สำหรับคุณพ่อคุณแม่ในยุคปัจจุบันคงปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกบ้านจะต้องมีการโต้เถียงกันระหว่างคุณพ่อกับคุณแม่ หรือคนในครอบครัวว่าควรซื้อคาร์ซีทหรือไม่ เพราะราคาสูง และไม่มั่นใจว่าลูกน้อยจะนั่งหรือไม่
จากประสบการณ์โดยตรงของที่บ้าน คุณพ่อบ้านไม่อนุมัติให้ซื้อในตอนแรก เพราะเขามีความเชื่อว่าเด็ก ๆ จะไม่นั่ง แต่คุณแม่เองนี่แหละที่จับหักคอซื้อ โดยมีการโต้เถียงกันตั้งแต่ลูกอยู่ในท้อง จนกระทั่งคลอดออกมาก จึงได้ไปซื้อในงานแฟร์ยอดฮิตอย่างงาน Baby Best Buy ที่จัดเป็นประจำทุก ๆ 3 – 4 เดือนที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ความจริงแล้วในประเทศสหรัฐอเมริกาโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานจะไม่ยอมให้เด็กกลับบ้านหลังคลอดถ้าขึ้นรถโดยไม่มีคาร์ซีท แต่ประเทศไทยยังไม่มีกฎที่เข้มงวดขนาดนั้น หลาย ๆ บ้านจึงใช้วิธีโอบอุ้มลูกน้อยกลับบ้าน ซึ่งความจริงแล้วถ้าบ้านใกล้กับโรงพยาบาลคงไม่เป็นอะไรมาก แต่ถ้าต้องนั่งรถไกลถือว่าอันตราย เพราะการอุ้มเด็กเล็ก ๆ แล้วเกิดอุบัติเหตุจะร้ายแรงเพราะผู้ใหญ่จะยิ่งบีบตัวเด็ก
ถ้าเราฝึกเด็กให้คุ้นชินกับการนั่งคาร์ซีทให้เป็นนิสัย เด็ก ๆ จะรู้หน้าที่ของตัวเอง โดยเริ่มได้ตั้งแต่แรกเกิด จนถึงโต โดยส่วนใหญ่คาร์ซีทแรกเริ่มที่ซื้อจะสามารถนั่งได้ตั้งแต่แรกเกิด เพราะจะมีอุปกรณ์ป้องกันการกระแทกบริเวณหัว ลำคอ โดยจะเป็นผ้านุ่มล็อกไว้ไม่ให้เจ็บ แบบนี้จะนั่งได้ถึง 0 – 4 ขวบ หรือเมื่อน้ำหนักตัวเด็กประมาณ 20 กิโลกรัม และเมื่อโตขึ้นก็จะมีคาร์ซีทอีกขนาดสำหรับเด็กโตไปจนถึง 10 ขวบ โดยราคามีตั้งแต่ปลาย ๆ หลักพัน ไปจนถึง 30,000 – 50,000 บาทก็มี โดยมีทั้งมือหนึงและมือสองให้เลือก แต่ถ้าพอมีทุนทรัพย์ควรเลือกมือหนึ่งเพราะเราไม่รู้ว่าของเก่ามีการผ่านอุบัติเหตุมาหรือไม่ และยังได้มาตรฐานอยู่รึเปล่า
ร้านที่แนะนำยอดฮิตสินค้ามือหนึ่งคือ Baby Gift Thailand ซึ่งมักจะไปจัดงานอยู่ที่ศูนย์สิริกิติ์เป็นประจำ หรือ มีสาขาอยู่มากมาย เช่น เมกาบางนา ก็มี หรือ จะซื้อตามห้างสรรพสินค้าก็สะดวก เช่น เซ็นทรัล โรบินสัน เดอะมอล์ โดยการซื้อตามห้างจะมีข้อดีที่สามารถใช้บัตรเครดิตเพื่อลด point ได้ ส่วนร้านมือสองที่เห็นอยู่ใน Facebook Fanpage เช่น ร้านคาร์ซีทมือสอง Seven Kids, ร้านคาร์ซีท รถเข็นเด็ก Ailebebe, Combi, Aprica, ร้านBabyBestBrand โดยร้านต่าง ๆ เหล่านี้จะนำภาพขึ้นโพสต์เป็นประจำ คุณพ่อคุณแม่สามารถติดต่อไปดูของจริงได้ที่ร้านโดยตรงและตัดสินใจเลือกซื้อ
วิธีการเลือกซื้อคาร์ซีทเบื้องต้นจากประสบการณ์ของผู้เขียนมีง่าย ๆ ดังนี้
- สอบถามจากคุณพ่อคุณแม่รุ่นพี่ ผู้มีลูกมาก่อนเรา
พ่อแม่รุ่นพี่ของพวกเรามีประสบการณ์ สามารถแนะนำเราได้ว่ายี่ห้อไหนดีและไม่ดี และพวกเขาจะบอกความจริงไม่ใช่พวกเซลล์ขายของที่มักบอกข้อดีเสมอ นอกจากนี้ยังจะช่วยแนะนำวิธีใช้ที่ถูกต้องให้กับเราได้อีกด้วย
- ควรเลือกแบบที่หมุนได้ 360 องศา
ไหน ๆ จะเสียเงินแล้ว ควรเพิ่มเติมเรื่องความสะดวกเข้าไปด้วย เพราะสามารถให้เด็กเข้านั่งทางประตูรถและหมุนได้อย่างสะดวก โดยถ้าเป็นเด็กแรกเกิดถึง 2 ขวบ ควรนั่งหันหน้าไปทางหลังรถ เพราะป้องกันกระดูคอเคลื่อน และการติดตั้งที่ถูกต้องต้องติดตั้งหลังที่นั่งคนขับ แต่ถ้าอายุ 2 ขวบแล้วก็นั่งหมุนเก้าอี้หันหน้าไปทางหน้ารถได้ แต่อย่างไรก็ตามทุกอย่างย่อมผ่อนปรนได้ เพราะเด็ก ๆ คงจะไม่ยอมนั่งตลอดเวลา อาจจะมีช่วงที่อยากมาเล่นนอกคาร์ซีทบ้าง แล้วเราก็หลอกล่อด้วยของเล่นให้เขานั่งกลับเข้าไป
- เลือกดูและสัมผัสวัสดุจริงที่ร้าน
การดูและสัมผัสของจริงด้วยมือของคุณพ่อคุณแม่ที่ร้าน จะทำให้ได้รับประสบการณ์จริง ดูความนุ่มของวัสดุความปลอดภัยคงทนแข็งแรง เพื่อตัดสินใจก่อนลงเงิน สินค้าแบบนี้ควรทดลองดึงสายรัด ดูว่าการใส่ง่ายสะดวกหรือไม่ เพราะเด็ก ๆ เราต้องจับเขานั่งอย่างรวดเร็ว และให้ของเล่นกับเขา หรือนมให้กิน มิฉะนั้นจะร้องไห้ ไม่ยอม
ถ้าได้ฝึกนั่งเป็นประจำก็จะเคยเป็นนิสัย และเขาสามารถนอนหลับในรถได้อย่างสบาย ปลอดภัยขณะที่รถวิ่งบนท้องถนนหรือทางด่วนที่รถวิ่งเร็วมาก เสียเงินค่าคาร์ซีทยังดีกว่าเพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุที่ไม่ใครคาดคิดมักจะมีความรุนแรงมาก การที่เด็กนั่งคาร์ซีทยังปลอดภัยถูกห่อหุ้มด้วยความนุ่มและรัดเข็มขัดที่จะไม่ให้เด็กพุ่งออกจากตัวรถ ดังนั้นขอแนะนำว่าให้ลงทุนไปเถอะอย่างน้อยก็ได้ใช้ 4 ปี
ผู้เขียน: