ยุคสมัยนี้เรามักจะได้ยินคำว่า “อายุน้อยร้อยล้าน” กันอยู่บ่อยๆ เพราะความสำเร็จในสมัยนี้ มันไม่จำเป็นต้องใช้ระยะเวลานานเหมือนกับแต่ก่อน คือ ถ้าคุณเก่งพอ คุณก็สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่จำเป็นต้องรอให้แก่ก่อน ซึ่งคุณเอกรินทร์ กุลภักดีสิงวร ก็ถือเป็นแบบอย่างของคนหนุ่มคนนึงที่ประสบความสำเร็จ เป็น นายหน้าเงินล้าน อย่างรวดเร็วในยุคปัจจุบันนี้ครับ
คุณเอกรินทร์เริ่มคิดอยากหารายได้ด้วยตัวเองตั้งแต่อายุ 19 ปี ด้วยความรู้สึกที่มีการเปรียบเทียบกับพี่ชายที่สามารถหาเงินใช้ได้เองจากงานขายประกัน ซึ่งมีรายได้มากกว่า 30,000 บาทต่อเดือน ในขณะที่ตนเองยังต้องขอเงินพ่อแม่ใช้อยู่เลย โดยในช่วงนั้นเป็นช่วงที่อยู่ระหว่างปิดเทอม ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย จึงได้ใช้วุฒิม.6 สมัครเข้าทำงานเกี่ยวกับการคีย์ข้อมูลบัญชี แต่ทำไปได้ 2 อาทิตย์ก็เริ่มรู้สึกว่านี่ไม่น่าจะใช่ทาง เพราะงานค่อนข้างหนัก แต่ได้ผลตอบแทนน้อย โดยคิดว่าตนเองน่าจะมีศักยภาพมากกว่านี้ จากนั้นจึงเริ่มศึกษาเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้น โดยได้ทำการสมัคร Click 2 win (เป็นการแข่งขันเล่นหุ้นจำลอง โดยใช้เงินปลอมในการเทรด) ซึ่งคุณเอกรินทร์ก็ได้ติด Top 3 ของ Click 2 Win อีกด้วย
เมื่อเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้น ในช่วงวัยเข้ามหาวิทยาลัยคุณเอกรินทร์ได้ตัดสินเอาเงินเก็บของตัวเองบวกกับเงินของคุณพ่อส่วนหนึ่งรวมกันประมาณหนึ่งแสนบาทไปเทรดหุ้นจริง ซึ่งถึงแม้ว่าผลตอบแทนจากเทรดจะได้กำไรอยู่ตลอด โดยเฉลี่ยประมาณ 6-7 พันต่อเดือน แต่ก็รู้สึกว่ามีความเครียดจากการลงทุนค่อนข้างสูง และส่งผลกับการเรียนอย่างมาก เนื่องจากไม่ค่อยมีสมาธิ ซึ่งในช่วงที่เล่นหุ้นอยู่นั้นเอง
คุณเอกรินทร์ได้หาโอกาสที่จะพบกับคุณพิชัย จาวลา ซึ่งถือได้ว่าเป็นนักลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญทั้งในเรื่องของการลงทุนในหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งคุณเอกรินทร์ได้ยกให้คุณพิชัยเป็นคนที่เปลี่ยนชีวิตของเขาเลยทีเดียว
คุณเอกรินทร์เริ่มต้นศึกษาเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ โดยการออกภาคสนามไปดูหน้างานของจริงอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของคุณพิชัย และได้ทำการติดต่อนายหน้าที่มีอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่กว่า 20 เจ้า (ลืมบอกไปว่า คุณเอกรินทร์เป็นคนเชียงใหม่ และเรียนมหาวิทยาลัยที่เชียงใหม่นะครับ) โดยให้ข้อเสนอว่าจะหาลูกค้าให้และขอแบ่งเปอร์เซ็นต์กัน คุณเอกรินทร์ทำการหาลูกค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยคลุกคลีอยู่กับการเป็นนายหน้าประมาณ 6-7 เดือน จึงจะสามารถขายแปลงแรกได้ โดยได้ส่วนแบ่งค่านายหน้า 100,000 บาท พอขายแปลงแรกได้ แปลงอื่นๆ ก็สามารถขายได้ตามกันมาติดๆ จนสามารถทำเงินล้านได้ตั้งแต่ในปีแรก
เมื่อมีประสบการณ์มากขึ้น ทำให้คุณเอกรินทร์เริ่มมั่นใจ จึงตัดสินใจที่จะซื้อที่ดินเพื่อทำตึกแถวเอง โดยให้คุณพ่อเป็นคนกู้เงินให้ ทันทีที่กู้ผ่าน นั่นเท่ากับว่าหนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว หนำซ้ำยังมีกูรูท่านหนึ่งที่เคารพมาเตือนอีกว่า “มึงเจ๊งชัวร์!” แต่สิ่งนี้มันกลับกลายเป็นการแรงขับให้คุณเอกรินทร์ฟันผ่าอุปสรรคไปได้ และผลลัพธ์ที่ออกมาคือ เค้าสามารถขายได้หมดตั้งแต่ก่อนลงเสาเอกโครงการ คุณเอกรินทร์ได้พัฒนาตนเองจากการเป็นนายหน้าธรรมดาๆ คนหนึ่ง จนมีฉายาว่า “นายหน้าเงินล้าน” จนถึงตอนนี้คุณเอกรินทร์ได้กลายเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วตั้งแต่อายุเพียง 20 กว่าปีเท่านั้น
เวลาเราฟังชีวิตคนที่ประสบความสำเร็จ มันเหมือนกับว่าเวลาเค้าเจออุปสรรคอะไรก็แล้วแต่ มันดูเหมือนว่าจะผ่านไปได้หมด แต่อุปสรรคนี่แหละที่มันวัดขนาดใจของแต่ละคน ถ้าใจคุณใหญ่กว่าอุปสรรค คุณก็มีโอกาสประสบความสำเร็จได้ แต่ว่าคนส่วนใหญ่มักจะผ่านมันไปไม่ค่อยได้ เพราะใจไม่ใหญ่พอ
จากเรื่องราวของคุณเอกรินทร์ เราสามารถหยิบประสบการณ์ที่ล้ำค่าบางอย่างของเค้ามาปรับใช้ในชีวิตของเราได้เช่นกัน ดังนี้
- รู้ตัวให้เร็ว : คุณเอกรินทร์รู้ตัวว่าตัวเองต้องการรวยตั้งแต่อายุ 19 ปี ซึ่งแรงขับเกิดจากการเปรียบเทียบตัวเองกับพี่ชายที่สามารถหาเงินเลี้ยงดูตัวเองได้ โดยที่ไม่ต้องเป็นภาระของพ่อแม่ นอกจากนี้การยอมเหนื่อยก่อน ยอมเสียเวลาตั้งแต่แรก ถ้าจะล้มก็ล้มตั้งแต่เนิ่นๆ ล้มซะตั้งแต่ตอนที่ยังมีแรงลุก ย่อมดีกว่าการไปล้มเมื่ออายุเยอะ ถ้าเริ่มช้าแล้วเกิดล้มขึ้นมา ดีไม่ดีอาจไม่เหลือแรงลุกขึ้นมาอีกเลยก็ได้
- ตามหาอาจารย์ของคุณให้เจอ : คุณเอกรินทร์ได้ยกให้คุณพิชัยคือคนที่เปลี่ยนชีวิตของเค้า โดยคุณเอกรินทร์เริ่มจากการอ่านหนังสือของคุณพิชัย ทำให้เกิดความสนใจ จึงพยายามหาโอกาสนัดเจอ จากนั้นก็ทำตามคำแนะนำของคุณพิชัย จนกระทั่งประสบความสำเร็จได้
- พาตัวเองมาอยู่ในสังคมที่ดี : คุณเอกรินทร์ได้เคยพูดว่า “ถ้าอยากจะบินกับฝูงอินทรี ผมจะไม่ว่ายในฝูงเป็ด” กลุ่มคนส่วนใหญ่ก็เหมือนฝูงเป็ดนั่นแหละครับ ไม่ใช่ว่าเค้าเหล่านั้นคือคนไม่ดี เพียงแต่ว่าคนที่ประสบความสำเร็จ และให้กำลังใจกันและกันมันมีน้อย คุณต้องพาตัวเองไปหากลุ่มนั้นให้เจอ และหลีกเลี่ยงการอยู่ในสังคมที่บั่นทอนกำลังใจของคุณด้วย
- ขนาดของปัญหาอยู่ที่มุมมอง : มนุษย์ทุกคนมีปัญหา อยู่ที่ว่าเราจะมองว่ามันเป็นเรื่องใหญ่หรือเล็ก คุณเอกรินทร์มีหลักการมองปัญหาเป็นเหมือนกับภูเขา คือถ้ามองใกล้ๆ มันก็ดูใหญ่ ถ้ามองไกลๆ มันก็ดูเล็ก ท้ายที่สุดแล้วมันก็อยู่ที่มุมมองของเรานั่นเอง
- ต้นทุนต่ำไม่ใช่ปัญหา แต่ความพยายามที่ต่ำต่างหากคือปัญหา : คนเราส่วนใหญ่มักเอาเรื่องต้นทุนในชีวิตเป็นข้ออ้างให้ตัวเองไม่ต้องทำอะไร จริงๆ แล้วการที่ต้นทุนต่ำไม่ใช่เป็นปัญหา แต่ปัญหาคือคนส่วนใหญ่มีความพยายามไม่มากพอต่างหาก อย่างคุณเอกรินทร์ก็คลุกคลีอยู่กับการเป็นนายหน้ากว่าครึ่งปีกว่าจะขายแปลงแรกได้ ถ้าเป็นบางคนอาจหมดความพยายามตั้งแต่ 2-3 เดือนแรกไปแล้วก็ได้
นี่คือบทเรียนความสำเร็จที่ได้จากของเจ้าของฉายา “ นายหน้าเงินล้าน ” คุณเอกรินทร์ กุลภักดีสิงวร” ครับ!