ถ้าจะพูดถึงวงการนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ชั้นแนวหน้าในเมืองไทย เชื่อว่าหลายคนต้องรู้จักคุณพิชัย จาวลา กรรมการบริหาร กลุ่มจาวลากรุ๊ป และผู้บริหารโรงแรมในเครือ B2 ซึ่งนอกจากจะเป็นนักลงทุนทั้งในอสังหาริมทรัพย์ และหุ้นแล้ว ยังมีผลงานหนังสือออกมาแล้วหลายเล่มด้วยกัน เช่น “เศรษฐศาสตร์แห่งความจริง” “รวยด้วยอสังหาฯ โดยไม่ต้องใช้เงินสักบาท” “รวยหุ้นล้นฟ้า ด้วยระบบคิดใหม่” เป็นต้น โดยคุณพิชัย ถือได้ว่าเป็นนักลงทุนที่ใครต่อใครหลายคนยกให้เป็นไอดอลหรือเป็นอาจารย์ที่สอนและให้คำแนะนำดีๆ ในเรื่องของ ความรู้การลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย
เมื่อพูดถึงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หลายๆ คนคงคิดว่ามันเป็นเรื่องไกลเกินเอื้อม เนื่องจากต้องใช้เงินลงทุนสูง อีกทั้งยังต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอีกเยอะแยะมากมาย แต่คุณพิชัยกลับบอกว่า การที่จะรวยด้วยอสังหาฯ ไม่จำเป็นต้องใช้เงินสักบาท คุณอาจจะสงสัยว่า แล้วจะทำยังไงล่ะ ถ้าไม่ต้องใช้เงิน?
จริงๆ แล้ว ที่คุณพิชัยหมายถึง คือ ไม่ใช่ว่าเราต้องรวยก่อน ต้องมีทุนก่อนถึงค่อยเริ่มลงมือทำอะไร ถ้าคุณโฟกัสไปที่การต้องมีเงินก่อน สุดท้ายแล้วคุณจะไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย กระบวนการเรียนรู้จะเกิดขึ้นจากการที่เราเริ่มศึกษา เริ่มเรียนรู้จากการเห็นของจริง เป็นการเรียนรู้ในภาคปฏิบัติ นี่คือกระบวนการเรียนรู้ที่แท้จริง ดังนั้นสิ่งที่คุณพิชัยแนะนำสำหรับผู้ที่คิดจะเริ่มลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ก็คือ ให้หยุดคิดเรื่องเงิน แล้วลงทุนในเวลา โดยการออกไปดูอสังหาริมทรัพย์ของจริงไม่ว่าจะเป็น อพาร์ทเม้นท์ คอนโดมิเนียม โรงแรม หรืออะไรก็แล้วแต่ที่คุณให้ความสนใจให้มากที่สุด อย่างน้อยสัก 50-100 แห่ง สิ่งไหนที่ไม่รู้ให้ถาม แล้วจดเอาไว้ สังเกตให้มาก อย่าท้อ และอย่ารีบสรุปอะไรง่ายๆ การที่คุณจะเป็นคนรวย แสดงว่าคุณต้องกลายเป็นคนส่วนน้อย ดังนั้นจงเต็มใจที่จะทำอะไรที่แตกต่างไปจากคนส่วนใหญ่ ยอมเหนื่อยในสิ่งที่คุ้มค่าที่จะเหนื่อย
เมื่อคุณเก็บข้อมูลจากการออกภาคสนามอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการถาม จด และสังเกตอยู่ตลอดเวลา กระบวนการเรียนรู้ที่จะเปรียบเทียบจะเกิดขึ้นในใจของคุณเองโดยอัตโนมัติ เมื่อถึงตอนนั้นคุณจะรู้แล้วว่า อะไรที่ควรลงทุน อะไรที่ควรเลี่ยง คุณจะมีความสามารถในการหาของดี ในราคาที่เหมาะสมต่อการลงทุน เมื่อคุณมีความรู้และมีทักษะตรงนี้แล้ว ต่อให้คุณไม่มีเงินทุน แต่การที่คุณจะหาช่องทางในการทำเงินจากสินทรัพย์ดังกล่าว หรือแม้แต่จะหา Partner ในการร่วมลงทุน ย่อมเป็นเรื่องที่ง่าย เพราะคุณมีความรู้ ทำให้โอกาสที่ใครๆ จะย่อมเชื่อคุณ ย่อมมีมากขึ้นเป็นธรรมดา คุณเห็นหรือไม่ว่า “ทุน” ที่สำคัญที่สุดนั้น ไม่ใช่ “เงิน” แต่มันคือ “เวลา” ที่คุณใช้ไปในการหาความรู้ โดยการออกไปเก็บข้อมูลในการไปเห็นของจริงอยู่เสมอต่างหาก สำหรับบางคนที่ชอบออกไปช็อปปิ้งซื้อของในวันหยุด ลองเปลี่ยนเป็นออกไปดูอสังหาริมทรัพย์แทน แค่สักอาทิตย์ละครั้ง 1 ปี ก็จะสามารถดูได้ถึง 50 กว่าที่ เป็นการลงทุนในเวลาที่คุ้มค่ามากกว่าการไปช็อปปิ้งแล้วเสียเงินเป็นไหนๆ
คุณพิชัยยังบอกอีกว่า คนรวยส่วนใหญ่นั้นไม่ใช่คนเก่ง ส่วนมากไม่ได้จบด็อกเตอร์ หรือมีความรู้สูง แต่เค้ามีความรู้ในเชิงปฏิบัติมากกว่าคนอื่น มีความกล้าเสี่ยง และที่สำคัญคือ มีความสามารถในการบริหารอารมณ์ที่ดี ซึ่งสิ่งเหล่านี้สำคัญมากกว่าความรู้ที่ได้จากในห้องเรียน ยิ่งคนที่รู้มาก ยอ่มมักจะมีความกลัว และกังวลมาก จนทำให้ท้ายที่สุดแล้ว เค้าก็จะไม่กล้าลงมือทำอะไรเลย
สำหรับคนที่กลัวการขาดทุนนั้น คุณพิชัยได้ให้แง่คิดที่น่าฟังว่า การขาดทุนคือกระบวนการหนึ่งสู่ความรวย ยังไงก็ต้องเจอ ถ้าเราหนีการขาดทุน เท่ากับเราหนีความรวย มันมีความสัมพันธ์กันอย่างมากระหว่างจำนวนครั้งที่ผิดพลาด กับความเก่ง ยิ่งเคยผิดพลาดมาก ยิ่งเก่งมาก (แต่ไม่ใช่ผิดพลาดซ้ำๆ ในเรื่องเดิมๆ นะ) คนที่ไม่เคยขาดทุนเลย เอาแต่พูด ไม่เคยลงมือทำ แสดงว่าคนนั้นไม่มีความรู้ที่แท้จริง ดังนั้นหน้าที่ของนักลงทุนก็คือ ลดความเสี่ยงให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยในขั้นต้นของการเริ่มลงทุน อาจจะเลือกทำธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำไปก่อน กำไรน้อยก็ไม่เป็นไร รวมถึงวิเคราะห์ว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่จะทำให้เราขาดทุน ให้ทำรายการออกมา และมองหาทางป้องกัน เมื่อลดความเสี่ยงให้ต่ำที่สุดได้แล้ว ให้เพิ่มโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ โดยการปรึกษาผู้รู้ที่มีความเชี่ยวชาญมากกว่าเรา ชั่งน้ำหนักให้ดีระหว่างความเสี่ยงอาจเกิดขึ้นกับโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ ถ้ามีโอกาสสำเร็จมาก ก็ให้ลงมือทำเลย
การเปรียบเทียบระหว่างการลงทุนในหุ้น กับอสังหาฯ คุณพิชัยมีความเห็นว่า การลงทุนในหุ้นนั้นดูเหมือนง่าย แต่ยาก ส่วนการลงทุนในอสังหาฯ ดูเหมือนมีขั้นตอนยุ่งยาก ต้องเรียนรู้เยอะ แต่สำเร็จง่ายกว่า ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่า อสังหาฯ มีความนิ่งมากกว่า เกี่ยวข้องกับอารมณ์คนน้อยกว่า ทำให้ความผันผวนของราคามีน้อยกว่า จึงทำให้เป็นการลงทุนที่สามารถควบคุมได้ง่ายกว่า ตรงกันข้ามกับการลงทุนในหุ้น ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับอารมณ์มากกว่า มีความผันผวนมากกว่า ตลาดที่มีสภาพคล่องสูงมาก ดังเช่นตลาดหุ้น จะมีสัดส่วนของการเก็งกำไรสูงมาก ตีความได้ยาก อธิบายได้ยาก ไม่ได้เป็นไปตามหลักเหตุและผลเสมอไป จึงทำให้คนที่ประสบความสำเร็จจากการลงทุนในหุ้นมีน้อยกว่าคนที่ประสบความสำเร็จจากการทำธุรกิจมาก
คำสอน ความรู้การลงทุน ของคุณพิชัยจะไม่เน้นการลงรายละเอียดเชิงลึก แต่จะเน้นให้พวกเราออกไปเจอของจริง ลงสนามให้มากๆ ซึ่งสิ่งที่ได้จะเป็น ความรู้การลงทุน ที่สามารถนำไปใช้ได้จริง