คงปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้ชื่อชั้นของ Samsung นั้นไม่ธรรมดาและพอฟัดพอเหวี่ยงกับ Apple ได้ ในระดับที่ถือว่าเป็น “คู่แข่ง” ใน Segment เดียวกัน ที่น่าศึกษาเกี่ยวกับ Samsung ก็เพราะว่าเป็น Brand ที่มีการเติบโตจากฐานรากเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไปหรือ Consumer Electronics จนก้าวขึ้นสู่ผู้นำด้านตลาดสมาร์ทโฟนและยังมีสินค้าเด่นคือจอทีวีของ Samsung อีกด้วย ที่เป็นอย่างนี้ได้ก็เพราะวิสัยทัศน์ของผู้นำที่ชื่อว่า Lee Kun-hee ในเนื้อข่าวภาษาไทยจะเขียนว่าลีกอนฮี หรือจะอ่านว่า อีกอนฮีก็ได้ตามเสียงภาษาเกาหลี ซึ่งเขาเป็นผู้ที่มีมุมมองและวิสัยทัศน์ในการปรับปรุงพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เป็นสินค้าที่ตรงใจและสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้สินค้าทุกระดับ
Lee Kun-hee เป็นบุตรชายคนที่สามของ Lee Byung-chul ผู้ก่อตั้ง Samsung และได้เริ่มเข้ามามีบทบาทการบริหารธุรกิจของ Samsung หลังจากที่คุณพ่อเขาได้จากโลกนี้ไป เขาเกิดเมื่อวันที่ 9 มกราคม ค.ศ. 1942 (ปัจจุบันปี ค.ศ. 2015 มีอายุ 73 ปี) มีทรัพย์สินกว่า $12.3 พันล้านเหรียญสหรัฐและได้รับการจัดอันดับที่ 41 เป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลต่อโลกในปี 2013 โดยนิตยสาร Forbes และยังดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล เขามีความสามารถพูดได้สามภาษาคือเกาหลี อังกฤษและภาษาญี่ปุ่น
Lee Kun-hee เป็นบุคคลที่ไม่ค่อยนำเสนอตัวเองนัก เมื่อเปรียบเทียบกับแบรนด์ของ Apple อาจจะเพราะวัฒนธรรมของเอเชียที่เน้นการเก็บงำประกายความสามารถ แต่ดำเนินขับเคลื่อนธุรกิจอยู่เบื้องหลังเงียบ ๆ อย่างมีพลัง ดังนั้นน้อยคนที่จะรู้ว่า Samsung นั้นถูกบริหารและกำหนดทิศทางโดย Lee Kun-hee ผู้นำ Samsung นี่เอง สิ่งที่เป็นความสามารถที่น่ายกย่องของเขาก็คือวิสัยทัศน์และการไม่ยอมหยุดยั้งอยู่กับความสำเร็จ ซึ่งเห็นได้จากความก้าวหน้าของแบรนด์ Samsung ที่มีสินค้าคุณภาพออกมาเรื่อย ๆ และดีขึ้นทุกปีจากการค้นคว้าและพัฒนาของทีมงานออกแบบและวิศวกรฝ่ายผลิต เพราะวิสัยทัศน์นี้เอง เขาจึงสามารถนำพาให้ Samsung ผ่านช่วงเวลาของการเปลี่ยนเทคโนโลยีจากอะนาล็อกมาสู่ยุคดิจิตอลได้โดยไม่โดนคลื่นของความเปลี่ยนแปลงกลืนกินไปเสียก่อน “Samsung เปลี่ยนตัวเองก่อนที่จะโดนเปลี่ยนหรือบังคับให้เปลี่ยน”
มีเรื่องเล่าว่า Lee Kun-hee ได้ไปเยือนสหรัฐอเมริกาและพบว่าสินค้าของ Samsung ถูกวางในที่ที่อ่อนด้อยแลดูโลว์เกรดกว่าแบรนด์อื่น ๆ มาก หลังจากนั้นเขาจึงสั่งให้ทำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และแสดงสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ด้วยการเผาสินค้าต่าง ๆ ที่ไม่ได้เรื่องหรือไม่ได้คุณภาพ โดยมีพนักงานได้รับรู้และร่วมปฏิบัติการครั้งนี้ คือมาร่วมกันทุบทำลายแล้วนำไปเผาทิ้ง หลังจากนี้คือการคิดสิ่งใหม่ ๆ ที่ดีกว่าเดิม อย่างน้อยต้องอย่าให้ด้อยกว่าสิ่งที่เผาไป
การกระทำครั้งนั้นเป็นสัญลักษณ์หรือเป็นการเพาะความคิดใหม่ให้กับพนักงานเพื่อให้ลืมรากฐานหรือกรอบเดิม ๆ เพื่อเป็นการปรับตัวเข้าสู่ยุคใหม่ได้อย่างดี โดยจะเน้นการออกแบบสินค้าที่เป็นนวัตกรรมมากขึ้น มีรูปแบบที่สวยงามมากขึ้นและมีสินค้าหลากหลายและเจาะกลุ่มผู้ใช้หลายระดับ
ผู้เขียนเองก็เคยซื้อโทรศัพท์มือถือให้คุณย่าซึ่งเป็นรุ่นที่เสียงเรียกเข้าดังมากและตัวอักษรก็ใหญ่มาก เวลาผู้สูงอายุกดเลขเบอร์โทรก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนและมีการสลับสีระหว่างตัวเลขให้ดูง่าย เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่ามีการคิดค้นและใส่ใจรายละเอียดมากเพียงใด นั่นก็คือ 6 ปีที่ผ่านมาแล้ว ไม่นับรวมถึงปัจจุบันนี้ที่ Samsung ก้าวไกลกว่านั้นมาก จากความนิยมและเชื่อถือในประเทศเกาหลีใต้ก็ขยายวงออกมาสู่ต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศไทยก็มีความนิยม Samsung และได้รับความเชื่อถือไม่แพ้แบรนด์ดังอื่น ๆ
Samsung อาจจะถูกมองว่าเป็นนักลอกเลียนแบบ เพราะมีคดีที่เป็นความกันระหว่าง Samsung กับ Apple แต่ Samsung ก็สามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถด้านการค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเองในที่สุด ด้วยการสร้างผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างออกไป เพราะทุกวันนี้เทคโนโลยีด้านชิปเซ็ทและไมโครโพรเซสเซอร์ก็มีคุณภาพมาก การแข่งขันจึงออกมาทางดีไซน์เป็นหลักรวมถึงการออกแบบระบบของ User Interface และชูจุดขายของสมาร์ทโฟนที่มี Concept ของ Note ทำให้ Samsung สามารถกำหนดตำแหน่งหรือ Positioning ของตัวเองในตลาดได้อย่างชัดเจน คือมีภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่มีชื่อเสียง และมีดีไซน์สินค้าที่เน้นความหรูหราสวยงาม ผู้ใช้ภูมิใจที่จะถือสมาร์ทโฟนหรือ Tablet ของ Samsung อย่างไม่ขัดเขิน หน้าจอทัชสกรีนก็มีความกว้างเต็มตา ในระดับราคาที่แข่งขันได้ในท้องตลาด เราจะได้เห็นสินค้า Samsung ที่ผลิตออกมาเพื่อผู้ใช้ตั้งแต่ระดับพื้นฐานถึงไฮเอนด์
การพัฒนาของ Samsung จนสามารถผลิตสินค้าที่ก้าวล้ำทางเทคโนโลยีเช่นนี้ได้ก็เพราะว่าให้ความสำคัญกับการปรับตัวอย่างขนานใหญ่ การยึดมั่นในคุณภาพของสินค้าและคำนึงถึงประสบการณ์ของผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง เพราะธรรมชาติของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วยิ่งทำให้ Samsung ต้องขยันค้นคว้าพัฒนาต่อไปอย่างเข้มข้น ซึ่ง Lee Kun-hee เป็น ผู้นำ Samsung ที่มีใจกว้างในการเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ ทั้งจากผู้บริหารและพนักงาน ลดขั้นตอนต่าง ๆ ที่ทำให้การตัดสินใจล่าช้าออกไป นอกจากนี้เขายังไม่ปิดกั้นตัวเองแต่กลับส่งพนักงานชาวเกาหลีไปทำงานที่สาขาต่างประเทศและรับชาวต่างประเทศมาทำงานใน Samsung ที่เกาหลีใต้เพื่อผนวกมุมมองจากบุคคลสองกลุ่มเข้าด้วยกัน นับว่าเป็นตัวอย่างที่ดีของผู้นำที่ไม่ยึดติดกับกรอบหรือความคิดของตัวเอง แต่เชื่อในพลังของทีมและเชื่อในมันสมองของคนที่มีความเก่งกาจ จนสามารถพัฒนาและนำพาให้ Samsung ก้าวขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในผู้นำด้านสมาร์ทดีไวซ์และ Consumer Electronics ได้อย่างมั่นคง