ลงทุน ระยะยาว แบบไหนดี สำหรับมนุษย์เงินเดือน
เมื่อสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันค่อนข้างมีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา ส่วนหนึ่งก็มาจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีที่เข้ามามีส่วน Disruption ธุรกิจแบบเดิม ๆ ซึ่งไม่เพียงส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน แต่ยังส่งผลต่ออำนาจการตัดสินใจของผู้คนที่เพิ่มขึ้นทำให้เริ่มหันมามองหาความยั่งยืนผ่านเทรนด์การลงทุน ด้วยความต้องการที่จะบริหารความเสี่ยงต่ำ แต่เน้นให้ผลระยะยาว ในวันนี้เราจึงขอพาทุกท่านไปร่วมค้นหาทางเลือกในการ ลงทุน ระยะยาว แบบไหนดี สำหรับมนุษย์เงินเดือน ที่จะช่วยลดความเสี่ยง สร้างความคุ้มค่าอย่างมั่งคั่ง และยั่งยืน
แนะนำ 8 วิธี ลงทุนระยะยาว ที่เหมาะกับมนุษย์เงินเดือน
ในช่วงเริ่มต้นที่เข้าสู่การทำงานใหม่ ๆ ที่ยังไม่มีเงินทุน การเก็บออมและลงทุนในความเสี่ยงต่ำเป็นสิ่งที่ควรกระทำ เมื่อมีเงินงอกเงยเพิ่มมากขึ้นเป็นก้อนใหญ่ ก็สามารถแบ่งเงินก้อนนำไปลงทุนในความเสี่ยงสูงได้ โดยการลงทุนความเสี่ยงต่ำมีหลายประเภทดังนี้
-
ตราสารหนี้ระยะสั้น
เป็นการที่มีความเสี่ยงต่ำมาก และส่วนใหญ่เป็นการลงทุนระยะสั้นน้อยกว่า 1 ปี แต่กำไรที่ได้ก็น้อยลงตามไปด้วย แต่ปลอดภัยสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นในการลงทุน โดยความเสี่ยงของการลงทุนตราสารหนี้จะผันผวนตามราคา หากอัตราดอกเบี้ยอยู่ในสภาวะขาขึ้น ราคาตราสารหนี้ก็จะลง ดังนั้นนักลงทุนมีสิทธิ์ขาดทุน
-
พันธบัตร
เป็นการลงทุนที่ยังมีความเสี่ยงต่ำอยู่ แต่มีความเสี่ยงสูงกว่าตราสารหนี้ระยะสั้น และให้ผลตอบแทนหรือกำไรมากกว่าตราสารหนี้ระยะสั้น โดยพันธบัตรรัฐบาล เป็นตราสารหนี้รัฐบาล ที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐโดยผู้ซื้อเป็นเจ้าหนี้ของหน่วยงานรัฐ ผลตอบแทนเฉลี่ยของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปีอยู่ที่ 0.46% ต่อปี เมื่อถือครองจนครบอายุของพันธบัตร นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ในกรณีที่ผู้ออกตราสราหนี้ล้มละลาย ก็มีโอกาสไม่ได้รับเงินตามกำหนด
-
การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
เป็นการลงทุนอีกประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จนได้รับฉายาว่า “เสือนอนกิน” โดยความเสี่ยงของการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ คือ นักลงทุนต้องมีเงินก้อนใหญ่ อีกทั้งต้องประสบกับปัญหาจุกจิกจากผู้เช่า ค่าซ่อมแซมอสังหา ค่าเสื่อมของอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงในปัจจุบันมีการแข่งขันเพิ่มมากขึ้นในกลุ่มผู้ปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์ด้วยกันเอง
-
กองทุนรวมตลาดเงิน
เป็นกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ระยะสั้นที่อายุไม่เกิน 1 ปี โดยกองทุนรวมตลาดเงินมีผลตอบแทนโดยเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 1.1% ต่อปี
-
กองทุนรวมหุ้น
กองทุนรวมหุ้น เป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นของบริษัทต่าง ๆ หรือลงทุนในตราสารทุน ที่มีความเสี่ยงสูงกว่ากองทุนตราสารหนี้ แต่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่า จึงมีนักลงทุนจำนวนหนึ่งนิยมลงทุนในกองทุนรวมหุ้นเพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทน
โดยกองทุนรวมหุ้นมีข้อดีหลากหลายตามนโยบายของผู้จัดการกองทุน โดยแบ่งเป็นการลงทุนหุ้นในประเทศ การลงทุนในหุ้นต่างประเทศ การลงทุนหุ้น Sector และการลงทุนหุ้นดัชนี หากนักลงทุนคนไหนสนใจร่วมลงทุนกับบริษัทใหญ่ กองทุนรวมหุ้นก็ถือว่าตอบโจทย์ท่านเป็นอย่างมาก
-
กองทุนตราสารหนี้
กองทุนตราสารหนี้เป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้รูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นตราสารหนี้ของภาคเอกชนหรือภาครัฐ โดยเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ และมีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าเงินฝากประจำ โดยข้อดีของกองทุนรวมตราสารหนี้ ก็คือ มีความมั่นคงและบอกระดับความน่าเชื่อถือของบริษัทต่าง ๆ ที่กองทุนได้ดำเนินการลงทุน ทำให้นักลงทุนมือใหม่สามารถตรวจสอบได้ง่าย
-
กองทุนรวมที่มีการลดหย่อนภาษี
เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อยแต่ได้ผลตอบแทนมาก โดยกองทุนรวมที่มีการลดหย่อนภาษีอย่าง SSF และ RMF ที่ให้ผลประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีเงินได้ และยังให้ผลตอบแทนคุ้มค่าอีกด้วย
-
บัญชีเงินฝากปลอดภาษี
เป็นบัญชีเงินฝากประจำที่ปลอดภาษี ซึ่งช่วยในการจัดระเบียบวินัยในการออม ทำให้นักลงทุนมือใหม่รู้จักการวางแผน ฝึกฝนการออมอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งยังมีดอกเบี้ยเงินฝากที่สูงกว่าเงินฝากเผื่อเรียก และยังได้รับการยกเว้นภาษีเงินฝากอีกด้วย ถือได้ว่าเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยและง่ายสำหรับมือใหม่เป็นอย่างไร แต่อย่างไรก็ตามธนาคารแต่ละแห่งกำหนดให้เปิดบัญชีเงินฝากปลอดภาษีได้เพียงคนละ 1 บัญชีเท่านั้น
คงจะพอตอบได้แล้วว่า ลงทุนระยะยาวแบบไหนดี สำหรับเหล่ามนุษย์เงินเดือน ก็คงหนีไม่พ้นกลุ่มการลงทุนที่มีระดับความเสี่ยงน้อย ซึ่งได้แก่ กองทุนตราสารหนี้ พันธบัตรรัฐบาล กองทุนผสมและกองทุนรวมตลาดเงิน ที่อาจจะให้ผลตอบแทนไม่สูงเท่ากลุ่มหุ้น แต่ก็ได้มากกว่าการฝากเงินประจำที่ลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียเงินต้นจำนวนมาก แต่ทั้งนี้แม้จะมีความเสี่ยงน้อย แต่ทุกการลงทุนก็ย่อมมีความเสี่ยงจึงควรทำการประเมินตนเองก่อนว่าเหมาะกับการลงทุนแบบไหน รวมถึงนโยบาย หรือเงื่อนไขการลงทุนที่เราสนใจ รวมถึงวิธีการื้อขายและข้อกฎหมายที่เราควรรู้เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการลงทุน