ในยุคปัจจุบันด้วยสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนไป ผู้หญิงเริ่มมีบทบาทในการทำงานมากขึ้น จากที่สมัยก่อนผู้หญิงมักถูกวางบทบาทให้เป็นช้างเท้าหลังและมีหน้าที่ดูแลครอบครัวพร้อมด้วยจัดการภายในบ้านเพียงอย่างเดียว แต่ด้วยภาระการงานของคุณแม่ยุคใหม่ที่คุณแม่จำเป็นต้องทำงานเพื่อแบ่งเบาค่าใช้จ่ายภายในบ้าน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการแบ่งเวลาให้ได้เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียทั้งสองอย่าง ไม่ว่าในด้านการงานและด้านการดูแลครอบครัว
อ่านเพิ่มเติม >> วางแผนค่าใช้จ่าย ฉบับคุณแม่มือใหม่ <<
คุณแม่ยุคใหม่ ควรเริ่มต้นจากการมีเวลาสำหรับตนเองและพยายามหาโอกาสผ่อนคลายเพื่อไม่ให้เกิดความเครียดจนเกินไป และการผ่อนคลายก็จะยิ่งช่วยเพิ่มพลังชีวิตในการทำงานและการดูแลครอบครัวไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งการจัดการบริหารเวลาของตนเองมีเคล็ดลับดังนี้
1.ตื่นเช้าตรู่
การพยายามตื่นเช้าตรู่จะทำให้คุณแม่มีเวลาเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมและได้ทำในสิ่งที่จำเป็น ยกตัวอย่างเช่น หากปกติคุณแม่ตื่นเพื่อเตรียมตัวสำหรับไปทำงานในช่วง 6.30 น. ก็ควรเปลี่ยนเวลาการตื่นเป็น 5.00 น. เพื่อให้ตนได้มีเวลาในการดูแลลูกให้มากขึ้น โดยอาจเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยการเตรียมทำกับข้าว หรือทำงานบ้านที่จำเป็น นอกจากนี้ หากคุณแม่ทำงานบ้าน หรือทำงานที่เกี่ยวกับการดูแลลูกเสร็จกว่าที่คาดไว้ก็อาจทำให้มีเวลาให้กับงานอดิเรกของตน อาทิ เช่น การฟังเพลงเพื่อผ่อนคลาย การออกกำลังกายเล็ก ๆ น้อย ๆ การจิบกาแฟยามเช้า เป็นต้น
2.คิดมื้ออาหารไว้ล่วงหน้าก่อนทำจริง
การเสียเวลาคิดมื้ออาหารว่าวันนี้จะทำเมนูอะไรเป็นการสิ้นเปลืองเวลาโดยเปล่าประโยชน์ ทางที่ดีที่สุดคุณแม่ควรคิดเมนูล่วงหน้าไว้เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งคุณแม่อาจถามความต้องการของลูกและสามีไว้ก่อนก็เป็นได้ หรือในกรณีที่สามีและลูกไม่มีความคิดเห็น อาจเลือกเมนูในเว็บบอร์ดเพื่อเป็นแรงบันดาลใจ ข้อดีของการคิดเมนูล่วงหน้าจะทำให้การจ่ายตลาดเพื่อซื้อกับข้าวนั้นรวดเร็ว เพราะคุณแม่สามารถจ่ายตลาดในคราวเดียวและนำกับข้าวมาเก็บไว้ในตู้เย็น จากนั้นจึงทยอยทำตามเมนูที่ตนได้วางแผนไว้ วิธีการนี้จะทำให้คุณแม่เหลือเวลามากกว่าเดิมอย่างแน่นอน
3.ปล่อยวางในเรื่องความสะอาด
คุณแม่หลาย ๆ คนอาจเป็นผู้ที่ต้องการให้บ้านสะอาดอยู่ตลอดเวลา หรือเป็นผู้ที่เคร่งครัดกับความสะอาดมากจนเกินไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจส่งผลเสียในด้านภาระของแม่บ้าน การไม่ปล่อยวางในเรื่องความสะอาดจะทำให้คุณแม่ต้องเหนื่อยอยู่ตลอด เพราะในความเป็นจริงบ้านที่มีเด็กจะมีความสกปรกและไม่เป็นระเบียบอยู่บ้าง ทางที่ดีที่สุดคุณแม่ควรทำในจุดที่เห็นว่าควรทำและปล่อยในจุดที่ควรปล่อย
-
จัดเตรียมสิ่งจำเป็นไว้ตั้งแต่ตอนกลางคืน
บางครั้งช่วงเวลาก่อนนอนก็เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการจัดเตรียมสิ่งของให้กับลูกและสามี ยกตัวอย่างเช่น การเตรียมเสื้อผ้าสำหรับให้ลูกแต่งตัวไปโรงเรียน การจัดเตรียมหาสิ่งของจำเป็น เช่น ถุงเท้า รองเท้า เพื่อไม่ให้ช่วงเช้าเป็นช่วงเวลาที่ชุลมุนเกินไปนัก นอกจากนี้คุณแม่อาจใช้ช่วงเวลากลางคืนในการเตรียมทำกับข้าวเพื่อประหยัดเวลาในช่วงเช้าก็ได้เช่นกัน หากคุณแม่สามารถแบ่งเวลาสำหรับเตรียมเพื่อลูกและสามีได้ในช่วงกลางคืน คุณแม่ก็จะมีเวลาในช่วงเช้ามากขึ้นอย่างแน่นอน
5.ให้ความรักกับลูกอย่างเพียงพอ
แม้ว่าคุณแม่จะต้องไปทำงาน แต่เช้าตรู่และกลับมาบ้านก็อาจมีภาระหลาย ๆ อย่าง แต่สิ่งหนึ่งที่คุณแม่ไม่ควรละเลยคือการให้ความรักกับลูกอย่างเพียงพอ ควรบอกรักลูก กอดลูกเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นเวลาเช้า หรือเวลาก่อนนอน นอกจากนี้ควรแบ่งเวลาสำหรับพูดคุยเรื่องราวและถามถึงความสุข-ความทุกข์ของลูกบ้าง เพราะบางครั้งลูกอาจรู้สึกเกรงใจที่แม่มีภาระการงานจึงไม่ได้ขอคำปรึกษาในเรื่องต่าง ๆ จึงเป็นหน้าที่ของแม่คอยดูแลความรู้สึกของลูกนั่นเอง
6.หากิจกรรมร่วมกันในครอบครัว
ทุก ๆ วันหยุดสุดสัปดาห์อันเป็นวันหยุดของครอบครัว คุณแม่ควรใช้เวลานี้ให้เป็นประโยชน์ด้วยการทำกิจกรรมร่วมกันกับลูก ยกตัวอย่างเช่น พาลูกไปเที่ยวในที่ ๆ ลูกต้องการ หรือทำอาหารอร่อย ๆ ในบ้านก็ได้เช่นกัน ซึ่งหากคุณแม่มีนัดหมายเรื่องงานในวันหยุดควรเลื่อนนัดออกไป เพื่อไม่ให้ลูกเกิดความรู้สึกว่า คุณแม่สนใจแต่งานนั่นเอง การแบ่งเวลาในวันหยุดสุดสัปดาห์เพื่อทำกิจกรรมร่วมกันกับลูกจะเป็นการกระชับความสัมพันธ์และสายใยรักแม่ลูกให้งดงามมากยิ่งขึ้น
7.รักษาสัญญากับลูก
คุณแม่ควรรักษาคำสัญญาที่ให้ไว้กับลูก เพราะเด็กจะมีความสามารถในการจดจำเรื่องราวต่าง ๆ ได้ดีกว่าผู้ใหญ่ และเรื่องบางเรื่องคุณแม่อาจหลงลืมและละเลยไปเนื่องด้วยภาระการงาน ทางที่ดีที่สุด หากคุณแม่ไม่มั่นใจว่าตนจะจำได้หรือไม่ก็ควรจดบันทึกไว้เพื่อไม่ให้เกิดการผิดสัญญาขึ้น เพราะเมื่อใดที่แม่เริ่มผิดสัญญา แม้เพียงครั้งแรกก็ตาม ลูกจะหมดความเชื่อมั่นและไว้วางใจในตัวคุณแม่อย่างแน่นอน
สำหรับ คุณแม่ยุคใหม่ ทุกคนควรแบ่งเวลาให้ครอบครัวและการงานอย่างสมดุล และควรให้น้ำหนักไปที่การดูแลลูกมากที่สุด เพราะในความเป็นจริงแล้ว ครอบครัวคือสิ่งล้ำค่าที่สุดในชีวิตที่ไม่อาจหาสิ่งใดทดแทนได้ นอกจากนี้คุณพ่อบ้านก็ควรช่วยแบ่งเบาภาระการงานภายในบ้านของภรรยาบ้างเพื่อไม่ให้ภรรยาเกิดความเหนื่อยล้ามากเกินไปและเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีภายในครอบครัวอีกด้วย