การลงทุน ทุกคนย่อมมีความหวังกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการหวังกำไรในเงินตราที่เราควรจะได้รับเมื่อลงทุนไปแล้ว การลงทุน นี้มันไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องลงด้วยเงินเสมอไปนะคะ หากเราเจอหญิงสาวคนหนึ่งและเป็นที่หมายตาของเราแล้ว ทำอย่างไรเราจึงจะได้เธอนั้นเป็นแฟน นั่นก็คือ การลงทุน นั้นเอง คือเป้าหมายของเราคือต้องการหญิงสาวนั้นมาเป็นคู่กายเรา ทางที่เราจะได้เธอมานั้นก็เป็น การลงทุน ไปจีบเธอ ต้นทุนในที่นี้ก็คือความรัก นั่นเอง
ดังข้างต้นที่กล่าวมา ก็เป็นการเปรียบเทียบชีวิตกับ การลงทุน เราลองคิดดูว่าตอนนี้เราต้องการอะไร เมื่อเราหาในสิ่งที่เราต้องการได้แล้วนั้นก็จะเป็นเป้าหมายของเรา ต่อไปก็คือการลงทุนนั่นเอง เช่น ต้องการมีบ้านใหญ่ๆสักหนึ่งหลัง บ้านก็คือเป้าหมายของเรา สิ่งที่เราจะได้มาก็คือการลงทุนสร้างบ้านหรือลงทุนซื้อบ้านมาด้วยเงินของเรา หากแต่เราต้องการเงินตราหรือทรัพย์สิน แบบนี้เราจะทำได้อย่างไรโดยที่ตัวเราไม่ต้องทำงานหนักและได้ผลตอบแทนดี นั่นก็อาจจะเป็นการนำเงินบางส่วนไปลงทุน การลงทุนในที่นี้ก็จะครอบคลุบได้หลายอย่างเช่น ลงทุนทำธุรกิจ ลงทุนซื้อหุ้นเพื่อเกณฑ์กำไร การลงทุนซื้อที่ดินเพื่อเกร็งกำไร
มีตัวอย่างของบุคคลท่านหนึ่งที่ได้ออกมาเปิดเผยความลับของเขากับการลงทุนนั่นก็คือ วอร์เร็น บัฟเฟตต์ ที่ได้ประสบความสำเร็จในชีวิต ซึ่งตอนนี้เขามีทรัพย์สินทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 68,400ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 2.3 ล้านล้านบาท ถือว่าเป็นมหาเศรษฐีระดับโลกเลย โดยที่วอร์เร็น บัฟเฟตต์ ได้มาเปิดเผยชีวิตของการลงทุนก็คือ
1. การลงทุนด้วยการเรียนรู้
คงจะหลักหลีกหนีการศึกษาไปไม่ได้เพราะว่าการศึกษานั้นเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะเด็กๆสมัยนี้ไม่ค่อยเห็นคุณว่าของการเรียนมากนัก จึงทำให้ไม่มีความคิด ความก้าวหน้าในชีวิต เมื่อเรียนจบไปแล้วก็เพียงแต่หวังมีงาน มีเงิน เท่านั้น เพราะฉะนั้นหากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากปรับเปลี่ยนชีวิตตนเองใหม่ คือการลงทุนด้วยการศึกษาเล่าเรียนและเรียนรู้กับประสบการณ์ๆ อยู่เสมอเพื่อที่จะได้เพิ่มพูนความรู้ของตนเองให้มากๆ
2. อย่าเรียนรู้เพียงแต่ในห้องเรียน
การเรียนรู้เป็นสิ่งที่มีคุณค่าเป็นอย่างมาก ทุกสิ่งทุกอย่างต่างๆ เราสามารถเรียนรู้ได้หมด ไม่เฉพาะในห้องเรียนเท่านั้น การศึกษานอกห้องเรียนเราก็ควรปฏิบัติเช่นกัน
3. ลงทุนด้วยการหาความรู้ใหม่ๆอยู่เสมอ
การลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด วอร์เร็น บัฟเฟตต์ กล่าวไว้ว่าการหาความรู้มาใส่ตัวเองนับเป็นกำไรมหาศาลเพราะใครๆก็ไม่สามารถเข้ามาเก็บภาษาของคุณได้ ซึ่งผิดจากหุ้นที่มีการเสียภาษี
แปลกไหมคะว่าทำไมหลายคนไม่รวยกันสักที ก็เพราะว่าตนเองยังไม่เข้าใจว่า สิ่งไหน คือ สิ่งที่ตัวเองควรทำก่อนหรือ สิ่งไหนควรทำทีหลัง การลงทุนที่บอกว่ากำไรที่สุดงดงามในชีวิตก็คือการเรียนการศึกษาหาความรู้ใหม่ๆตลาดเวลา อย่างเช่น การลงทุนเปิดร้านคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะรับซ่อมคอมหรือเปิดเป็นร้านอินเทอร์เน็ต หรือจะเป็นธุรกิจอื่นๆก็แล้วแต่คุณ ขั้นแรกก็คือการหาความรู้ใหม่ๆอยู่ตลอดก็คือ สิ่งต่างบนโลกย่อมเปลี่ยนแปลงไปเร็ว หากเรายังมัวทำแบบเดิมๆอยู่หากินแบบเดิมๆก็ไม่ทันคนอื่นแล้วละ การหาความรู้ใหม่ๆไมว่าจะเป็น การซ่อมอย่างไรให้เครื่องที่เก่ากลับมาแรงขึ้น หรือการสร้างการตลาดแบบหาลูกค้าด้วยวิธีต่างๆ นี่ก็เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆ หากคุณจะซื้อหุ้น คุณก็ต้องหาความรู้ใหม่ๆเช่นกัน ว่าหุ้นตัวนี้ บริษัทนี้ สินค้านี้ จะเป็นที่ต้องการของคนในอนาคตหรือไม่ หากไม่แล้วเราจะมีวิธีปรับเปลี่ยนได้อย่างไร
วอร์เร็น บัฟเฟตต์ ยังกล่าวอีกว่าเราจำเป็นหรือที่จะต้องใช้เงินตามฐานะของเรา อย่างมีเงินมากมาย จำเป็นต้องมีบ้าน 5 หลัง หรือ 8 หลังแบบนั้นหรือ แล้วมีรถยนต์หรูๆสัก 9 คันหรือ
หลายคนคิดว่าตนเองมีเงินเดือน เดือนละ 15000 บาท จะกินอะไรสักอย่างก็ขอให้เป็นร้านดัง หรือจะเที่ยวที่ไหนก็ขอให้ร้านหรูๆ วายจะทานทั้งทีก็ขอให้แพงๆสมกับฐานะเราหน่อย แล้วแบบนี้แค่ไหนที่เราเรียกว่ารวย เพราะเราใช้เกินตัวอยู่แบบนี้เงินเราถึงไม่ยอมงอกเงยสักที มี 100 ก็ใช้ 90 มี 1000 ก็ใช้ 900 แบบนี้เราลองเปลี่ยนใหม่จะดีกว่าใหม่ มี 1000 ใช้ 90 แบบนี้จะดีกว่าหรือไม่
คนเราทุกคนเชื่อว่าก็หวังเพียงแค่ว่ามีบ้านดีๆสักหนึ่งหลัง มีรถยนต์ มีคนรัก มีครอบครัวที่มีความสุขก็เพียงพอแล้ว แต่ด้วยเรามีความโลภเป็นของคู่กาย เมื่อก่อนอาจเคยคิดแบบนี้ แต่พอเรามีแล้วก็คือว่าเราควรจะมีมากกว่านี้ เพราะใช้มาก สิ่งที่ได้มาก็เหมือนเดิมรายจ่ายเท่าเดิมเพียงแค่ จำนวนเงินนั้นเปลี่ยนไปเท่านั้นเอง ไม่ต้องว่าใครหรอกค่ะก็เคยเหมือนกันค่ะ อย่างเช่น เราอยากกินข้าว พอไปซื้อข้าวมาทานอยู่ๆใจก็คิดขึ้นได้ว่าเราสามารถหาเงินได้มากกว่าข้าวจานนี้หลายร้อยเท่า งั้นขอเป็นข้าวแบบพิเศษแล้วกัน แล้วอยู่ใจก็คิดอีกต่อไป สั่งน้ำมาเพิ่มดีไหม ทานเสร็จแล้วเราจะไปกินขนมอีกดีไหม ซึ่งความคิดต่อๆแบบนี้ก็ผุดออกมา ผิดตั้งแต่เมื่อก่อนที่ทานข้าวราดแกงเพียง 1 จานก็ได้แล้วเพราะตอนนั้นเงินหายากมากๆ ที่กล่าวมานี้หวังว่าทุกคนได้พิจารณาแล้วคิดตามกันนะคะ