วิธีที่คนเราหาเงินเข้ามาในชีวิตล้วนมีรากฐานมาจากทัศนคติภายในจิตใจและพื้นฐานด้านความเข้าใจในเรื่องชีวิตการทำงาน หนังสือที่มีชื่อเสียงหลายเล่มมีคำแนะนำในเรื่องของจิตใจภายใน ถ้ามีทัศนคติทางบวกต่อเรื่องเงินทองก็จะทำให้หาเงินได้มากขึ้น ในทางกลับกันถ้าคิดถึงแง่ลบหรือสิ่งที่กลัวมากขึ้นไปก็จะทำให้ส่งผลกระทบต่อการหาเงินได้เช่นกัน ในบทความนี้จึงเน้นในเรื่องของ ทัศนคติต่อเรื่องเงิน โดยเฉพาะว่าการคิดด้านบวกและการคิดด้านลบในเรื่องการเงินนั้นมีลักษณะใดบ้าง
ทัศนคติด้านลบเรื่องการหาเงิน
1. เงินทำให้คนเรามีความโลภไม่รู้จักพอ
ถ้าจะบอกว่าเงินทำให้คนเราโลภนั้นก็คงเหมือนกับกล่าวว่าอาหารทำให้คนเราหิว แท้จริงแล้วไม่ควรเป็นเช่นนั้น ความโลภในจิตใจมนุษย์เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติ อยู่ที่ว่าใครมีสติควบคุมได้มากกว่ากันเพื่อไม่ให้ความโลภนั้นส่งผลเสียในการทำเรื่องที่ผิดศีลธรรมหรือกฎหมาย เงินเป็นสิ่งที่มนุษย์กำหนดขึ้นเพื่อเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการเท่านั้น ตัวเงินเองไม่ได้มีอำนาจทำให้คนเรามีความโลภได้ คนที่คิดว่าเงินเป็นตัวการทำให้เกิดความโลภก็กำลังผลักดันเงินออกจากชีวิต
2. คนมีเงินน่ะไม่มีความสุขหรอก
ทัศนคติเรื่องนี้มักจะได้ยินจากผู้ที่มีฐานะปานกลางลงไป อาจจะเพราะความต้องการประชดประชันหรือปลอบใจตนเองเพื่อผลักดันกลุ่มคนที่ร่ำรวยให้ไปอยู่ในกลุ่มที่ไม่น่าจะมีความสุข ทัศนคติเรื่องนี้ก็ทำให้ตนเองพอใจในสถานะที่เป็นอยู่ต่อไป ไม่เกิดการขวนขวายเพื่อจะร่ำรวยในอนาคต เพราะตนเองกล่าวเสมอว่าคนมีเงินไม่มีความสุข ดังนั้นคนที่กล่าวแบบนี้ก็จะไม่มีโอกาสร่ำรวยได้เพราะเขาปฏิเสธความร่ำรวยอยู่ตลอดเวลา แท้จริงแล้วคนเราไม่ว่ามีฐานะใดก็มีโอกาสที่จะมีสุขหรือมีทุกข์ได้ไม่แตกต่างกัน ถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว การเลือกที่จะมุ่งมั่นสร้างฐานะให้ร่ำรวย น่าจะดีกว่าหรือไม่
3. มีเงินถ้าไม่ใช้ก็เป็นเพียงเศษกระดาษ
นักใช้เงินที่มือเติบ ทะนงตัวว่ายังหนุ่มสาวหาเงินง่าย เมื่อได้เงินมาก็ต้องใช้ไป ถ้าเก็บไว้อยู่เฉย ๆ เงินก็ไร้ค่า ทัศนคติเช่นนี้ก็นับว่าไม่ผิดนัก เพราะเงินอยู่เฉย ๆ ก็ไม่มีค่าจริง ๆ แต่สามารถนำไปสร้างมูลค่าเพิ่มได้ แต่กลุ่มคนที่อยากใช้เงินก็จะนำเงินไปใช้เพื่อปรนเปรอความสุขตนเองก่อนโดยไม่ได้คิดไกลถึงอนาคตมากนัก คนที่ได้เงินมาจำนวนมากอย่างรวดเร็วและไม่มีวิธีการจัดการเงินที่ดีพอก็จะคิดแต่เรื่องโครงการใช้เงินด้านต่าง ๆ ไม่นานเงินก็จะร่อยหรอ ความแก่ชรามาเยือน สามารถทำงานหาเงินได้น้อยลงก็จึงจะเริ่มรู้สึกถึงคุณค่าของเงิน
4. เงินซื้อความสุขไม่ได้
น่าเห็นใจสำหรับคนที่มีทัศนคติว่าความสุขเป็นสิ่งที่ซื้อไม่ได้ด้วยเงิน ก็เป็นเรื่องจริงในตัวอักษรว่าความสุขเป็นนามธรรมและไม่สามารถซื้อขายได้ แต่เงินนำพาซึ่งความสุขมาได้ ผู้ที่กล่าวว่าเงินซื้อความสุขไม่ได้ มักจะไม่มีเงิน จึงหาข้อความที่สนับสนุนความคิดของตน จริงอยู่ที่ความสุขหลาย ๆ อย่างไม่ต้องใช้เงินก็มีความสุขได้ แต่ความสุขอีกหลายอย่างก็เกิดขึ้นได้สืบเนื่องมาจากการใช้เงินที่เหมาะสม เงินจึงมีบทบาทในการสร้างความสุขให้กับตนเองและครอบครัว จึงไม่มีเหตุผลที่จะมีทัศนคติดังกล่าว
5. หาเงินให้พอดีกับค่าใช้จ่าย
การหาเงินนั้นเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ คนเราส่วนใหญ่ไม่ว่ายากดีมีจน เมื่อถึงวัยทำงานแล้วล้วนต้องพยายามหาเงินอย่างเต็มความสามารถ แต่เป้าหมายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน การหาเงินให้เพียงพอกับค่าใช้จ่ายนั้นยังไม่เพียงพอ ถือว่าเป็นทัศนคติที่ควรปรับเปลี่ยนเป็นการหาเงินให้มากกว่าค่าใช้จ่าย เพื่อจะได้มีเงินเหลือนำไปเก็บสะสมและลงทุนเพื่อประโยชน์ด้านอื่น ๆ เพราะถ้าต้องการหาแค่พอดีค่าใช้จ่ายก็จะพอดีกับค่าใช้จ่ายจริง ๆ เป็นเรื่องที่น่าลองปรับทัศนคติด้านนี้ดูเพื่อให้สมองค้นหาวิธีการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
ทัศนคติด้านบวกเรื่องการหาเงิน
1. เงินสามารถสร้างประโยชน์เพื่อตัวเองและผู้อื่น
ผู้ที่หาเงินเก่งจะรู้คุณค่าและประโยชน์ของเงินดีและไม่เคยตั้งแง่รังเกียจหรือโทษว่าเงินเป็นสาเหตุของความโลภหรือการคดโกง คนที่ตระหนักถึงความสำคัญของเงินจะทำให้การจัดการเงินมีเป้าหมาย เพื่อความสุขด้านต่าง ๆ ของชีวิตตนเองและครอบครัว โดยมองทั้งระยะสั้นไปถึงระยะยาวในอนาคต เงินสร้างสามารถนำไปทำประโยชน์ให้กับสังคมได้อีกหลายอย่าง ผู้ที่มีฐานะจึงมักจะแบ่งปันเงินของตนให้กับสาธารณกุศลอยู่อย่างสม่ำเสมอ
2. จะหาเงินได้ต้องมีความรู้
เมื่อคนเราเห็นคุณค่าและความสำคัญของเงิน ก็จะมีความขยันหมั่นเพียรและพยายามไขว่คว้า ศึกษาหาความรู้ทั้งจากการทำงาน การอ่านหนังสือ การรับฟังผู้ที่มีประสบการณ์ เพื่อนำมาปรับปรุงพัฒนาตนเองอยู่เสมอ การมีความรู้ทั้งในการทำงานและความรู้รอบตัวด้านอื่น ๆ จะช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์และสามารถคิดธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้กลับมาได้ ความรู้บางอย่างก็ต้องใช้เงินแลกเปลี่ยนมา เช่น ซื้อหนังสือ ศึกษาต่อ หรือการอบรมสัมมนา
3. เงินงอกเงยได้ถ้ารู้จักจัดการ
ถ้าอยากหาเงินเพิ่มโดยการทำงานหาเงินแล้ว ต้องรู้จักวิธีที่นำเงินไปลงทุนให้สร้างผลกำไรขึ้นมาด้วย หรือที่เรียกว่าการใช้เงินทำงาน โดยการศึกษาวิธีการต่าง ๆ ที่เป็นทางเลือกในการนำเงินไปลงทุนเพื่อให้ได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ทั้งการออมเงิน การลงทุนในหุ้น การซื้อพันธบัตร ซื้อหุ้นผ่านกองทุนรวมต่าง ๆ โดยการลงทุนที่มีผลตอบแทนสม่ำเสมอนี้ ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด ผลประโยชน์ก็จะยิ่งทบมูลค่าสูงขึ้นและเป็นการสร้างความมั่งคั่งเตรียมไว้เพื่ออนาคตได้
4. เชื่อมั่นว่าตนเองสามารถหาเงินได้
หลายคนที่ท้อถอยและมีฐานะลดลงเพราะขาดความเชื่อมั่นในตนเอง หากต้องการมีเงินเพิ่ม สิ่งที่จะต้องสร้างให้ได้คือความเชื่อมั่นในตนเองว่าตนเองก็เป็นผู้ที่มีความสามารถคนหนึ่งที่จะหาเงินได้อย่างคนอื่น ๆ เช่นกัน โดยการไม่ท้อถอยและพยายามทำงานอย่างเต็มความสามารถ มีตัวอย่างให้เห็นมากมายว่ามหาเศรษฐีหลายคนมีช่วงชีวิตที่ผ่านความยากลำบากมาก่อน แต่ก็สามารถพลิกชีวิตกลับมาร่ำรวยได้ ความเชื่อมั่นในตนเองเท่านั้นที่จะเป็นแรงฉุดให้คนเราพ้นจากวิกฤติทางการเงินได้
5. ความรวยมาจากการลงมือทำ
คนที่มีฐานะนั้นต้องเกิดจากการลงมือปฏิบัติทำจริงเท่านั้นจึงจะเกิดผล หลายคนที่มีกระบวนการคิดและวางแผนธุรกิจอยู่นาน แต่ก็ลงมือทำช้าหรือไม่เริ่มลงมือทำก็จะหมดโอกาสได้ เพราะบางครั้งการลงทุนผิดเวลาก็อาจจะไม่ส่งผลดีเท่าที่ควรหรือกลายเป็นขาดทุนก็มี คนที่มีฐานะมีความกระตือรือร้นในการลงมือทำอยู่เสมอที่จะผลักดันในโครงการต่าง ๆ เป็นจริงขึ้นมาโดยไม่ต้องรอให้มีความพร้อมทุกอย่างก็เริ่มได้เลยเพราะหลาย ๆ สิ่งนั้นสามารถปรับแต่งไปพร้อมกับดำเนินธุรกิจได้
ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดจากทัศนคติทั้งสองด้านก็คือทัศนคติด้านลบมักมีพื้นฐานมาจากความยอมจำนน ขอแค่มีเงินเท่าที่ต้องการใช้จ่ายไปในแต่ละเดือนและไม่ขวนขวายอะไรเพิ่มเติมและยังมองคนที่มีเงินร่ำรวยไปในทางลบด้วย โดยสร้างภาพในใจว่าเงินนั้นไม่สำคัญเท่ากับเรื่องของจิตใจ ตรงกันข้ามกับทัศนคติด้านบวกที่รู้จักคุณค่าความสำคัญของเงินและกล้าที่จัดการเงิน ๆ ทอง ๆ แบบตรงไปตรงมา ขยันขันแข็งในการหาวิธีการใหม่ ๆ ที่จะต่อยอดสร้างรายได้และทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นเพื่อประโยชน์ตัวเองและเผื่อแผ่คืนกำไรกลับสู่สังคม ทัศนคติต่อเรื่องเงิน เป็นเรื่องที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ คุณสามารถตรวจสอบได้ว่าคุณมีทัศนคติอย่างไรกับเรื่องเงินทองโดยพิจารณาได้จากสถานะทางการเงินของตนเองในปัจจุบัน