ในโลกของการทำงาน หลายคนคงไม่ปฏิเสธว่า ปัญหาที่เกิดจากเพื่อนร่วมงานถือเป็นปัญหาใหญ่ที่บั่นทอนความรู้สึกและกำลังใจเป็นอย่างมาก และถือเป็นปัญหาบานปลายที่แก้ปัญหาได้ยากยิ่งอีกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว
เพราะสังคมในการทำงาน ได้รวบรวมผู้คนจากหลากหลายครอบครัว ร้อยพ่อพันแม่ แต่ละคนล้วนแล้วแต่ผ่านสิ่งแวดล้อมที่ต่างๆกันมา ทำให้เกิดปัญหาเข้ากับเพื่อนร่วมงานไม่ได้ก็มี สุดท้ายก็กลายเป็นมนุษย์เจ้าปัญหาที่สร้างความหนักใจให้กับเพื่อนร่วมงานได้ในที่สุด
วันนี้ เราได้รวบรวมวิธีปรับตัวให้ทำงานร่วมกับ เพื่อนร่วมงานเจ้าปัญหา ในที่ทำงานมาฝากกัน ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น ตามมาดูกันเลยดีกว่าค่ะ
-
กระทบแต่ไม่กระเทือน
ทุกครั้งที่มีปัญหาจากเพื่อนร่วมงานเข้ามากระทบ คุณต้องปรับใจตัวเอง มองปัญหาเหล่านั้นให้เป็นเรื่องปกติ เหมือนเป็นสายลมที่พัดผ่านหูหรือโสตประสาททั่วไป คิดเสียว่าเป็นเสียงนกเสียงกา แล้วหันมาโฟกัสที่เรื่องการทำงานจะดีกว่า
ปัญหาในที่ทำงานนั้นมีทุกที่ แต่ละที่ต่างก็ประสบปัญหาในรูปแบบที่คล้ายกัน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่คุณควรจะปรับใจให้ชิน อย่าลืมว่าในโลกของการทำงานนั้น ผลของการทำงาน มักมีอิทธิพลกับความมั่นคงของคุณเสมอ หากคุณเอาเวลามาใส่ใจในเรื่องไม่เป็นเรื่องแล้วลดบทบาทในการทำงานลงไป คุณอาจจะกลายเป็นคนแรกที่ถูกพิจารณาคัดออกเวลาที่เกิดปัญหาก็ได้ ใครจะรู้
-
โฟกัสไปที่เรื่องงาน เพราะคุณมาเพื่อทำงาน
ตามที่ระบุไว้ในข้อแรก ผลงานถือเป็นเรื่องสำคัญที่หัวหน้างานจะนำมาพิจารณาก่อนเรื่องอื่นๆเสมอ หากคุณมัวแต่เอาเวลาไปสนใจเรื่องอื่นๆจนเสียสมาธิในการทำงาน ส่งผลให้ผลงานของคุณแย่ลง คนที่ถูกตำหนิก็จะไม่ใช่เพื่อนร่วมงานที่สร้างปัญหาให้กับคุณ แต่จะเป็นคุณ ที่ทำงานให้บริษัทได้ไม่เต็มที่ต่างหาก
ดังนั้น คุณต้องท่องไว้เสมอว่าคุณมาเพื่อทำงาน ไม่ได้มาเพื่อเข้าสังคมหรือหาเพื่อน คุณมาเพื่อทำงาน ดังนั้นคุณก็ต้องทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาให้ดีที่สุด เท่าที่คุณจะทำได้ เพื่ออนาคตของตัวคุณเอง
-
มองข้ามเรื่องแย่ๆ โฟกัสแต่เรื่องที่ดีๆ
แน่นอนว่าถึงคุณจะโฟกัสมาที่เรื่องงาน และวางเฉยกับทุกๆเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่วายที่จะรู้สึกแย่ๆกับพฤติกรรมด้านลบของเพื่อนร่วมงาน เพราะส่วนใหญ่แล้ว ผู้ที่สร้างปัญหามักจะหาทางยุยงเพื่อรวบรวมทีม และดึงเพื่อนรวมงานท่านอื่นๆให้คล้อยตาม เพื่อที่คุณจะได้อยู่ในสังคมเพียงลำพัง และพิจารณาตัวเองออกไปจากที่ทำงานในสักวันหนึ่ง ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้ถือว่าค่อนข้างไร้สาระ แต่ก็อาจมีผลกระทบต่อสภาพจิตใจของคุณได้บ้างไม่มากก็น้อย
ทันทีที่คุณพบเจอเรื่องราวแบบนี้ แนะนำให้คุณมองข้ามพฤติการณ์แย่ๆของเพื่อนร่วมงานเหล่านี้ไปเสีย แล้วหันมาโฟกัสในเรื่องดีๆที่เคยทำให้ต่อกัน ปฏิบัติดีต่อพวกเขาด้วยความจริงใจ จนกว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แล้วคุณจะได้รับสิ่งดีๆ ตอบกลับมา พร้อมความก้าวหน้าในหน้าที่การงานอย่างแน่นอน
-
คิดให้เป็นเรื่องบวก
มองโลกในแง่บวก คือวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดเมื่อเจอเหตุการณ์เหล่านี้ ก่อนอื่นคุณต้องมองไปที่เป้าหมายในอนาคตของคุณ ว่าคุณพุ่งเป้าไปที่อะไรบ้าง แล้วจดจ่ออยู่แต่กับสิ่งนั้น คิดเสียว่าปัญหาเหล่านี้คือบททดสอบที่จะช่วยผลักดันให้คุณก้าวไปข้างหน้าได้เร็วยิ่งขึ้น และมีภูมิคุ้มกันอยู่แล้วโดยไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียน หากคุณคิดแบบนี้ คุณก็จะสนุกกับการแก้ปัญหาในแต่ละวัน และผ่านพ้นมันไปได้อย่างสวยงามในที่สุด
-
จงเชื่อมั่นในผลแห่งการกระทำที่ดี
เพราะทุกอย่างบนโลกใบนี้ล้วนขับเคลื่อนไปด้วยกฎแห่งการกระทำ คนที่ทำแต่สิ่งดีๆ คิดในเรื่องที่ดีๆ ย่อมได้ผลดีเป็นสิ่งตอบแทนเสมอ ช้าเร็วไม่สำคัญ ขอเพียงคุณเชื่อมั่นในผลแห่งการกระทำที่ดี แล้วคุณก็จะได้รับผลแห่งการกระทำที่ดีด้วยเช่นกัน
-
วางตัวให้เหมาะสม งดปรึกษาเพื่อนร่วมงานด้วยกันเอง
เมื่อคุณวางเฉยได้แล้ว อีกหนึ่งเรื่องสำคัญก็คือ งดเล่าหรือระบายปัญหาต่างๆให้กับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆได้ฟัง เพราะคุณไม่สามารถคาดเดาได้ว่า เพื่อนร่วมงานเหล่านั้น จะไม่นำเรื่องที่คุณเล่าหรือระบายให้ฟังไปดัดแปลงเนื้อความ แล้วสื่อสารให้คู่กรณีฟังแบบผิดๆ ทำให้คุณเกิดปัญหาเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมได้โดยไม่รู้ตัว
-
ปัญหาในที่ทำงาน ควรอยู่แต่ในที่ทำงานเท่านั้น
ไม่ควรเก็บไปเล่าให้คนที่บ้านฟังอยู่บ่อยๆ เพราะแต่ละคนต่างก็มีปัญหาเป็นของตัวเองกันทั้งนั้น การที่จะต้องมาคอยรับฟังปัญหาของคนอื่นๆอีกจึงกลายเป็นเรื่องที่เกินความสามารถในการรับรู้ไป จนในบางครั้ง อาจกลายเป็นเรื่องน่ารำคาญ และพัฒนาเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ดีภายในครอบครัวไปอีกกรณีหนึ่ง
อ่านเพิ่มเติม >> มนุษย์ออฟฟิศ ทำงานร่วมกันยังไงให้มีความสุข <<
ดังนั้น ทันทีที่ออกมาจากที่ทำงาน คุณควรทิ้งทุกปัญหาไว้ที่นั่นเสียให้หมด คิดง่ายๆว่าวันพรุ่งนี้ค่อยกลับไปเผชิญหน้าและหาทางแก้ปัญหาใหม่กันอีกครั้ง เพื่อที่คุณจะได้ใช้เวลาที่เหลือ พักผ่อนอย่างมีความสุขกับครอบครัว และนอนหลับสนิทพร้อมที่จะตื่นขึ้นมาทำงานในเช้าวันถัดไปด้วยความสดใสและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังใจอีกครั้ง