เมื่อเริ่มมีเงินแล้ว เราจะเอาไป ลงทุนอะไรดี น่าจะเป็นคำถามที่หลาย หลายคนคงถามตัวเองอยู่บ่อย บางคนก็บอกฝากเงินกับธนาคารสิ สลากออมสินสิ กองทุนเลย ซื้อหุ้นเลย…. มีเยอะ แยะอีกมากมาย ที่เราจะลงทุนได้ มาเริ่มเรียนรู้กันเลยดีกว่า
มาเริ่มที่เงินฝากกันก่อน เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัว เป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยกันมาตั้งแต่เด็ก เด็ก เป็นทางเลือกแรก แรกสำหรับการลงทุนที่ส่วนใหญ่จะคิดว่าปลอดภัย ให้ผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ ถ้าเป็นสมัยก่อนก็น่าจะถูกต้อง เพราะก่อนหน้านั้นยังไม่มีกฎหมายที่ออกมาคุ้มครองเงินฝาก แถมดอกเบี้ยก็ยังสูงมาก ที่เคยเห็นก็ประมาณ 10% กว่า กว่า เพราะฉะนั้นเงินฝากธนาคารจึงเป็นที่นิยมมาในอดีต แต่ปัจจุบันแล้วไม่ใช่เลย เงินฝากธนาคารให้ผลตอบแทนที่น้อยมาก คือ มักจะไม่เกิน 4% แถมยังมีวงเงินมากำหนดอีกว่าขั้นต่ำต้องเป็นเท่าไร ซึ่งทำให้ใช้ระยะเวลาลงทุนนานมากถึงจะได้ผลตอบแทนที่ต้องการ อีกทั้งยังมีกฎหมายคุ้มครองเงินฝากธนาคารออกมาอีก ก็ยิ่งทำให้การฝากเงินกับธนาคารไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไร เพราะกฎหมายนี้ออกมาเพื่อใช้ยามที่ธนาคารเอกชนในบ้านเราเกิดล้มละลายขึ้นมา เงินที่เราจะได้รับคืนก็เฉพาะที่กฎหมายกำหนด ส่วนธนาคารของรัฐทั้ง 4 แห่งยังไม่ต้องทำตามกฎหมายนี้ ก็คือ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารสหกรณ์เพื่อการเกษตร และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
การลงทุนอีกอย่างที่คล้ายกับเงินฝากธนาคารแต่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า ก็คือ ตราสารหนี้ เช่น สลากออมสิน พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้เอกชน ตั๋วเงินคลัง โดยการลงทุนในกลุ่มนี้ก็ให้ผลตอบแทนสูงขึ้นกว่าเงินฝากธนาคารเพียงเล็กน้อย แต่ก็ยังมีความเสี่ยงหากเราลงทุนในหุ้นกู้เอกชนที่มีฐานะหรือเครดิตไม่ค่อยดี โอกาสที่เราจะสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดก็มีอยู่ได้ แต่สำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐก็พอเป็นหลักประกันได้อย่างหนึ่งว่าเงินลงทุนของเรายังอยู่ครบแน่นอน
การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ที่เห็นกันส่วนใหญ่ในตอนนี้ ก็น่าจะเป็น การลงทุนในคอนโดมิเนียม ที่มีทำเลติดรถไฟฟ้า ถ้าเป็นในเมืองก็ราคาสูงมาก แต่ถ้าออกนอกเมืองมาหน่อยแต่มีรถไฟฟ้าวิ่งผ่านก็อาจจะได้ราคาที่พอรับได้ ส่วนมากก็จะจ่ายเงินจองห้อง แล้วปล่อยให้คนอื่นมาเช่า โดยเอาเงินค่าเช่ามาจ่ายค่างวดให้กับธนาคาร แต่เวลาที่เราจะตั้งราคาค่าเช่าห้องอย่าลืมคิดให้ถี่ถ้วนว่าเมื่อได้ค่าเช่ามาแล้วจะต้องครอบคลุมในเรื่องค่างวดพร้อมดอกเบี้ยรายเดือน ค่าใช้จ่ายส่วนกลางของโครงการ ค่าซ่อมแซมจุกจิก เป็นต้น และที่สำคัญการเอาคอนใดให้คนอื่นเช่าเราอาจจะต้อง Screen บ้าง หรือให้บริษัทนายหน้าหาคนเช่าให้เรา เพื่อเป็นการการันตีรายได้ที่เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ
การซื้อที่ดินเก็บไว้ในระยะยาว … อาจจะปฏิเสธไม่ได้ว่ากำไรจากการขายที่ดินนั้นให้ผลตอบแทนที่สูงพอสมควร หากเราได้ที่ดินในทำเลที่อนาคตมีรถไฟฟ้าวิ่งผ่าน หรือมีการตัดถนนเพิ่มขึ้น แต่อย่าลืมว่าปัจจุบันราคาที่ดินในทำเลแบบนั้นก็มีราคาสูงอยู่พอสมควร การขายออกก็อาจจะทำได้ยากและใช้เวลานาน มีค่าใช้จ่ายจุกจิกอีกเช่นกันในการซื้อขาย และที่สำคัญเงินที่นำมาซื้อต้องเป็นเงินเย็นและมีจำนวนเงินที่มากพอ เพราะปัจจุบันนี้อาจจะหาได้ยากหน่อยสำหรับที่ดินราคาถูก ในทำเลที่น่าสนใจ แต่ถ้าเราได้รับมรดกเป็นที่ดินมาก็คงจะไม่น่าเกลียดอะไร ถ้าเราจะได้เงินมาจากการขายที่ดินผืนนั้นไป
ทองคำก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคนที่อยากลงทุน … แต่แนะนำให้ซื้อเป็นทองคำแท่ง เพราะเวลาขายคืนราคามักจะสูงกว่าทองรูปพรรณ เพราะจากข้อมูลในอดีตราคาทองคำมีแต่ขึ้นกับขึ้น แต่ในปัจจุบันก็อาจจะมีลงบ้างตามตลาดโลก แต่ยังไงเสียทองคำก็ยังให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจอยู่อีกเหมือนกัน สำหรับผู้หลักผู้ใหญ่ภายในบ้านของเรา
การลงทุนในหุ้นก็เป็นทางเลือกที่นิยมกันมากขึ้นทุกที เพราะบางคนจะบอกว่าลงทุนในหุ้นจะได้ผลตอบแทนเร็ว ได้ผลตอบแทนสูง ซึ่งบางคนลงทุนเพียงปีเดียวแต่ได้ผลตอบแทนถึง 10-15% เลยก็มี เป็นเพราะสามารถวิเคราะห์ตลาดได้เก่ง มองตลาดเป็น วิเคราะห์ทั้งข้อมูลพื้นฐานและข้อมูลทางเทคนิคเป็น ทำให้สามารถเลือกซื้อขายหุ้นแต่ละตัวได้ถูกเวลา ก็เลยทำให้มีผลตอบแทนกลับมาสูง แต่การลงทุนในหุ้นสิ่งที่เราจะยินบ่อย บ่อย คือ High Risk High Return หมายความว่าลงทุนมากได้มาก และลงทุนมาก โอกาสที่จะเสียก็มีมากด้วยเช่นกัน
แต่ปัจจุบันนี้มีทางเลือกในการลงทุนเพิ่มขึ้นอีกอย่าง คือ กองทุนรวม ที่รวบรวมทุกสิ่ง ทุกอย่างข้างบนมารวมอยู่ในกองทุน ซึ่งกองทุนรวม จะมีหมดเลย ถ้าลงทุนในเงินฝากธนาคารและตราสารหนี้ ก็จะเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน เราทีกองทุนรวมที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เรามีกองทุนรวมที่ลงทุนในทองคำ หรือแม้แต่กองทุนที่ลงทุนในหุ้น ซึ่งข้อดี คือ เราไม่ต้องวิเคราะห์และบริหารทรัพย์สินแต่ละประเภทเอง เพราะมีผู้จัดการกองทุนทำหน้าที่วิเคราะห์และบริหารให้เราอยู่แล้ว เงินลงทุนในที่ใช้ไม่ต้องสูงมาก เพียงแต่การลงทุนในกองทุนนั้นเราอาจจะต้องเสียค่าธรรมเนียมในการบริหารกองทุนให้กับบริษัทจัดการบ้าง ตามที่จะกำหนดไว้ของแต่ละกองทุน
เห็นหรือไม่ว่าเมื่อมีเงินแล้วเรามีทางเลือกในการลงทุนมากมาย และหลากหลายมาก ที่สำคัญคือ เราจะลงทุนอะไรก็ควรจะศึกษาให้รอบคอบ ให้ถ่องแท้ และเลือกการลงทุนให้เหมาะสมกับเงินในกระเป๋า และความเสี่ยงที่เรายอมรับได้ล่ะกันนะ