ทำไมควร สมัครบัตรเครดิต มากกว่า 1 ใบ มีเยอะกว่าแล้วดียังไง?
บัตรเครดิต ไอเท็มสำคัญตอบโจทย์คนยุคนี้ที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว แค่กดสั่ง ตัดบัตรปุ๊บ รอรับของได้เลย โดยไม่ต้องพกเงินสดติดกระเป๋าให้เสียเวลาทำให้มีเวลาช้อป หรือเพลิดเพลินไปกับการเลือกซื้อสินค้าได้นานขึ้น ยิ่งในยุคปัจจุบันมีโปรโมชั่นแจกกระจุก ช้อปกระจายทั้งคะแนนสะสม ส่วนลดค่าสินค้า โรงแรม หรือการเดินทาง รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ของบัตรเครดิตที่เราจะมาตอบถามว่า ทำไมควร สมัครบัตรเครดิต มากกว่า 1 ใบ พร้อมแผนการสร้างวินัยใช้บัตรเดรดิตอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ
ทำไมควร สมัครบัตรเครดิต ไว้มากกว่า 1 ใบ
ไม่รอช้า มาเริ่มกันที่คำถามที่หลายคนสงสัยว่ามีบัตรเครดิตหลายใบ ดีไหม ซึ่งจะเทียบให้เห็นว่ามีข้อดี – ข้อเสียของการมีบัตรเครดิตมากกว่า 1 ใบ มีอะไรบ้าง
ข้อดีของการมีบัตรเครดิตมากกว่า 1 ใบ
- ได้สิทธิประโยชน์มากกว่า เพราะบัตร 1 ใบคงจะไม่ตอบโจทย์สิทธิประโยชน์ได้เท่าตามที่ต้องการเพราะบัตรแต่ละใบจะให้สิทธิประโยชน์ที่ต่างกันเช่น บางบัตรให้เป็นคะแนนสะสม บางบัตรให้สิทธิพิเศษส่วนลดเมื่อชำระสินค้า หรือบริการในร้านค้าที่ร่วมรายการตามเงื่อนไข หรือแลกไมล์เครื่องบิน ส่วนลดโรงแรม ใช้เลาจน์บริการสนามบิน ที่จอดรถห้างฟรีซึ่งจึงต้องเลือกบัตรให้เหมาะตามความต้องการซึ่งบัตรใบเดียวอาจจะไม่พอ
- มีเงินใช้ยามฉุกเฉิน การมีบัตรใบเดียวอาจจะเพียงพอต่อการใช้จ่ายชีวิตประจำวันอยู่แล้ว แต่หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเงินไม่พอใช้ขึ้นมาการมีบัตรเครดิตเพิ่มอีกใบอาจจะช่วยให้หมุนเงินในช่วงฉุกเฉินได้ทันและถ้าหากไม่ได้ใช้ก็นำมาเก็บเพื่อสำรองในยามฉุกเฉินให้อุ่นใจ
- สร้างความยืดหยุ่นให้กับชีวิต เพราะการมีบัตรหลายใบเหมือนการเพิ่มความยืดหยุ่นให้ชีวิตเพราะเราสามารถกำหนดได้ว่าจะนำบัตรนี้ไปใช้สำหรับทำธุรกรรมอะไร เช่น ซื้อโทรศัพท์ หรือผ่อนชำระสินค้า อีกใบก็ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่นค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน ซื้อของในร้านสะดวกซื้อ ที่จะรู้ว่าชัดว่าจะมีการกำหนดจ่ายแต่ละใบเมื่อไหร่ซึ่งช่วยวางแผนในการใช้จ่ายได้ง่ายขึ้นและไม่ชนกัน
จุดที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม
- ความยุ่งยากในการชำระ เนื่องจากมีหลายใบอาจจะทำให้งงว่าแต่ละใบจ่ายช่วงไหนบ้าง ยิ่งหากวางแผนชำระไม่ดีก็จะส่งผลให้เกิดความกดดันเมื่อต้องหาเงินมาชำระและบางครั้งก็งงว่าใช้จ่ายไปเท่าไร ใบไหนจ่ายอะไรบ้างหากไม่มีการบันทึก หรือจดแยกรายละเอียด
- ใช้วงเงินเกินรายได้ จากการขาดวินัยที่เน้นจ่ายไปก่อน ผ่อนทีหลังทำให้ติดนิสัยซึ่งอาจส่งผลให้สรุปยอดค้าใช้จ่ายบัตรแต่ละใบออกมาแล้วมีรายได้ไปจ่ายไม่พอจำนวนเต็ม จ่ายได้แค่ขั้นต่ำทำให้เกินเป็นหนี้สะสมจนล้นพ้นตัวได้
6 สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณเป็นหนี้บัตรเครดิตมากเกินไป
- ผ่อนชำระขั้นต่ำ เป็นสัญญาณแรกที่เริ่มส่งสัญญาณถึงการขาดความสามารถในการจ่ายหนี้เต็มจำนวนเนื่องจากเริ่มจ่ายคืนไม่ไหว หากจ่ายคืนเต็มจำนวนจะส่งผลต่อการใ้จ่ายในชีวิตประจำวัน หรือติดลบ
- หนี้บัตรเริ่มทะลุ 40% ของรายได้ ซึ่งสื่อถึงการกำลังขาดสภาพคล่องทางการเงินเนื่องจากเริ่มส่งผลให้เงินไม่พอจ่ายในเรื่องที่จำเป็น เช่นหากมีเงินเดือน 18,000 บาท 40% เท่ากับ 7,200 บาทซึ่งเป็นยอดที่ไม่ควรหนี้บัตรเกินในแต่ละเดือน
- ใช้บัตรเต็มวงเงินเกือบทุกใบ ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่าคุณกำลังก่อหนี้มากกว่ารายได้ที่ได้รับซึ่งวงเงินในบัตรแต่ละใบที่ธนาคารให้มากค่อนข้างสูงกว่ารายได้ ยิ่งหากใช้บัตรเต็มวงเงินหลายใบจะส่งผลเป็นหนี้ท่วมตัว
- ไม่รู้ยอดค่าใช้จ่ายที่แน่นอน สะท้อนถึงการขาดความระมัดระวังในการใช้จ่ายซึ่งอาจมาจากการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันอย่างเมามัน ไม่ได้คำนึงถึงเงินในกระเป๋า หรือไม่รู้ว่าใช้จ่ายไปกับอะไรบ้าง ไม่รู้รายจ่ายที่แน่นอนส่งผลให้อาจนำไปสู่การเป็นหนี้ในอนาคต
- ไม่เหลือเงินเก็บ หรือมีเงินติดบัญชีไม่กี่ร้อยบาท หรือไม่มีเงินเก็บเผื่อฉุกเฉิน รวมถึงเริ่มการกู้หนี้นอกระบบมาหมุนภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หรือเพื่อใช้ในครัวเรือน
- ใช้ใบใหม่จ่ายหนี้ใบเดิม หลายคนมักวนแก้ปัญหาโดยการสมัครบัตรใบใหม่เพื่อได้วงเงินก้อนใหม่โดยการกดเงินสดใบใหม่นำไปจ่ายหนี้ใบเก่าซึ่งจะวนให้เป็นหนี้ไม่รู้จบ
ใช้บัตรเดรดิตอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ
ทิ้งท้ายด้วยทริคสร้างวินัยใช้บัตรเดรดิตอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ โดยเริ่มต้นได้ง่าย ๆ แค่ไม่คิดว่าบัตรเครดิตเป็นเงินในอนาคตที่เรานำมาจ่ายได้ แต่ให้เปรียบว่าเรากำลังสร้างหนี้ที่มีดอกเบี้ยและมีการทวงติดตามหากผิดนัดชำระ ทุกครั้งก่อนรูดให้ถามตัวเองอีกครั้งว่ารูดไปแล้วมั่นใจว่าชำระคืนได้จริงไหม ? ให้คิดจากรายได้ที่เข้ามาในแต่ละเดือนกับภาระที่มีหากสร้างหนี้เพิ่มจะไหวไหม มีการวางแผนการจ่ายบัตรเครดิตแต่ละใบ โดยมีการบันทึกค่าใช้จ่ายทุกครั้งที่มีการรูด กด หรือตามแผนการผ่อนชำระเพื่อให้ ชำระคืนได้ตรงเวลาและเต็มจำนวน และไม่ใช้บัตรเกินกว่ารายได้ที่มีซึ่งไม่ควร 40% ของรายได้ในแต่ละเดือน
คงจะพอเห็นภาพกันแล้วใช่ไหมว่า ทำไมควรมีบัตรเครดิตมากกว่า 1 ใบ เพราะจะตอบโจทย์ในเรื่องของสิทธิประโยชน หรือสิทธิพิเศษบางอย่างได้ดีกว่าใช้ใบเดียวและยังใช้เป็นเงินยามฉุกเฉินเพื่ออีกหนึ่งใบใช้จ่ายเพื่อชีวิตประจำวัน รวมถึงมีความยืดหยุ่นในการทำธุรกรรม หรือแบ่งจ่ายได้เป็นสัดส่วนตามวัตถุประสงค์การใช้งาน แต่ทั้งนี้ก็จะต้องมีตารางกำหนดในการชำระคืนได้ตรงเวลาและเต็มจำนวนที่เริ่มได้จากการจดบันทึกค่าใช้จ่ายและทราบระยะที่ต้องจ่ายคืน