การลงทุน ทุกอย่างทำให้เรารวยได้จริงๆหรือไม่ คำถามนี้ไม่มีคำตอบที่ถูกต้องหรอก เพราะการลงทุนนั้นต้องขึ้นอยู่กับจังหวะใน การลงทุน และสิ่งแวดล้อมด้วย และสิ่งแวดล้อมนี้ก็ต้องดูหลายๆสิ่งมากด้วยไม่ว่าจะเป็นระบบเศรษฐกิจของประเทศเราเอง ประเทศรอบข้าง หรือแม้แต่ประเทศที่เจริญๆแล้วก็ตาม เราต้องดูทั้งนั้นเนื่องจากนักลงทุนรายใหญ่ก็มักจะลงทุนในช่วงที่เศรษฐกิจนิ่งๆทั้งนั้น อีกทั้งการดูสถานการณ์รอบข้างก่อนเริ่มลงทุน ยังช่วยชี้ชะตาด้วยว่า การลงทุนของเรานั้นจะประสบความสำเร็จหรือล้มละลายนั่นเอง เพราะฉะนั้นเราควรเรียนรู้ที่จะลงทุนให้มากๆ จะดีกว่า
อย่างที่เราจะเห็นได้จากปัญหาฟองสบู่แตกเมื่อปี 2540 ที่ตอนนั้นเศรษฐกิจดูจะแย่มากทีเดียวเนื่อง ซึ่งปัญหาก็เกิดจากการที่เข้าไปกู้เงินจากธนาคารต่างชาติมาเยอะเกินไป ค่าเงินของเราจึงเกิดการลอยตัวอย่างกะทันหันจากหลายๆปัจจัยในการลงทุน เพียงข้ามคืนเราก็มีหนี้เพิ่มขึ้นมาตั้งไม่รู้ตั้งกี่เท่ากันเลยทีเดียว สุดท้ายก็ต้องถูกฟ้องร้องกลายเป็นบุคคลล้มละลายกันเต็มไปหมดนั่นเอง และในวันนี้เราจะมายกตัวอย่างบุคคลที่ได้รับผลกระทบมาเมื่อปี 2540 อย่างรุนแรงจนกลายเป็นบุคคลล้มละลาย แต่สุดท้ายเขาก็กลับมาสู้และสามารถตั้งตัวได้อีกครั้งอย่างคุณศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ ซึ่งในปัจจุบันเป็นผู้ประกอบการของ ศิริวัฒน์แซนด์วิช นั่นเอง
ในปี 2540 นั้นคุณศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณได้ประสบปัญหาอย่างหนักจากการลงทุนในหุ้นมาร์จินจำนวนหลายสิบล้าน และเมื่อเงินบาทลอยตัวขึ้นเรื่อยหนี้สินที่เกิดขึ้นจากการไปกู้ยืมเงินจากธนาคารต่างประเทศมาลงทุนในหุ้นก็สูงขึ้นเรื่อย ในขณะที่หุ้นก็ขายไม่ได้กำไร สุดท้ายเมื่อไม่สามารถนำเงินไปชำระธนาคารได้ก็ถูกฟ้องร้องล้มละลายในที่ศาล และด้วยความโชคดีบางอย่างทำให้คุณศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณถูกฟ้องร้องล้มละลายไปเพียง 3 ปีเท่านั้น เห็นไหมว่าการลงทุนไม่ใช่เรื่องง่าย และมักจะเสี่ยงอยู่ระหว่างคำว่ากำไรกับขาดทุน แต่ทั้งนี้ความผิดพลาดก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะนั่นอาจเป็นหนทางและแนวทางที่จะช่วยให้เราก้าวไปสู่ความสำเร็จได้ ซึ่งคุณ ศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ ก็ได้ใช้ความล้มเหลวนี้ในการก้าวไปสู่จุดสูงสุดแห่งความสำเร็จ ซึ่งก็อาจจะเรียกได้ว่าเป็นการล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่นั่นเอง
แต่ถ้าถามว่าคุณศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ หยุดชีวิตลงตรงนั้นเลยไหม คำตอบคือไม่ เพราะคุณศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณตัดสินใจที่จะเริ่มการลงทุนครั้งใหม่กับธุรกิจเล็กอย่างการขายแซนด์วิช ซึ่งเป็นไอเดียจากภรรยาของคุณศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณเอง ซึ่งในตอนนั้นก็ยังไม่มีหน้าร้านแต่อย่างใด มีแต่การนำแซนด์วิชใส่กล่องไปขายตามฟุตบาธข้างถนนหรือตามห้างสรรพสินค้าในช่วงแรกๆ เมื่อขายไปได้สักระยะก็เริ่มเข้าไปขายในโรงพยาบาลกรุงเทพจากการช่วยเหลือของคนที่รู้จักกันนั่นเอง ซึ่งก้าวแรกของการเริ่มต้นใหม่ ก็เป็นอะไรที่น่าลองและน่าลุ้นมากทีเดียว
แม้ว่าในตอนเริ่มต้นของของ ศิริวัฒน์แซนด์วิช จะเริ่มจากการขายตามฟุตบาธ แต่ในตอนนี้การขายตามฟุตบาธอาจจะไม่มีอีกแล้ว ซึ่งก็อาจจะเป็นจากการเกี่ยงงานของคนหรืออย่างไรก็ตาม แต่ทางศิริวัฒน์แซนด์วิชก็ยังมีนโยบายรับเด็กจากจังหวัดเข้ามาทำในส่วนนี้อยู่เพื่อสร้างรายได้เสริมให้กับเด็กในต่างจังหวัดนั่นเอง นอกจากจะเป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์แล้วยังสอนให้เด็กรู้จักคุณค่าของเงินด้วย
ในตอนที่เริ่มต้นนั้น ศิริวัฒน์แซนด์วิช 1 ชิ้นจะมีราคาประมาณ 30 บาทเท่านั้นและในปัจจุบันจะอยู่ที่ประมาณ 60 บาท ซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่าราคาที่เพิ่มขึ้นมานั้นมาจากคุณภาพของวัตถุดิบที่ดีต่อสุขภาพของลูกค้าเอง และทางศิริวัฒน์แซนด์วิชยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆที่รับมาจากชาวบ้านด้วย ซึ่งสินค้าเหล่านี้ก็จะคล้ายกับสินค้าโอท็อปนั่นเอง มีทั้งประโยชน์และราคาก็สมเหตุสมผลทำให้ธุรกิจ ศิริวัฒน์แซนด์วิช ยังคงเติบโตขึ้นได้เรื่อยๆนั่นเอง ถึงแม้ว่าราคาของแซนวิชจะดูสูงไปหน่อย แต่อย่างไรเมื่อดูมีคุณภาพและประโยชน์ก็นับว่าคุ้มค่ามากทีเดียว ดีกว่าแซนวิชราคาถูก แต่ไม่มีคุณภาพเสียอีก
จนในตอนนี้คุณศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณก็สามารถกลับมาเป็นเจ้าของธุรกิจเล็กๆที่มีความมั่นคงอีกครั้ง ด้วยความไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาของตนเอง เมื่อล้มก็ต้องหาทางลุกขึ้นมา คงจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดของเรื่องนี้นั่นเอง ส่วนการทำธุรกิจก็ไม่ได้จำเป็นว่าต้องเป็นกิจการใหญ่โตแต่อย่างใด เพียงแค่เราสามารถมีจุดขายที่ตรงกับสิ่งลูกค้าหรือคนต้องการและใช้ส่วนนั้นมาโฆษณาเราก็สามารถเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนหรือทำธุรกิจได้แล้ว
เห็นไหมว่าการลงทุนอาจจะมีทั้งความสำเร็จและการล้มละลายได้เสมอ แต่ก็ใช่ว่าเราจะหยุดเพียงการล้มละลายในครั้งแรก เพราะนั่นถือเป็นบทเรียนที่จะทำให้เราก้าวไปสู่ความสำเร็จของชีวิตได้นั่นเอง จะเห็นตัวอย่างจากคุณศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ ที่ไม่ยอมแพ้ต่อการล้มละลายจากการลลงทุนในครั้งแรก แต่หันมาลงทุนในรูปแบบใหม่และไม่เลือกอาชีพที่จะทำ แม้ตอนแรกจะต้องไปขายตามริมฟุตบาต ตามห้างต่างๆ แต่ไม่นานคุณศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ ก็สามารถยกระดับธุรกิจของตัวเองได้ จนกลายเป้นธุรกิจใหญ่ในที่สุดและยังมีหน้ร้านเองอีกด้วย ใครที่กำลังท้อแท้จากการไม่ประสบความสำเร็จในการลงทุน อย่าเพิ่งยอมแพ้แล้วลุกขึ้นมาต่อสู้ชีวิตกันใหม่จะดีกว่า