เรื่องของการ ออมเงิน เป็นเรื่องที่มีการกล่าวถึงกันมากเลยทีเดียว ทั้งนี้ก็เพราะว่า การ ออมเงิน เปรียบเสมือนกับการสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตของตนเอง ซึ่งบางครั้งแล้ว เราไม่มีทางทราบได้เลยว่า จะมีความต้องการใช้เงินด่วนเมื่อไร และเมื่อถึงคราวจำเป็นต้องใช้ เราจะมีเงินไว้ใช้ยามจำเป็นหรือไม่ นี่คือสิ่งที่หลายคนต้องคิด
ซึ่งเราเคยได้ยินเกี่ยวกับเทคนิคการ ออมเงิน แบบการแบ่งเงินไว้ตามสัดส่วน โดยแบ่งเป็นเงินค่าใช้จ่าย เงินออม โดยเมื่อหลายคนลองทำดูกลับพบว่า ไม่สามารถทำตามได้ วันนี้เราจึงมีเทคนิคแบบง่ายๆประยุกต์เพิ่มเติมจาก เทคนิคที่หลายต่อหลายคนรู้แล้ว มาฝากกัน แต่ก่อนอื่นนั้น เรามาทำความเข้าใจกันก่อนดีกว่าทำไม ถึงต้องออมเงิน ซึ่งเมื่อคุณอ่านแล้ว คุณจะพบว่า หากว่าเราไม่มีเงินออมเราจะเป็นคนที่น่าสงสารมากเลยทีเดียว
สำรองจ่ายค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน
อย่างที่กล่าวขั้นต้นเรื่องของการออมเงิน เหตุผลหนึ่งก็คือ การสำรองค่าใช้จ่ายที่เราไม่ได้คาดการณ์ไว้ เช่น หากว่าเราหรือคนในครอบครัวเกิดป่วยเป็นโรคฉับพลัน ต้องใช้ค่ารักษาจำนวนมาก หากว่าเรามีเงินออมอยู่ก็คงจะช่วยแบ่งเบาภาระไปได้ หรือ หากว่า รถเสีย ต้องซ่อมรถ เราก็ต้องมีเงินสำรองกันไว้ในส่วนนี้อยู่แล้ว เราลองนึกภาพดูว่า หากไม่มีเงินสำรอง แต่เกิดเหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้ขึ้น ชีวิตจะเป็นอย่างไร
เก็บไว้เป็นทุนเพื่อประกอบธุรกิจ
โดยปกติแล้ว คนเราย่อมต้องการที่จะมีฐานะที่ดีมากขึ้น อย่างน้อยก็อยากจะให้ลูกหลานของเราสบาย การประกอบธุรกิจ ถือว่าเป็นตัวเลือกที่จะช่วยเปลี่ยนฐานะของเราได้ แต่ก่อนอื่นนั้น เราจะต้องมีเงินทุนเสียก่อน หากว่าใช้เงินที่เรามีอยู่ทั้งหมดเป็นเงินทุนประกอบธุรกิจ หากพลาดพลั้งมาก็เท่ากับว่าเราหมดตัว เพราะฉะนั้นแล้ว หากว่าเรามีการ ออมเงิน ไว้สักก้อนหนึ่ง และนำเงินออมจำนวนหนึ่งมาประกอบธุรกิจ หากสมมติว่าโชคร้าย พลาดพลั้งไป เราก็ยังสามารถดำเนินชีวิตอยู่ได้
เก็บไว้เพื่อให้รางวัลกับครอบครัว
การออมเงิน ของคนเรามีหลากหลายวัตถุประสงค์ อีกหนึ่งวัตถุประสงค์หนึ่งที่เราออมเงิน ก็เพื่อให้รางวัลกับตนเองและครอบครัว อาทิเช่น ให้โบนัสก้อนใหญ่กับครอบครัว ด้วยการพากันไปเที่ยวในที่ๆอยากไป หรือ ซื้อของขวัญชิ้นใหญ่ ให้กับตนเองและครอบครัว ซึ่งเรื่องต่างๆเหล่านี้ เราไม่สามารถทำได้เลย ถ้า ไม่มีการออมเงิน รวมทั้งวางแผนการใช้เงินล่วงหน้ามาก่อน
เป็นอย่างไรบ้างครับ กับเหตุผลส่วนหนึ่งของ ทำไมต้องออมเงิน ที่เรายกมาเป็นตัวอย่าง คงจะเป็นแรงกระตุ้น หรือแรงบันดาลใจให้ทุกคนออมเงินกันแล้วใช่ไหมครับ การออมเงินไม่ได้เป็นเรื่องยากเลย เพียงแต่ว่าหลายคนที่ไม่ประสบความสำเร็จก็เพราะว่า ไม่มีการทำตามอย่างจริงจัง หรือใช้เงินแบบไม่มีแบบแผนนั่นเอง เราลองมาดูเทคนิคการออมเงิน แบบง่ายๆให้แต่ละเดือนมีเงินเหลือเก็บกัน
เปรียบเทียบชนิดของสินค้าและราคาก่อนซื้อ
คนเรานั้นหมดเงิน หรือเสียเงินไปกับการซื้อสินค้าที่จำเป็น ไปจำนวนมาก ย้ำนะครับว่า สินค้าจำเป็น ซึ่งรายจ่ายเหล่านี้เป็นรายจ่ายที่เราต้องจ่ายจริงไปกับของใช้ที่จำเป็นต่างๆ เช่น ผงซักฟอก น้ำยาถูพื้น น้ำยาล้างจาน หรือวัตถุดิบและเครื่องปรุงในการทำอาหาร เช่นเนื้อสัตว์ ซอสต่างๆ ซึ่ง บางครั้งแล้ว เราสามารถเก็บออมเงินจากส่วนนี้ได้มาก ด้วยการเปรียบเทียบราคาของสินค้าก่อนซื้อ การเปรียบเทียบราคา ให้รวมไปถึง การใช้สินค้าที่ใช้แทนกันได้อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น ปกติแล้ว เราซื้อซอสปรุงรส ยี่ห้อหนึ่งเพราะความเคยชิน ในราคาที่สูงกว่า แต่ในขณะเดียวกัน ทางห้างสรรพสินค้าก็มีโปรโมชั่นลดราคา ซอสปรุงรสอีกยี่ห้อหนึ่ง เราก็ควรเลือกซื้อชนิดที่ถูกและให้ความคุ้มค่ากว่า เพียงเท่านี้ เราก็สามารถประหยัดเงินค่าส่วนต่างได้แล้ว เราก็นำเงินส่วนต่างนั้นไว้ออมหยอดกระปุกไป
กำหนดวงเงินการใช้ในแต่ละวัน
เรื่องของการกำหนดวงงินในการใช้ในแต่ละวันถือเป็นเรื่องจำเป็นมาก หลังจากที่เราแบ่งสัดส่วนในการใช้เงินมาแล้ว สมมติว่าเรามีค่าใช้จ่ายอยู่ก้อนหนึ่ง เราก็แบ่งก้อนนั้นออกเป็น 30 วัน สมมติว่า ตกวันละ 300 บาท นี่คือเงินในส่วนที่เราสามารถใช้ได้ ดังนั้นแล้ว เราก็แลกแบงค์ร้อยและพกเงินออกจากบ้าน วันละ 300 บาท โดยต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า ในแต่ละวัน เรามีเงินใช้อยู่เพียง 300 บาท เท่านั้น เราก็บริหารจัดการเงินก้อนนี้ให้พ้นไปในแต่ละวัน เมื่อมีเงินเหลือจาก 300 เราก็หยอดกระปุก ออมเงินไว้อีกส่วนหนึ่ง และเมื่อสิ้นเดือนมา เราก็นำเงินก้อนนี้มานับ และทำการออมเงิน หรือจะแบ่งส่วนหนึ่งให้รางวัลกับตนเอง ก็ยังได้อยู่
เป็นอย่างไรบ้างกับเทคนิค สองตัวนี้ ซึ่งเทคนิคทั้งสองนี้หลายคนอาจจะเคยได้ยินกันมาบ้างแล้ว แต่ยังขาดความเข้าใจในการนำไปปฎิบัติจริง ซึ่งเรื่องของการเปรียบเทียบสินค้าก่อนซื้อ เราก็มีคำแนะนำเพิ่มเติมก็คือ เหมาโหล ถูกกว่า ของที่ซื้อปริมาณมากๆย่อมมีราคาที่ถูกกว่า ของซื้อแยกชิ้น และในเรื่องของการกำหนดวงเงินในการใช้
สิ่งหนึ่งที่จะทำให้ประสบความสำเร็จได้ ก็คือ ความมีวินัยของตัวเรานั่นเอง ซึ่ง ใครที่กำลังมีความตั้งใจในการออมเงินอยู่ ผมก็ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ และอย่าลืม นำเทคนิคดีๆของเราไปปรับใช้กันด้วยนะครับ