่วนเครื่องปรุงก็ไม่ใส่ผงชูรส ไม่ใส่รสดี หรือ ยี่ห้ออื่นๆ ใช้แต่เกลือ น้ำตาล ซีอิ๊วขาว และอาหารไทยทุกชนิดดัดแปลงไม่ใส่เนื้อสัตว์ก็เป็นอาหารเจได้แล้ว เพราะเครื่องปรุงหลักๆ อย่างพริกแกงนั้นไม่มีเนื้อสัตว์ปนอยู่แล้ว เราสามารถปรุงเองได้ โดยไม่ใส่กระเทียม และ กะปิ แค่นี้ก็เป็นน้ำพริกแกงสำหรับอาหารเจแล้ว หรือ จะซื้อสำเร็จก็มีขาย
ส่วนพวกผักแนะนำให้ซื้อติดตู้เย็นไว้เลย
อย่างเช่น เห็ดชนิดต่างๆ ผักที่เราทานง่ายๆ เช่น แครอท กระหล่ำ ผักกาดขาว ผักบุ้ง หรือผักอื่นๆ เพราะการที่เราซื้อไว้แล้วทยอยทำทานจะถูกกว่าการไปซื้อทาน หรือ ทำทีซื้อที และผักบางชนิดที่กล่าวมาราคาไม่แพงมากเกินไปจากปรกติด้วย หรือ หากยังกลัวแพงแนะนำให้เลือกผักที่ไม่ค่อยสวย ผักที่มีแมลงเจาะ ผักพวกนี้ราคาจะถูกคนไม่ค่อยซื้อ แต่จริงๆคือผักพวกนี้ไม่มียาฆ่าแมลงแน่นอน หากมีรอยแมลงเจาะรับรองว่าปลอดภัย แค่มันไม่สวยเท่านั้นเอง เรามาตัดแต่งล้างให้สะอาดก็ทานได้แล้ว และแนะนำให้ซื้อตามตลาดสดราคาจะถูกกว่าตามห้างสรรพสินค้า เพราะบางตลาดยังขายผักแบบถูกๆกันอยู่เช่นตามตลาดนัด จะขายเป็นจานๆ หรือ เป็นกำๆ ซึ่งบางทีมีแบบ 3 กำ 10 บาท หรือ จานละ 20 บาท ซื้อตุนไว้ทำได้หลายมื้อเลยทีเดียว
ใครที่อยาก กินเจแบบประหยัด สะดวกแบบไหนก็ลองนำไปปรับใช้กันดูว่าแบบไหนจะสะดวกและประหยัดเงินเราได้ แม้ว่าการทานเจจะเป็นการทำบุญ แต่ทานแล้วเบียดเบียนกระเป๋าเงินตัวเองที่จำกัดจำเขี่ยมันก็เป็นการสร้างบาปเสียเปล่าๆ ทำในแบบที่ทำได้ แค่ตั้งใจจริงก็ได้บุญแล้วเหมือนกัน