ปัจจุบัน ท่านคงเห็นคนรอบตัวหลายๆคนมี พฤติกรรมละลายทรัพย์ เป็นว่าเล่น แต่โปรไฟล์เลิศหรูดูเพอร์เฟคราวกับราชนิกุล ซึ่งถ้าพวกเขาไม่มาเลียบๆเคียงๆขอยืมเงินคุณในช่วงกลางเดือนล่ะก็ คุณคงไม่มีโอกาสได้รู้ ว่าคนกลุ่มนี้เป็นเพียงเศรษฐีไส้แห้งธรรมดาเท่านั้นเอง
หากคุณไม่อยากมีชะตากรรมแบบพวกเขา ก็จงรีบหยุดพฤติกรรมที่ว่านั้นเสีย การใช้ชีวิตอย่างเลื่อนลอย ไม่เป็นผลดีใดๆกับตัวคุณ อย่าลืมว่าคุณมีวันแก่ชรา เมื่อถึงวันนั้นถ้าคุณไม่มีเงินเก็บเลย ชีวิตคุณจะดำเนินต่อไปได้อย่างไร บทความนี้มีวิธีปรับ พฤติกรรมละลายทรัพย์ มาเป็นพฤติกรรมการเงินที่ดีมาแบ่งปันคุณค่ะ
1. เลือกทานแต่อาหารที่ดีและมีประโยชน์
การเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์นั้น จะทำให้คุณมีสมองปลอดโปร่งและมีความคิดดีๆ สามารถแยกแยะได้ระหว่างอาหารที่เต็มไปด้วยคุณค่าแต่ราคาข้างทาง กับอาหารแนว Junk Food ราคาแสนแพงตามห้าง ที่ดีแต่พอกพูนไขมันสะสมที่คุณไม่พึงปรารถนา
ลองคำนวณดูนะคะ ว่าเดือนๆหนึ่งคุณหมดเงินไปเท่าไหร่กับอาหารประเภทนี้ แค่มื้อเดียวก็ปาเข้าไปหลักร้อย หรือหลายร้อย และอาจจะเลยไปถึงหลักพันเลยก็ได้ สำหรับมนุษย์เงินเดือนใจใหญ่บางท่าน แต่หากคุณหันมาทานาหารที่มีประโยชน์แล้วล่ะก็ นอกจากจะทำให้สุขภาพของคุณดีขึ้นแล้ว ยังดีต่อการเงินของคุณอีกด้วย เพราะอาหารเหล่านี้มักจะมีราคาไม่แพงนั่นเอง
นอกจากนี้อย่าลืมหันมาดื่มน้ำสะอาด เพื่อลดปริมาณน้ำตาลและคาเฟอีนในร่างกาย ถ้าคุณเปลี่ยนจากเครื่องดื่มไฮโซแสนแพงเหล่านั้นมาเป็นน้ำสะอาดขวดละไม่กี่บาท ผิวพรรณของคุณจะสดใสเปล่งปลั่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะเริ่มมีเงินพอใช้จ่ายมากขึ้น ถ้ายังไม่เชื่อ ก็ลองหันไปคำนวณค่ากาแฟและเครื่องดื่มไฮโซเหล่านั้นดูกันนะคะ แล้วจะพบคำตอบ แล้วอย่าลืมนำมาเทียบกับราคาน้ำเปล่าที่คุณดื่มในแต่ละวันดู ว่าราคามันต่างกันมากขนาดไหน รับรองว่าคุณจะต้องอึ้งกับความต่างแน่นอน
2. งดแบรนด์เนม ใช้โอท็อป
ผู้เขียนคงกลายเป็นมนุษย์ป้าไร้รสนิยมที่ดีไปเลย ถ้าจะแนะนำว่า กระเป๋าแบรนด์เนม ไม่เหมาะกับมนุษย์เงินเดือนอย่างเราหรอกค่ะ เนื่องจากมีราคาค่อนข้างสูง อันนี้เน้นแค่เรื่องกระเป๋าเท่านั้นนะ รองเท้าไม่เกี่ยว เพราะถือว่านั่นคือเรื่องจำเป็นต่อสุขภาพเท้าของคุณ เพราะนอกจากช้างดาวแล้ว ผู้เขียนก็เห็นว่ามีแต่รองเท้าแบรนด์นี่แหละที่ดีต่อสุขภาพเท้ามากที่สุด
กระเป๋าที่เราใช้เพื่อใส่สิ่งของ เสริมบุคลิก เลือกที่มันมีราคาพอประมาณ แต่เรียบหรูดูดีก็พอแล้ว เสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องสำอาง และอะไรก็ตามที่เข้าข่ายฟุ่มเฟือยก็ควรงดเสียให้หมด หัดมิกซ์แอนด์แมทบ้าง ถึงเวลาที่เงินไม่พอใช้ขึ้นมา คุณกินของพวกนี้แทนข้าวไม่ได้หรอก อย่าอ้างว่าขายได้เลย เพราะกว่าจะขายได้คุณก็ต้องใช้เวลา แถมยังได้มาไม่คุ้มกับเงินที่เสียไปอีกด้วย
ลองงดเว้นการซื้อของพวกนี้สักเดือน แล้วลองดูยอดเงินคงเหลือ รับรองว่าคุณจะตกใจ ถ้าพบว่าเดือนๆหนึ่งคุณเสียเงินมากมายเท่าไหร่กับของพวกนี้ ทีนี้เมื่อรู้แล้วว่าคุณหมดเงินไปกับของที่ไม่จำเป็นราคาแพงเหล่านี้เท่าไหร่ ความรู้สึกเสียดายก็จะกระตุ้นให้คุณงดการช้อปของเหล่านี้ลงแล้วอยากเก็บเงินมากขึ้นเองล่ะ
3. หยุดแข่งขัน งดพฤติกรรมเลียนแบบ
ความอิจฉาริษยาไม่เป็นผลดีกับคุณ คำว่ารู้จักพอต่างหากที่คุณควรท่องไว้ให้ขึ้นใจ หากวันนี้คุณยังรู้สึกว่าต้องทัดหน้าเทียมตากับคนในสังคม เขามีอะไร ฉันก็ต้องมีบ้าง จะปล่อยให้คนพวกนั้นล้ำหน้าคุณไปได้อย่างไร คุณไม่มีวันยอม ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดมาก เพราะคนเรามีฐานะทางการเงินไม่เท่าเทียมกัน เรามีน้อยเราก้ใช้เท่าที่เรามีดีกว่านะ เพราะพฤติกรรมเหล่านี้จะส่งผลให้คุณเป็นฝ่ายเสียหาย เพราะนอกจากจำนวนเงินในกระเป๋าที่จะหายตามไปแล้ว ยังมีเรื่องของหนี้สินเข้ามาพัวพันอีก เนื่องจากการไม่รู้จักพอของคุณ จะทำให้คุณยอมควักกระเป๋าซื้อสินค้าที่เท่ากันหรือเหนือกว่าเพื่อนๆโดยไม่รู้ตัว ซึ่งกว่าจะรู้ตัวอีกที เงินคุณก็อาจจะหมดกระเป๋าเสียแล้ว ดีไม่ดี อจาจะหมดวงเงินในบัตรสินเชื่อไปด้วยแล้วก็ได้
เพราะฉะนั้น สติ คือสิ่งสำคัญที่สุดที่จะช่วยยับยั้งชั่งใจให้การเงินของคุณไม่มีวันสะดุด ขอแค่คุณปฏิบัติตามสามหัวข้อข้างต้น คุณก็จะกลายเป็นคนธรรมดาสามัญคนหนึ่ง ที่มีเงินเก็บมากพอไว้ออกเงินกู้ยืมให้กับบรรดาไฮโซไส้แห้งเหล่านั้นก็เป็นได้
อย่าหวั่นไหวกับคำดูหมิ่นหรือคำค่อนแคะใดๆ คิดเสียว่าคุณทำเพื่อตัวเองก็น่าจะเพียงพอแล้ว หรือสำหรับใครที่มีครอบครัวแล้วก็ต้องเคร่งครัดสักหน่อยนะ เพราะผลที่ตามมาจากการใช้เงินของคุณไม่ได้ส่งผลกระทบต่อคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงคนในครอบครัวอีกด้วย ซึ่งนี่ก็อาจจะทำให้ปัญหาครอบครัวตามมาได้เช่นกัน เอาเป็นว่าไม่ว่าคุณจะใช้เงินเพียงคนเดียวหรือใช้ในครอบครัวก็ควรที่จะเก็บออมเงินไว้และใช้จ่ายเงินอย่างมีสติเสมอ เพื่อการเงินในอนาคตที่ดีของคุณนั่นเอง