“ งานยุ่งมาก ไม่ค่อยมีเวลาทำอะไรเลย” เชื่อว่า ช่วงเวลาแบบนี้ เกิดขึ้นกับทุกคนที่เข้าสู่วัยทำงานอย่างเต็มตัว เอกสารที่คั่งค้าง งานที่ต้องเคลียร์ ไหนจะประชุม ไหนจะต้องออกไปพบปะลูกค้า พบปะผู้คน บางอย่างบางเรื่องก็ทำให้เราเกิดความเครียดได้ง่ายๆ แต่ไม่ว่าจะเครียดมากอย่างไร ร่างกายของเราต้องดูแลรักษา จะปล่อยทิ้งไว้ให้เป็นสาเหตุของโรคอื่นๆต่อไปอีกไม่ได้ เพราะโรคบางอย่าง เช่น โรคหัวใจ โรคเนื้องอกในสมอง มะเร็งสมอง ความดันโลหิตสูง ส่วนหนึ่งก็มาจากความเครียดนี่ล่ะค่ะที่เป็นตัวสำคัญ เพราะฉะนั้น อาการปวดศีรษะในวัยทำงาน อย่าไว้วางใจเชียวค่ะ เรามาคลายเครียดเพื่อสุขภาพที่ดีกันดีกว่า
-
นอนหลับพักผ่อน
เราจะพบว่าอาการปวดศีรษะนั้น เกิดขึ้นบ่อยที่สุดก็ต่อเมื่อเวลาที่เราทำงานไม่รู้จักหยุดพัก ถึงงานจะสำคัญแค่ไหน แต่อย่าลืมว่าร่างกายเราก็สำคัญกว่านะคะ ถ้าสุขภาพไม่ดี แล้วจะเอาแรงที่ไหนไปทำงาน ใช่ไหมล่ะ เพราะฉะนั้น ถ้ารู้สึกปวดศีรษะ มีอาการเมื่อยล้า เลื่อนลอย นั่นเป็นสัญญาณเตือนที่บอกคุณว่า ร่างกายของคุณต้องการการพักผ่อน วางงานลงสักพัก แล้วหลับตาลงนอน 2-3 ชั่วโมงยังดีค่ะ แต่ถ้ามีงานเร่งด่วนจริงๆ อาจจะพักงีบหลับ 10 นาที ให้ร่างกายและจิตใจจะได้คลายความตึงเครียดลงบ้าง
-
การดื่มน้ำเย็น
การดื่มน้ำ นอกจากจะมีส่วนช่วยให้ระบบเผาผลาญพลังงานทำงานดีขึ้นแล้ว ยังช่วยให้คืนความสดชื่นให้กับร่างกายด้วย แต่ถ้ามีอาการปวดศีรษะมากๆก็ไม่ควรดื่มน้ำเย็นจัดนะคะ เอาแค่ชื่นใจ ให้สมองปลอดโปร่งก็เพียงพอ ยิ่งหน้าร้อนแบบนี้ ยิ่งต้องดื่มน้ำเยอะๆค่ะ ร่างกายจะได้ไม่เสียสมดุล
-
อยู่ในทีที่อากาศถ่ายเท
ถ้าเราชินกับการทำงานในห้องสี่เหลี่ยมที่แสนจะอุ้ดอู้มากกว่า 8 ชั่วโมงแล้วล่ะก็ เราจะรู้สึกได้ทันทีเลยว่า ความสามารถในการมองเห็นเริ่มพร่ามัว มีอาการเซื่องซึม และร่างกายอ่อนล้าไร้พลังงาน หนักหัวอย่างบอกไม่ถูก ให้ลองเดินออกจากโต๊ะทำงานไปสูดอากาศข้างนอกบ้างค่ะ หลังเลิกงานอาจจะไปวิ่งออกกำลังกายสวนสาธารณะใกล้บ้านบ้าง นอกจากจะได้เปลี่ยนบรรยากาศแล้ว การออกกำลังยังทำให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุขออกมาด้วย ช่วยลดอาการปวดหัวและความตึงเครียดลงได้
-
นั่งสมาธิทำจิตใจให้สงบ
การทำสมาธิหลายคนบอกน่าเบื่อ และไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ นั่งนานไม่ได้ก็ว่ากันไป แต่ใครจะรู้ล่ะว่า การทำสมาธินั้นส่งผลดีต่อร่างกายพอๆกับการนอนหลับเลยทีเดียว การนั่งหลับตา ทำจิตใจให้สงบ จะช่วยให้ใจเรานิ่งมากขึ้น เมื่อใจนิ่ง ความคิดก็จะไม่ฟุ้งซ่าน เป็นการปล่อยวางความไม่สบายใจต่างๆออกไป ลดอาการเครียด วิตกกังวล และถ้ามีการทำต่อเนื่อง สม่ำเสมอจะช่วยให้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง ช่วยในเรื่องของความจำที่ดีอีกด้วยค่ะ
-
ฟังเพลงคลาสสิค
ดนตรีนอกจากจะให้ช่วยความสนุกสนานบันเทิงแล้ว ยังสามารถช่วยผ่อนคลายอารมณ์และความเครียดได้ดีทีเดียว เสียงเพลง ท่วงทำนองและตัวโน้ตที่มีความไพเราะ จะช่วยให้สมองของเราได้ผ่อนคลายมากขึ้น หรืออาจจะเลือกไปร้องคาราโอเกะ ก็ได้ค่ะ การที่เราอารมณ์ดีขึ้น อาการปวดศีรษะไมเกรน จะค่อยๆทุเลาลง
-
พูดคุยกับคนที่เรารัก
พ่อแม่ คนรัก หรือเพื่อน ที่เราไว้ใจ บางทีเราก็เครียดจากที่ทำงาน เจอกับปัญหาหลายอย่าง ไม่รู้จะหาทางออกได้อย่างไร อย่าเก็บไว้คนเดียวค่ะ ลองพูดคุย ปรึกษาคนอื่นๆดูบ้าง อย่างน้อยก็ได้มีใครสักคนคอยรับฟังเรา ช่วยกันคิดช่วยกันแก้ ถ้าสบายใจแล้ว ไม่ว่าจะเป็นปัญหามากมายแค่ไหน เราก็จะผ่านพ้นมันไปได้อย่างแน่นอน
-
สูดดมกลิ่นเปลือกส้ม
เปลือกส้มมีกลิ่นหอมที่ช่วยให้ผ่อนคลายจากการเครียดและกังวลได้ ถ้ามีส้มสักผล หลังจากแกะเปลือกรับประทานเสร็จแล้ว อย่าเพิ่งทิ้งเศษเปลือกนั้นไปค่ะ ให้ลองเอามาขยี้แล้วดมสักครู่ จะช่วยให้ผ่อนคลายขึ้น ไม่ใช่แค่ส้มอย่างเดียวนะคะ การที่ได้สูดกลิ่นหอมๆและสดชื่นจะช่วยให้สมองโล่งขึ้น เพราะฉะนั้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงานหรือที่บ้าน ควรจัดระเบียบให้ดูสะอาดอยู่เสมอ ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการหมักหมมของขยะหรือกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์นั่นเอง
-
อาบน้ำอุ่น
หลังจากกลับจากที่ทำงานด้วยความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า นั่งพักจิบน้ำสักครู่ จากนั้นก็ไปอาบน้ำ ทำความสะอาดร่างกาย ให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย โดยเฉพาะอาบน้ำในระดับอุณหภูมิที่อุ่นพอเหมาะจะ ช่วยได้ หรือไม่ก็การดื่มน้ำอะไรอุ่นๆ เมื่อร่างกายได้รับการปรนนิบัติอย่างดี จิตใจก็จะรู้สึกสงบ ไม่ฟุ้งซ่านคิดมากให้ปวดหัว
-
นวดบำบัด
ใครที่เครียดมากๆจนไมเกรนขึ้น ลองเดินเข้าร้านสปาหรือร้านนวดแผนไทยดูค่ะ การนวดเป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะให้ความรู้สึกที่สบาย ลดความเครียดได้ดี ใครที่ไม่ค่อยมีเวลาไปร้าน อาจจะนวดด้วยตัวเอง โดยใช้น้ำมันหอมระเหยทาบริเวณขมับข้างศีรษะ หรือบริเวณที่มีอาการปวดเมื่อย ตรงต้นคอ ไหล่ บั้นเอว เป็นต้น แล้วก็ค่อยๆนวด กดไปทีละจุด จะช่วยผ่อนคลายและรู้สึกดีขึ้น สามารถทำเป็นประจำตามต้องการ
ความเครียด ความกังวลต่างๆ ทำให้เราเกิดอาการปวดศีรษะได้ง่าย นอกจากนี้ก็ยังส่งผลต่อสุขภาพร่างกายอีกด้วย บางคนก็เครียดจนกินข้าวไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้ารู้ตัวว่ากำลังเครียดอยู่ล่ะก็ หาวิธีผ่อนคลายด้วยนะคะ อาจจะลองเอาวิธีข้างต้นไปทำดูก็ได้ค่ะ อย่าเพิ่งมัวแต่ทำงานเพลิน จนลืมดูแลตัวเอง สุขภาพร่างกายเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุด ดูแลรักษากันให้ดีดี ฝากไว้แต่เพียงเท่านี้ก่อน ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ.