บัตรวิเศษหรือชื่อจริงเรียกว่า “บัตรเครดิต” เมื่อได้มีครอบครองอาจจะทำให้ต้องสูญเสียเงินจำนวนมาก หากใช้แบบไม่มีวินัย ผลสำรวจพบว่าในปัจจุบันจำนวนหนี้บัตรเครดิตเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจาก ลูกหนี้นิยมที่จะชำระค่าบัตรเครดิตแบบไม่เต็มจำนวน ทำให้ต้องเจอกับดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น
เมื่อหนี้เพิ่มขึ้นทำให้สถาบันการเงินนั้นต้องยื่นเรื่องต่อฝ่ายกฎหมายเพื่อบีบบังคับให้ลูกหนี้บัตรเครดิตทำการชำระค่าบัตรเครดิตพร้อมดอกเบี้ย โดยวิธีการที่สถาบันการเงินนิยมใช้คือการยืดเงินเดือนของลูกหนี้
” มีหนี้บัตรเครดิต ถูกยึดเงินเดือน ” นั้นในความเป็นจริงสถาบันการเงินสามารถที่จะทำได้ แต่มีเงื่อนไข ดังนี้
กรณีที่ลูกหนี้มีเงินเดือนไม่ถึง 10,000 บาท สถาบันการเงินหรือเจ้าหนี้ไม่สามารถทำการอายัดเงินเดือนได้ เพราะลูกหนี้จะต้องมีเงินไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ในกรณีที่หากลูกหนี้มีเงินเดือนมากกว่า 10,000 บาท เช่น มีรายได้เดือนละ 20,000 บาท ลูกหนี้จะถูกอายัดเงินได้สูงสุดไม่เกิน 6,000 บาท ทำให้เหลือใช้จ่ายแต่ละเดือน 14,000 บาท
นอกเหนือจากเงินเดือน เงินได้และทรัพย์สินอื่นๆ เจ้าหนี้สามารถสั่งอายัดได้หรือไม่?
สำหรับบัญชีเงินฝาก เจ้าหนี้สามารถสั่งอายัดได้ทั้งจำนวน ในส่วนของรายได้อื่น เช่น เงินโบนัส หากเป็นช่วงสิ้นปีแล้วมีโบนัส เจ้าหนี้สามารถอายัดได้สูงสุดถึง 50% ในด้านของทรัพย์สินที่เป็นรูปของตัวหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ หรือหากร่วมทุนในบริษัทกับผู้อื่น กรมบังคับคดีสามารถยึดใบหุ้นเพื่อขายทอดตลาดได้ และยังสามารถอายัดทรัพย์สินเฉพาะส่วนที่เป็นของผู้ถูกอายัดเพื่อนำมาชำระหนี้ได้ทั้งจำนวนอีกด้วย
จะเห็นว่าการใช้บัตรเครดิตแบบไม่ระมัดระวังและขาดวินัย นำไปสู่ความทุกข์และยังนำไปสู่การถูกยึดทรัพย์สินได้ ดังนั้นก่อนใช้บัตรเครดิตทุกครั้งควรคิดให้รอบคอบว่าสามารถขำระคืนได้และไม่เป็นภาระต่อตัวเองในอนาคต