อนาคตเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถล่วงรู้ได้ ถึงแม้จะมีหมอดูหรือนักพยากรณ์ที่ไหนมาทายทัก แต่อนาคตก็ยังเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงอยู่ดี ทั้งนี้ มนุษย์เราจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอ ว่าเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดนั้นจะมาในลักษณะใดบ้าง ทั้งนี้เราสามารถเรียนรู้และศึกษาจากผลกระทบที่เกิดกับบุคคลรอบข้างที่ไม่มีการเตรียมรับมือกับสิ่งต่างๆได้
ประกัน จึงเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เกิดขึ้นมาเพื่อให้คุณได้กำหนดแบบแผนการจัดการชีวิตของคุณได้ โดยมีผลตั้งแต่เริ่มทำ ประกัน จนสิ้นสุดสัญญาที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ แล้วอย่างนี้เราควรทำประกันอะไรไว้บ้างล่ะ? ประกัน แบบไหนกันที่เราควรมีไว้ วันนี้เราจะมีตัวอย่างประกันแบบต่างๆให้คุณได้ลองศึกษาและคิดคำนวณดูว่า ประกัน ในรูปแบบไหนที่เราควรจะมีไว้เพื่อประกันความเสี่ยงที่อาจะเกิดขึ้นในอนาคต
ประกันชีวิต
ประกันชีวิตนั้น เป็นการประกัน เหตุการณ์ไม่คาดฝันต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นต่อชีวิต ตัวประกันชนิดนี้มีอยู่ด้วยกัน 3 รูปแบบ ได้แก่
แบบชั่วระยะเวลา
คุ้มครองชีวิตในชั่วระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง บริษัทจะจ่ายเงินให้ผู้รับประโยชน์ เมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตภายในเวลาที่กำหนดไว้ แต่การเสียชีวิตนั้นต้องเป็นการเสียชีวิตตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ไม่ใช่เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย หรือถูกฆาตกรรมโดยผู้รับประโยชน์
แบบตลอดชีพ
เงินประกันจะตกทอดแก่ผู้รับผลประโยชน์ทันทีเมื่อผู้ทำประกันเสียชีวิตลง ทำให้บุคคลในครอบครัว หรือลูกหลานไม่ต้องเดือนร้อนจากการขาดรายได้เมื่อเสาหลักของครอบครัวเสียชีวิตลง
แบบสะสมทรัพย์
คุ้มครองชีวิต และออมเงินระยะยาว โดยจะมีเงินปันผลเป็นรายปี ตลอดระยะเวลาของสัญญา กรณีที่ผู้ทำประกันจะเอาเงินประกันภัย บริษัทจะจ่ายเงินก้อนคืนเมื่อครบกำหนดตามที่ระบุไว้ในสัญญา และจะจ่ายเงินแก่ผู้รับผลประโยชน์ เมื่อผู้ทำประกันเสียชีวิตในระยะเวลาที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
แบบเงินได้ประจำ
เก็บออมเงินไว้ใช้จ่ายยามเกษียณ ในช่วงอายุประมาณ 55-60 ปี หรือตามเงือนไขของแต่ละบริษัทจะกำหนด โดยบริษัทจะจ่ายเงินให้แก่ผู้เอาประกันภัยเป็นรายงวด และเริ่มจ่ายตั้งแต่วันที่ผู้เอาประกันภัยเกษียณอายุไปจนถึงวันที่กำหนดไว้ มีทั้งแบบครอบคลุมชั่วระยะเวลาหนึ่ง หรือตลอดชีพ ขึ้นอยู่กับแบบกรมธรรม์และเงือนไขที่บริษัทกำหนด มีลักษณะเป็นเงินสำรองไว้ใช้ในยามเกษียณอายุนั่นเอง
ประกันสุขภาพ
เป็นการทำประกันเพื่อคุ้มครองด้านสุขภาพโดยตรง ทั้งนี้ควรศึกษารายละเอียดด้านค่ารักษาพยาบาลเป็นหลัก โดยครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล ทั้งที่เกิดจากโรคภัยไข้เจ็บและอุบัติเหตุ ครอบคลุมโรคร้ายแรง เช่น โรคมะเร็ง โรคเส้นเลือดอุดตัน โรคหัวใจ หรือโรคเกี่ยวกับสมอง เป็นต้น ประกันสุขภาพชนิดนี้ในปัจจุบันมักจะมีค่าชดเชยรายวันในกรณีที่ต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ซึ่งบริษัทมักจ่ายให้ตามจำนวนวันที่ทำการรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล โดยระบุวงเงินที่จะจ่ายในแต่ละครั้งไว้ในกรมธรรม์
ประกันอุบัติเหตุ
ประกันประเภทนี้จะคุ้มครองเมื่อเกิดอุบัติเหตุโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นการประสบอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บทางร่างกาย ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล หรือรุนแรงถึงขั้นสูญเสียอวัยวะ สายตา ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด ทั้งการจ่ายค่ารักษาพยาบาล รวมถึงค่าชดเชยในกรณีที่ผู้เอาประกันสูญเสียอวัยวะ
ประกันบ้าน
บ้านเป็นทรัพย์สินสำคัญอย่างหนึ่งที่เราไม่สามารถละเลยได้ เนื่องจาก บ้านเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงที่เราทุ่มเทเงินลงไปเพื่อครอบครอง เราจึงควรทำประกันให้กับบ้าน ซึ่งประกันภัยที่ควรทำ ได้แก่ ประกันอัคคีภัย คุ้มครองในกรณีไฟไหม้ ฟ้าผ่า ภัยระเบิด ภัยจากการถูกชนโดยอากาศยาน หรือยานพาหนะ ภัยเนื่องจากน้ำ เป็นต้น แต่ถึงแม้จะกล่าวว่ามีการคุ้มครองภัยจากน้ำแต่ส่วนใหญ่มักจะไม่คุ้มครองในกรณี ภัยน้ำท่วม เพราะฉะนั้นเราควรทำประกันเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน ประกันชนิดนี้จะช่วยคุ้มครองด้านค่าใช้จ่ายได้ดีในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝันกับบ้านของเราขึ้นมา
เคล็ดลับ : ขอคิดดีๆเมื่อคิดจะซื้อประกันสักตัวหนึ่ง
อย่าลืมดูด้วยว่าเรามีความสามารถในการจ่ายค่าเบี้ยประกันตามความคุ้มครองที่เราต้องการได้หรือไม่ ค่าเบี้ยประกันจะส่งผลกระทบด้านการเงินมากน้อยแค่ไหน และคุณต้องรู้ด้วยว่า หากส่งเบี้ยประกันไม่ครบตามกำหนด ก็จะไม่ได้รับความคุ้มครอง เท่ากับเราจ่ายเงินจำนวนนั้นไปอย่างสูญเปล่า ทางที่ดีควรศึกษา และเลือกให้เหมาะสมกับตัวเรา
การทำประกันถือเป็นสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิต ประกันอุบัติเหตุ หรือประกันสุขภาพ เพราะเราไม่อาจรู้ได้เลยว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง และหากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น โดยที่เราไม่มีประกันคุ้มครองนั้น อาจทำให้เกิดความลำบาก และส่งผลต่อบุคคลผู้อยู่เบื้องหลัง ดังนั้นอย่าละเลยที่จะทำประกันกันนะคะ
>> มองหาประกันรถยนต์ราคาพิเศษสุด ฟรี! บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชั่วโมง