นิยามของคำว่า ความสำเร็จ ของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน อาจจะใกล้เคียงกันได้ก็ไม่แปลก บางคนอาจจะนิยามไว้เพียง มีเงินเลี้ยงดูครอบครัว บางคนอาจจะนิยามไว้ว่าเป็นการที่มีเงินซื้อบ้าน ซื้อข้าวของต่างๆที่ตนเองอยากได้ บางคนอาจจะนิยามว่าเป็นการที่มีตำแหน่งหน้าที่การงานดีๆ มีเงินเดือนสูงๆเชื่อว่าใครหลายคน ก็มีนิยามความสำเร็จไว้ว่า เป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัวที่สามารถสร้างรายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัวได้
Jeff Bezos ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Amazon ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มีผลการศึกษาดีเยี่ยม และมีบริษัทหลายต่อหลายแห่งได้ทาบทาม ชักชวนให้เข้าร่วมงานด้วย ในตำแหน่งที่สูงและมีผลตอบแทนที่ที่ดี แต่เนื่องจากช่วงเวลานั้น เป็นช่วงเวลาที่อินเตอร์เนตได้เริ่มก่อตัว และเป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้น ที่สำคัญในยุคนั้นยังไม่มีเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับการขายของออนไลน์ Jeff Bezos จึงปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว แล้วเปิดเว็บไซต์ขายของเป็นของตัวเอง ที่ทำงานคือโรงรถและสิ่งแรกที่เขาเริ่มขายคือ หนังสือ
คนรู้จักต่างก็วิพากษ์วิจารณ์ถึงสิ่งที่เค้าทำเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่สำเร็จอย่างแน่นอน แต่นั้นไม่ได้ทำให้เค้าล้มเลิกความตั้งใจแต่อย่างใด ในช่วงแรกนั้นเค้าใช้โรงรถเป็นพื้นที่เก็บของ และเป็นห้องทำงานในเวลาเดียวกัน โต๊ะทำงานคือโต๊ะไม้เก่าๆราคาถูก และมีแรงงานเป็นเพื่อนบ้านที่มาช่วยกันแพ็คของแล้วส่งทางไปรษณีย์ เค้ามีหนี้สินมากมายในช่วงแรกๆ
แต่ ความสำเร็จ ของ Jeff Bezos นั้นก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าบริษัทใหญ่ๆเลย เว็บไซต์ Amazon นั้น เป็นที่รู้จักกันมากกว่า 50 รัฐในเวลาเพียงหนึ่งเดือน และมีการส่งสินค้าต่างๆมากมายมหาศาล
จากเรื่องราวของ Jeff Bezos เราจะสังเกตได้ว่าเค้ามีทั้งโชคและโอกาส โชคที่ช่วงเวลานั้นอินเตอร์เน็ตยังไม่แพร่หลาย ธุรกิจต่างๆบนเว็บไซต์ก็ยังไม่เป็นที่รู้จัก และยังไม่แข่งขันกันอย่างดุเดือดเช่นในปัจจุบัน เค้าจึงคว้าโอกาสนั้นไว้ และเชื่อว่าตัวเองต้องทำได้สำเร็จแน่นอน มีคนจำนวนไม่น้อยที่จะไม่เลือกทำแบบเค้า ไม่เลือกที่จะทิ้งหน้าที่การงานดีๆ ไม่เลือกที่จะทิ้งเงินเดือนสูงๆ เพื่อไปทำสิ่งที่ไม่มีความมั่นคง ไม่รู้แม้กระทั่งจะสำเร็จหรือล้มเหลว แต่สิ่งที่ Jeff Bezos มองเห็นคือ
1. มองเห็นโอกาส
โอกาสที่เค้ามองเห็นนั้นนับเป็นความเสี่ยงอย่างมาก เพราะเริ่มต้นจากความว่างเปล่า ต้องสู้กับคำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆที่ว่า จะทำไม่สำเร็จอย่างแน่นอน เค้ากลับมองในมุมที่แตกต่าง และเค้ามองเห็นความแปลกใหม่ทางธุรกิจ เนื่องจากยุคนั้นเป็นยุคที่อินเตอร์เน็ตกำลังเป็นที่นิยม และมีจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ Jeff Bezos มองเห็นโอกาสในการเริ่มทำธุรกิจ
2. มองเห็นศักยภาพตัวเอง
มีคนจำนวนไม่น้อยที่ฟังเสียงคัดค้าน ถ้าเสียงนั้นมาจากผู้ที่ประสบความสำเร็จ และพร้อมที่จะหยุดตามเสียงห้ามนั้น แต่ Jeff Bezos เป็นคนอีกจำพวกหนึ่ง เค้ามั่นใจในสิ่งที่ตัวเองทำ และไม่ฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ของใคร ถึงแม้ว่าช่วงเริ่มแรกเค้าจะมีหนี้สินอยู่จำนวนไม่น้อย แต่เค้าก็มั่นใจในตัวเองและพยายามพาตัวเองไปถึงจุดหนึ่งที่ประสบความสำเร็จ
3. ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค
งานต่างๆล้วนมีอุปสรรค แต่อุปสรรคนั้นจะมาในรูปแบบไหน มายังไง และมาทำอะไรกับเรา ถ้าเราทำธุรกิจอะไรสักอย่างหนึ่งแล้วเกิดอุปสรรค เราอาจจะไม่ทำต่อ นั่นขึ้นอยู่กับตัวเรา ถ้าเรากลัวอุปสรรคข้างหน้าเราอาจจะเดินกลับไปในทางเก่า ไปทำงานแบบเดิมๆที่เราเคยทำอยู่ หยุดแสวงหาสิ่งแปลกใหม่เพราะกลัวอุปสรรค แต่ถ้าเราไม่กลัวและพยายามอดทนจนถึงจุดที่ผ่านพ้นอุปสรรคนั้นมาได้ จะไม่แปลกใจว่าทำไมตัวเองถึงได้ประสบความสำเร็จ อุปสรรคของ Jeff Bezos คือหนี้สินมากมาย แรงงานก็มีน้อย ยิ่งเปรียบเทียบกับจุดทีเค้าจากมานั้นคงนับว่าเป็นอะไรที่เลวร้ายมากเลยทีเดียว จากที่ทำงานหรูๆมาอยู่ในโรงรถ ความมั่นคงก็ไม่มี แต่อุปสรรคก็ไม่ได้ทำให้เค้าย่อท้อ
จากทั้งหมดที่กล่าวมา บางทีอาจจะถึงเวลาที่เราควรจะมองสิ่งรอบกายเพื่อหาโอกาส หรือยอมเสี่ยงกับสิ่งใหม่ๆที่เราชอบ มีคนจำนวนไม่น้อยที่กลัวคำว่าเปลี่ยนแปลง มีคนจำนวนไม่น้อยที่มีความคิดแบบเดิมๆ คือเรียนหนังสือเก่ง จะได้ทำงานในบริษัทที่มั่นคง มีเงินเดือนสูง สิ่งหนึ่งที่ทำให้คนเหล่านั้นไม่ยอมก้าวออกนอกกรอบ อาจเป็นเพราะพวกเขายังไม่เห็นโอกาสของตัวเอง โอกาสที่เหมาะสม บางสิ่งบางอย่างเราสามารถทำควบคู่กันไปตามที่เราชอบ ก็ไม่แปลกหากเราจะเริ่มขายของตามตลาดนัดในตอนเย็นหลังเลิกงาน หากเรามองเห็นโอกาสทำเงิน โอกาสเป็นของคนที่มองเห็น และที่สำคัญโอกาสนั้นอยู่รอบตัวเราเสมอ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะคว้าไว้หรือไม่