ปกติเรามักจะได้ยินประโยคเตือนนักลงทุนที่ว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนโปรดศึกษาข้อมูลก่อนการลงทุนทุกครั้ง” เป็นประโยคที่ใช้เตือนผู้คนที่กำลังกล้าๆ กลัวๆ ว่าจะลงทุนดีหรือไม่ แต่แทนที่ประโยคดังกล่าวจะเป็นการเตือนสติ อาจกลับกลายเป็นว่าทำให้บางคนกลัวการลงทุนกันจนขี้หดตดหาย ยิ่งมีตัวอย่างคนที่ล้มเหลวและขาดทุนจากการลงทุนให้เห็นอยู่ทั่วไป ยิ่งทำให้การลงทุนดูเป็นเรื่องน่ากลัวมากยิ่งขึ้นไปอีก
แต่ช้าก่อน! หากคุณคิดจะหันหลังให้กับการลงทุน เพราะผมมีอยู่หนึ่งประโยคที่จะขอเตือนผู้ที่ไม่คิดจะลงทุนทุกท่านว่า “การ ไม่ลงทุน มีความเสี่ยง ผู้ ไม่ลงทุน โปรดศึกษาความเสี่ยงก่อนการไม่ลงทุนทุกครั้ง” อันนี้ไม่ใช่มุกนะครับ เพราะคนที่ ไม่ลงทุน นั้น มีความเสี่ยงกว่าคนที่คิดจะลงทุนเสียอีก ที่สำคัญการไม่ลงทุนนั้น เป็นการการันตีได้เลยว่าคุณขาดทุนแน่นอน!
ผมเชื่อแน่ว่า ต่อไปในอนาคตพวกเราทุกคนจะไม่สามารถหลีกหนีเรื่องการลงทุนไปได้ ไม่ใช่แค่ “ควร” ศึกษานะครับ แต่เราทุกคน “จำเป็นต้อง” ศึกษาเรื่องการลงทุนกันเลยทีเดียว ผมมี 2 เหตุผลสำคัญ ที่จะเป็นเครื่องยืนยันว่า การลงทุนนั้นมีความสำคัญเพียงไร
1. เงินเฟ้อ
คุณมักจะเคยได้ยินใครหลายคนที่มักจะบ่นเกี่ยวกับข้าวของที่มีราคาเพิ่มสูงขึ้นอยู่เสมอใช่มั้ยครับ? คุณรู้มั้ยครับว่าคนที่บ่นเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ มันเป็นการบ่งบอกให้รู้ว่าคนๆ นั้นไม่เข้าใจเรื่องเงินเฟ้อเลย แล้วเงินเฟ้อมันคืออะไร? เรามาทำความรู้จักกับมันก่อนนะครับ
เงินเฟ้อ หรือ Inflation คือการที่ราคาสินค้าหรือบริการมีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง คุณลองคิดดูสิว่าเงิน 100 บาทในสมัยนี้กับสมัยก่อนมันมีกำลังซื้อเท่ากันหรือไม่? แต่ก่อนเงิน 100 บาทอาจสามารถซื้อข้าวแกงได้ 3-4 จาน แต่ปัจจุบันอาจซื้อได้แค่ 2-3 จาน ประมาณ 20 กว่าปีที่แล้ว ค่าโดยสารรถประจำทางราคา 3.50 บาท แต่ตอนนี้ราคาอยู่ที่ 6.50 บาท ยาคูลย์ตอนนั้นราคาขวดละ 4 บาท ปัจจุบันราคา 8 บาท (ราคาเพิ่มขึ้น 100% ในเวลา 20 ปี) พอจะเข้าใจเกี่ยวกับเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นมั้ยครับ
เงินเฟ้อเป็นภัยเงียบ มันจะค่อยๆ กัดกินมูลค่าเงินของคุณโดยที่คุณไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ เมื่อเวลาผ่านไปเงินของคุณจะมีอำนาจการซื้อลดลงเรื่อยๆ และคุณอย่าได้คิดเชียวว่าการเอาเงินฝากไว้ในบัญชีธนาคารเพื่อหวังดอกเบี้ยเงินฝากจะสามารถเอาชนะอัตราเงินเฟ้อได้ อย่างเก่งสำหรับบัญชีฝากประจำจะมีดอกเบี้ยให้คุณแค่ประมาณ 3% ต่อปีเท่านั้น แต่อัตราเงินเฟ้อนั้นประมาณ 3-5% ต่อปี และไม่มีทางต่ำกว่านี้แน่นอน ดังนั้นการออมเงินไว้กับธนาคารนั้นถือได้ว่าเป็นการลงทุนที่มีรัฐบาลเป็นประกันว่า “คุณขาดทุนแน่” เพราะอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารจะไม่มีวันไล่ตามอัตราเงินเฟ้อได้ทันแน่นอน ที่น่าเจ็บใจก็คือ คุณเห็นหรือไม่ว่าต่อให้คุณไม่ได้นำเงินไปทำอะไรเลย คุณก็ขาดทุนแล้วนะครับ (เป็นการขาดทุนแบบงงๆ เพราะคุณขาดทุนทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ลงทุนอะไรเลยด้วยซ้ำ)
2. คุณไม่สามารถทำงานได้ทั้งชีวิต
ในวันที่คุณยังคงมีแรงทำมาหากิน คุณอาจจะไม่ค่อยสนใจหรอกว่า ในวันที่คุณไม่สามารถทำงานได้แล้วนั้น คุณจะหารายได้มาจากไหน แต่ไม่ว่าคุณจะใส่ใจในเรื่องนี้หรือไม่ก็ตาม วันนั้นจะมาถึงอย่างแน่นอนครับ!
ผมไม่รู้หรอกว่าในวันที่คุณไม่สามารถทำงานได้แล้วนั้น คุณจะรวยหรือมีเงินมากพอที่จะเลี้ยงดูตัวคุณเอง รวมถึงคนในครอบครับของคุณหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ คุณต้องมีวันแก่ และคุณต้องมีวันที่เจ็บป่วย สิ่งนี้เป็นเรื่องที่เราทุกคนหลีกหนีไม่พ้น
คนทั่วไปมักทำงานแบบใช้ชีวิตไปวันๆ โดยขาดการวางแผน บางคนทำงานไปจนถึงวันที่ตัวเองเกษียณ แล้วมารู้ตัวอีกทีว่าเงินที่ตัวเองเก็บมานั้น ไม่พอใช้สำหรับชีวิตในวัยเกษียณซะแล้ว ในเมื่อรายได้หยุด แต่รายจ่ายไม่ได้หยุดตามไปด้วย ผู้สูงอายุบางคนถึงกับต้องออกมาหางานหาเงินเพื่อเลี้ยงดูตัวเองในวัยชรา จะหวังพึ่งลูกหลานก็ลำบาก เพราะแต่ละคนก็มีภาระค่าใช้จ่ายของตัวเองของตัวเองมากพออยู่แล้ว ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าคุณจะแข็งแรงหรือขยันทำงานสักแค่ไหน คุณก็ต้องพ่ายแพ้แก่สังขารของตัวเองอยู่วันยังค่ำ นี่คือสิ่งที่คุณต้องตระหนักถึงตั้งแต่ในวัยที่คุณทำงานเลยทีเดียว คุณต้องระลึกอยู่เสมอว่า “คุณไม่สามารถทำงานได้ทั้งชีวิต”
ผมมีข่าวร้ายจะมาบอกคุณว่า ไม่ว่ายังไงก็ตาม คุณไม่สามารถหลีกหนีเรื่องของ “เงินเฟ้อ” กับความจริงที่ว่า “คุณไม่สามารถทำงานได้ทั้งชีวิต” ได้ แต่ข่าวดีคือ คุณสามารถอยู่กับมันอย่างมีความสุขได้นะครับ ถ้าคุณมีความรู้เรื่อง “การลงทุน”
ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องทำคือ หาช่องทางการลงทุนที่สามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้ ซึ่งหมายความว่า การลงทุนนั้นต้องให้ผลตอบแทนที่มากกว่า 3-5% ต่อปี (ไม่ยากเกินความสามารถใช่มั้ยล่ะครับ?) นอกจากนี้คุณต้องวางแผนการลงทุนในการที่จะสะสมทรัพย์สินของคุณให้มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะในอนาคตรายได้จากทรัพย์สินนี้เอง ที่จะเลี้ยงดูคุณในวันที่คุณเกษียณ หรือในวันที่คุณไม่สามารถทำงานหาเงินได้อีกต่อไปแล้ว
การลงทุน ไม่ได้เป็นเรื่องของคนรวยอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่เป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับทุกๆ คน ถ้าไม่อยากมีปัญหาเรื่องการเงินในภายภาคหน้า รีบศึกษาและเริ่มลงทุนตั้งแต่วันนี้นะครับ!