ทำไมไม่ควรปล่อยให้ ติดเครดิตบูโร ส่งผลยังไงบ้าง ?
เครดิตบูโร (Credit Bureau) คือหน่วยงานที่ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการชำระหนี้ของประชาชนทั่วไป ซึ่งสถาบันการเงิน และบริษัทต่าง ๆ จะใช้ข้อมูลเหล่านี้ประกอบการพิจารณาในการอนุมัติสินเชื่อ เช่น บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ เป็นต้น ในวันนี้เราจึงมาสรุปประเด็นที่ว่า ทำไมไม่ควรปล่อยให้ ติดเครดิตบูโร ส่งผลยังไงบ้าง ? สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหาด้านการเงินที่ใกล้ถึงขั้นติดบูโรแล้ว ต้องรู้ว่ากำลังจะเจอความเสี่ยงใดต่อในอนาคต
เครดิตบูโร กับ แบล็คลิสต์ เหมือนกันไหม?
เครดิตบูโรกับแบล็คลิสต์เหมือนกันไหม? เครดิตบูโร และแบล็คลิสต์เป็นคำศัพท์ที่มักถูกใช้แทนกัน แต่จริง ๆ แล้วมีความแตกต่างกัน เครดิตบูโรคือหน่วยงานที่ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการชำระหนี้ของประชาชนทั่วไป ซึ่งสถาบันการเงิน และบริษัทต่าง ๆ ต่างใช้ข้อมูลเหล่านี้ประกอบการพิจารณาในการอนุมัติสินเชื่อ เช่น บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ เป็นต้น
ส่วนแบล็คลิสต์เป็นคำที่ใช้เรียกบุคคลที่มีประวัติการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งอาจถูกสถาบันการเงินหรือบริษัทต่าง ๆ ปฏิเสธการอนุมัติสินเชื่อ เนื่องจากมองว่ามีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ในอนาคต
ดังนั้น เครดิตบูโรจึงไม่ใช่แบล็คลิสต์ แต่ข้อมูลในเครดิตบูโรสามารถบ่งบอกได้ว่าบุคคลนั้นมีประวัติการผิดนัดชำระหนี้หรือไม่ หากมีประวัติการผิดนัดชำระหนี้ บุคคลนั้นอาจถูกจัดอยู่ในกลุ่มบุคคลที่มีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ และอาจถูกสถาบันการเงินหรือบริษัทต่าง ๆ ปฏิเสธการอนุมัติสินเชื่อ
เครดิตบูโร (Credit Bureau) ติดนานกี่ปี?
เครดิตบูโรจะถูกเก็บไว้เป็นระยะเวลา 3 ปี นับจากวันที่สถาบันการเงินหรือบริษัทต่าง ๆ รายงานข้อมูลการชำระหนี้ ข้อมูลการผิดนัดชำระหนี้จะถูกเก็บไว้เช่นกัน แต่จะถูกลบออกเมื่อครบกำหนด 3 ปี หากชำระหนี้ให้ตรงเวลา และครบจำนวน ดังนั้น หากเราชำระหนี้ให้ตรงเวลา ครบจำนวนเป็นเวลา 3 ปี ข้อมูลการผิดนัดชำระหนี้จะลบออกจากเครดิตบูโร ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถขอสินเชื่อได้อีกครั้ง
5 เหตุผล ทำไมไม่ควรปล่อยให้ ติดเครดิตบูโร
-
ส่งผลต่อโอกาสในการขอสินเชื่อ
อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า ข้อมูลเครดิตบูโรจะถูกใช้ประกอบการพิจารณาในการอนุมัติสินเชื่อ หากเรามีประวัติการผิดนัดชำระหนี้ สถาบันการเงิน และบริษัทต่าง ๆ จะมองว่าเราเป็นผู้ที่มีโอกาสสูงที่จะผิดนัดชำระหนี้ในอนาคต ดังนั้นจึงมีแนวโน้มที่จะไม่อนุมัติสินเชื่อให้เรา
-
เพิ่มต้นทุนในการขอสินเชื่อ
รู้ไหม่? หากเราไม่สามารถขอสินเชื่อได้ เราต้องหาเงินมาใช้จ่ายด้วยวิธีอื่น ซึ่งอาจทำให้เราต้องจ่ายดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมที่สูงกว่าการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการกู้หนี้ยืมสิน ขายทรัพย์สินส่วนตัว หรือแม้แต่กู้เงินนอกระบบ ส่งผลกระทบต่อชีวิต และอนาคตทางการเงินได้
-
เสียโอกาสในการลงทุน
ติดเครดิตบูโร (Credit Bureau) ติดแบล็คลิสต์ (Blacklist) อาจทำให้เสียโอกาสในการลงทุน เช่น การซื้อบ้าน การซื้อรถยนต์ หรือการเริ่มต้นธุรกิจ เนื่องจากสถาบันการเงินอาจไม่อนุมัติสินเชื่อให้เรา จึงทำให้เราไม่มีเงินก้อน หรือเงินที่มากเพียงพอในการนำไปลงทุน หรือซื้อทรัพย์สินต่าง ๆ
-
กระทบต่อภาพลักษณ์ทางการเงิน
การติดเครดิตบูโรอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ทางการเงินของเรา ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นมองว่าเราเป็นคนที่มีวินัยทางการเงินไม่ดี ซึ่งอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ทางธุรกิจหรือสังคมของเราได้ นอกจากนี้ ยังทำให้เราเกิดความเครียด ส่งผลต่อการเป็นภาวะโรคซึมเศร้า หรือสุขภาพในอนาคต
-
เสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้อง
สำหรับใครที่มีหนี้สินจำนวนมาก หรือมีเงินไม่เพียงพอ ทำให้ไม่สามารถจ่ายเงินค่าบัตรเครดิต แต่รู้ไหม? หากเราผิดนัดชำระหนี้เป็นเวลานาน สถาบันการเงินอาจฟ้องร้องเราเพื่อเรียกเก็บหนี้ ซึ่งอาจทำให้เราต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของเรา
ติดเครดิตบูโร แก้ยังไง?
- ชำระหนี้ให้ตรงเวลา และครบจำนวน : การชำระหนี้ให้ตรงเวลา และครบจำนวนเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการแก้ไขเครดิตบูโร จะช่วยให้ประวัติการชำระหนี้ของเราดีขึ้น และมีโอกาสได้รับการอนุมัติสินเชื่อในอนาคต
- เจรจากับเจ้าหนี้ : หากไม่สามารถชำระหนี้ได้ทั้งหมด เราสามารถเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อขอผ่อนชำระหนี้ หรือขอลดดอกเบี้ยได้ ซึ่งอาจช่วยให้เราสามารถชำระหนี้ได้โดยไม่กระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินของเรา
- ขอสินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อรีไฟแนนซ์ : หากมีประวัติการชำระหนี้ที่ดี เราสามารถขอสินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อรีไฟแนนซ์หนี้บัตรเครดิตหรือหนี้สินอื่น ๆ ที่มีอยู่ ซึ่งอาจช่วยให้เราสามารถลดภาระหนี้ และปรับปรุงประวัติการชำระหนี้ของเราได้
- รอให้ข้อมูลเครดิตบูโรลบออก : ข้อมูลเครดิตบูโรจะถูกเก็บไว้เป็นระยะเวลา 3 ปี หากเราชำระหนี้ให้ตรงเวลา และครบจำนวนเป็นเวลา 3 ปี ข้อมูลการผิดนัดชำระหนี้จะลบออกจากเครดิตบูโร ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถขอสินเชื่อได้อีกครั้ง
ทั้งหมดนี้คือ 5 เหตุผลที่ว่า ทำไมไม่ควรปล่อยให้ติดเครดิตบูโร เราจะเห็นได้ว่า การติดเครดิตบูโรอาจส่งผลเสียต่อชีวิตของเราในหลายด้าน ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการติดเครดิตบูโร โดยชำระหนี้ให้ตรงเวลา และครบจำนวน รวมถึงต้องหมั่นตรวจสอบประวัติเครดิตบูโรของเราเป็นประจำ เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลของเราถูกต้อง