บัตรเครดิตในรูปแบบปกติที่ใช้งานกันอยู่ทั่วไปจะเป็นบัตรที่เราสามารถใช้รูดซื้อสินค้าและบริการตามร้านค้าทั่วไปที่รับชำระด้วยบัตรเครดิตได้ โดยสามารถนำเงินมาชำระคืนทีหลังได้ นอกจากนั้นบัตรเครดิตยังเป็นช่องทางหนึ่งที่สามารถใช้ชำระเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการผ่านทางออนไลน์ได้ด้วย บัตรเครดิตจึงถือเป็นสื่อกลางที่อำนวยความสะดวกในเรื่องการชำระเงินได้มากทีเดียว
โดยที่ บัตรเครดิต ไว้ใช้สำหรับสำหรับค่าสินค้าและบริการ แต่บัตรกดเงินสด เป็นบัตรที่สามารถกดเงินสดได้จากตู้ ATM ทั่วประเทศ ซึ่งทั้งสองบัตรที่กล่าว จะเป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว สำหรับผู้ใช้และผู้ที่ทำธุรกรรมกับสถาบันการเงิน แต่นอกจากบัตรที่กล่าวมา ยังมีบัตรเครดิตอีกหนึ่งบัตรที่หลายคนรู้จักหน่อย นั่นคือ บัตรเครดิตแบบ Prepaid
ปัจจุบันคนเริ่มหันมาซื้อสินค้าและบริการผ่านออนไลน์กันมากขึ้น ทีนี้สำหรับผู้ที่ไม่มีบัตรเครดิตแต่อยากจะซื้อของออนไลน์ก็เริ่มไม่สะดวก ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นหรือแม่บ้านก็ตามต้องมีโอกาสได้ซื้อของออนไลน์กันบ้าง ส่วนบางคนที่แม้มีบัตรเครดิตแต่ก็มีความกังวลในเรื่องความปลอดภัยของการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตทางออนไลน์ เพราะต้องมีการคีย์เลขที่บัตรและรหัส 3 ตัวด้านหลังบัตรด้วย ก็อาจจะพาลไม่กล้าซื้อของออนไลน์กันไปเลย
ไม่ต้องกังวลกันอีกต่อไป เนื่องจากตอนนี้มีบัตรเครดิตแบบ prepaid ออกมาให้ใช้กันแล้ว เป็นบัตรที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นบัตรหรือบัญชีสำหรับการซื้อของหรือช้อปปิ้งออนไลน์กันโดยเฉพาะเลย วิธีการสมัครใช้บริการก็ง่าย ใคร ๆ ก็สามารถสมัครได้ ขั้นตอนไม่ยุ่งยากเหมือนการสมัครบัตรเครดิตแบบปกติ รูปแบบของบัตรมีทั้งที่ให้เป็นบัตรจริงกับบัตรเสมือนที่ใช้งานบนมือถือหรือคอมพิวเตอร์ได้ เดิมบัตรเครดิตแบบเติมเงินนี้เป็นที่นิยมกันมากในต่างประเทศ ก่อนที่จะนำมาใช้ในประเทศไทยในปัจจุบัน
บัตรเครดิตแบบ PrePaid คืออะไร ?
บัตรเครดิตแบบ PrePaid คือ บัตรเติมเงินนั่นเอง บัตรที่เจ้าของต้องทำการเติมเงินเข้าไปในบัตร ผ่านร้านสะดวกซื้อ หรือตามช่องทางที่กำหนด ซึ่งจะเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในสหรัฐอเมริกา แต่ในประเทศไทยนั้นยังไม่ได้รับความนิยม โดยคุณสมบัติของบัตรประเภทนี้จะ จะต่างจากบัตรเครดิตแบบปกติตรงที่ว่าเป็นบัตรที่ต้องเติมเงินล่วงหน้าเพื่อให้มีมูลค่าสามารถนำไปใช้งานได้ เมื่อใช้จนเงินหมดก็สามารถเติมเงินเพิ่มได้ ข้อดีของบัตรเครดิตแบบ prepaid นอกจากจะสมัครง่ายไม่ต้องรออนุมัติเหมือนบัตรเครดิตแบบปกติแล้ว การนำไปใช้ซื้อของออนไลน์ยังสะดวก ปลอดภัย สามารถควบคุมวงเงินใช้จ่ายให้เหมาะสมได้และเติมเงินได้ทุกเมื่อที่ต้องการ เมื่อสมัครบัตรเครดิตแบบ prepaid เรียบร้อย ลูกค้าจะได้รับเลข 16 หลัก เดือนและปีที่หมดอายุ รหัส CVC2 ที่มีความปลอดภัยได้มาตรฐาน สามารถนำไปใช้ได้ทันที เช่น เริ่มต้น 20/05 ถึง 20/07 ซึ่งหมายถึงบัตรใบนี้สามารถใช้ได้ตั้งแต่เดือนวันที่ 20 เดือนพฤษภาคม จนถึงเดือนกรกฎาคม วันที่ 20
ตัวอย่างของบัตรเครดิตแบบเติมเงินที่มีอยู่ในปัจจุบันก็มี ดังนี้
- K-Web Shopping Card บัตรวีซ่าซื้อสินค้าทางอินเทอร์เน็ตของธนาคารกสิกรไทย ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการซื้อสินค้าทางอินเทอร์เน็ต ขั้นตอนการสมัครง่ายเพียงแค่มีบัญชีเงินฝากออมทรัพย์หรือบัญชี E-Saving ก็สมัครได้ทันทีหรือเพียงมีบัตร ATM หรือบัตรเดบิตก็สมัครได้เช่นกันที่ตู้เอทีเอ็มของธนาคารกสิกรไทย ควบคุมวงเงินการใช้จ่ายด้วยตัวเองได้มี SMS แจ้งเตือนและความปลอดภัยเพิ่มจากการต้องใส่รหัส บริการจาก Verified by Visa
- KTB e-Money Card เป็นบัตรวีซ่าอิเลคทรอนิกส์ที่ธนาคารกรุงไทยร่วมกับบริษัทเพลย์พาร์คจำกัด บริษัทที่ให้บริการเกมออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เน้นให้บริการกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็กวัยรุ่นที่ชื่นชมการท่องโลกอินเทอร์เน็ต เล่นเกมออนไลน์และฟังเพลง ไม่จำเป็นต้องเปิดบัญชีเงินฝากและเป็นบัตรที่สามารถเติมเงินเพื่อใช้งานได้ โดยสามารถเติมเงินได้ที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขาขั้นต่ำครั้งละ 100 บาท ใช้เป็นบัตรเพื่อทำรายการในการซื้อของออนไลน์ หรือผ่านเว็บไซด์อีคอมเมิร์ซได้
- Paysbuy Master Card เป็นบัตรที่เพย์สบายร่วมกับมาสเตอร์การ์ดและธนาคารธนชาตออกมาเพื่อเน้นให้บริการกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ เน้นความสะดวก ปลอดภัย เติมเงินได้ เหมาะสำหรับวัยรุ่นที่ชอบท่องอินเทอร์เน็ตแต่ไม่มีบัตรเครดิตแบบปกติใช้งาน
- WeCard by TrueMoney เป็นบัตรมาสเตอร์การ์ดแบบเติมเงินที่มีบัตรจริงและบัตรเสมือน ใช้ได้ทั้งช้อปปิ้งผ่านออนไลน์และร้านค้าทั่วไปที่รับบัตร Master Card ช้อปได้ตามมูลค่าเงินที่มีอยู่ในบัตร การเติมเงินก็ทำได้ง่าย โดยสามารถเติมได้ที่ 7-11, ตู้เติมเงินของ TrueMoney และร้านค้าในเครือซีพี
การมีบัตรเครดิตแบบเติมเงินหรือ prepaid นี้ ช่วยให้ผู้ที่ไม่มีบัตรเครดิตต้องการจำกัดวงเงินการใช้จ่าย หรือผู้ที่ยังรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย หากใช้บัตรเครดิตแบบปกติซื้อของออนไลน์สามารถเลือกใช้บัตรเครดิตแบบเติมเงินแทนได้ โดยความเสี่ยงในความปลอดภัยของบัตรก็มีเพียงแค่มูลค่าของเงินที่เติมลงไปในบัตรเท่านั้น ซึ่งปกติผู้ออกบัตรก็จะกำหนดวงเงินสูงสูดที่จะอยู่ในบัตรไว้ไม่สูงมากนัก
นักเรียน นักศึกษา แม่บ้านหรือใครก็ตามก็สามารถสมัครบัตรเครดิตแบบเติมเงินเพื่อใช้งานได้เพียงง่าย ๆ ไม่ต้องยื่นเอกสารหลักฐาน ไม่ต้องรออนุมัติเหมือนบัตรเครดิตทั่วไป ความเสี่ยงทั้งในเรื่องความเพลิดเพลินในการใช้จ่ายและความปลอดภัยก็จำกัดแค่เพียงมูลค่าของเงินที่อยู่ในบัตรเท่านั้น ทำให้ลดความกังวลของผู้ถือบัตรในการใช้งานได้มาก อีกทั้งผู้ออกบัตรประเภทนี้ต่างก็พยายามค่อย ๆเพิ่มเติมสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ให้กับผู้ถือบัตรแบบเติมเงินนี้มากขึ้น เช่น ส่วนลดในการซื้อสินค้าออนไลน์กับร้านค้าที่ร่วมรายการ เป็นต้น