เรื่องธรรมดาๆ เป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้ใส่ใจ ความเป็นธรรมดาอาจไม่เป็นที่สนใจของสังคม ใครหลายๆคน จึงใช้ความพยายามเพื่อจะไม่ธรรมดา ดูเหมือนคนเราจะให้ความสำคัญผิดกันไปหลายๆเรื่อง ของที่ได้มาฟรีๆ ได้จนเคยชิน มักไม่เห็นความสำคัญ เห็นเขาทำอะไรก็แห่ทำตามๆกัน เป็นที่ฮือฮาและภาคภูมิใจ บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำตามกระแสนิยมไปเพื่ออะไร การเห่อตามกระแสสมัยนี้ต้องใช้เงินใช้ทองมากมายทั้งนั้น สิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตขั้นพื้นฐาน มีเพียงปัจจัยสี่เท่านั้น แต่คนเราชอบสรรหาอะไรที่เกินเลย ที่สำคัญ ถ้าเรามีไม่เท่าคนอื่น ก็จะรู้สึกด้อยค่า อยู่ไม่เป็นสุข ต้องพยายามไขว่คว้าหามาให้ได้ ซึ่งบางทีมันไม่จำเป็นเลย
ดูเหมือนโลกสมัยนี้จะกลับหน้าเป็นหลัง กลับบนเป็นล่างไปเสียแล้ว สิ่งที่เราพยายามไขว่คว้า หรือพยายามจะมี จะเป็นเหมือนคนอื่นๆ ด้วยคิดว่าถ้ามีถ้าเป็นแบบนั้นแล้วจะกลายเป็นคนที่ดูดี ดูแล้วไม่ธรรมดา เหนือกว่าชาวบ้าน พอทุกคนทำแบบนี้เหมือนๆกัน ทุกคนก็เลยดูเหมือนๆกันไปหมดและก็ดูธรรมดาเหมือนเดิม และกลายเป็นคนที่ทำอะไรติดดิน กินอยู่ง่ายๆและพอเพียงนั้นต่างหากที่เป็นคนไม่ธรรมดา เพราะสังคมสมัยนี้ การจะกลับไปอยู่อย่างติดดินและพอเพียงกลับเป็นเรื่องยากมากๆ
ทำไมการทำเรื่องธรรมดาๆ จึงเป็นเรื่องยากในปัจจุบัน อาจเป็นเพราะสังคมเรายกย่องคนที่รูปร่างหน้าตา ฐานะและเงินทอง เรื่องของการตลาดและโฆษณาทำให้เรารู้สึกว่า ตัวเราไร้ค่า ต้องหาสินค้าบางอย่างมาใช้จึงจะดูดีและเป็นปกติ การออกกำลังกายด้วยวิ่ง วิ่ง วิ่ง ทุกวันที่สนามข้างบ้าน ก็ทำให้ร่างกายแข็งแรงเพียงพอแล้ว แต่สื่อก็ชวนให้เราเชื่อว่าต้องเบิร์นแบบนั้นแบบนี้ ต้องใช้ครีมนั่นนี่เสริม กลายเป็นต้องเสียเงินมากมายเพื่อให้สุขภาพดี ทั้งๆที่ถ้าเราเดินหรือวิ่งทุกวัน วันละ 15 ถึง 30 นาที เดินวิ่งที่ไหนก็ได้ ที่สะดวก ออกกำลังแบบธรรมดาๆนี่แหละทำด้วยความเพียรและสม่ำเสมอเราก็จะได้สุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี
ในเรื่องของการกินก็เช่นกัน แต่ก่อนนั้นปู่ย่าตายายของเรากินผักกินปลา กินน้ำพริกกินกระถินริมรั้ว แต่สมัยนี้คนเมืองจะหากินแบบนี้ยากเต็มที ปีหนึ่งมีโอกาสกลับบ้านนอกไปกินข้าวกับแม่พ่อ ย่ายายเพียง สองสามครั้ง การจะกินอาหารอย่างธรรมดาเหมือนเมื่อก่อนนั้นช่างยากเย็น กลายเป็นว่าจะกินปลาย่าง กินอย่างบ้านๆนั้น กลับเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดา ไม่สามารถทำกันทุกวันได้
สำหรับคนที่รู้สึกว่า ความเป็นธรรมดานั้นไม่เท่ห์ ไม่แตกต่าง ไม่เป็นที่จดจำ ลองหันกลับมาทำอะไรแบบบ้านๆ แบบที่ปู่ย่าตายาย หรืออย่างที่พ่อแม่ของเรา เคยอยู่ เคยกิน เคยใช้ เคยไป เคยใส่ เคยสอน ดูสิ ก็จะกลายเป็นคนไม่ธรรมดาขึ้นมาทันที
เพราะวิถีชีวิตแบบนี้ แบบที่คนรุ่นเก่าเคยใช้ เคยทำ มันดูยุ่งยากและไม่สะดวก แต่มันก็ไม่เปลืองเงินในกระเป๋าด้วยนี่สิ ข้อดีอันใหญ่หลวง แถมยังได้ความรู้สึกพึงพอใจ ที่ตัวเองมีวินัย ไม่เคยตัวกับการใช้เครื่องอำนวยความสะดวกทั้งหลาย แน่นอนว่าในการทำแรกย่อมไม่คุ้นชิน เหนื่อย และอาจถูกคนอื่นมองด้วยสายตาแปลกประหลาด แต่ใครจะไปรู้ได้ว่า ในสายตาแปลกๆของคนเหล่านั้นอาจกำลังรู้สึกอยากทำอยากเป็นอะไรแบบแปลกๆนั้นบ้าง เพราะเบื้องลึกมันคือพื้นเพและพื้นฐานชีวิตในวัยเด็กของเรา เพียงแต่เราถูกชักจูงและชวนเชื่อจากสื่อและสังคมคนรอบข้างให้ต้องทำอะไรๆก็ใช้เงิน สิ่งที่ไม่จำเป็นก็ชวนให้เชื่อว่าต้องใช้ ต้องซื้อ ต้องมี ไม่อย่างนั้นจะเชย จะไม่เข้าพวก ในที่สุดเราก็จะเชื่อแบบนั้นจริง และต้องทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยเพื่อเอาเงินมาแลกกับสิ่งที่คิดว่าอยู่แล้ว ใช้แล้ว จะดูดี มีเอกลักษณ์ โดดเด่น แตกต่าง เจ๋ง มันจะโดดเด่นและแตกต่างได้อย่างไร ในเมื่อทุกคนมีเหมือนๆกัน ทำเหมือนๆกัน กินอยู่คล้ายๆกัน หากอยากไม่ธรรมดาจริงๆ ลองหันกลับไปหาวิถีชีวิตพื้นบ้าน อยู่กับมันให้นานพอ อยู่กับมันให้เป็นปกติ เมื่อนั้นแหละเราจะกลายเป็นคนธรรมดาที่ไม่ธรรมดา