ในช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมานี้ เทรนด์รองเท้าแฟชั่นเพื่อสุขภาพที่มาแรงแซงแบรนด์ยอดนิยมใด ๆ ชนิดที่ว่า ไปเที่ยวที่ไหนถอดรองเท้าต้องดูดี ๆ เผลอเป็นหาย หรือ อาจจะใส่ผิดคู่กลับออกมาก็ได้ เพราะคนนิยมเลือกซื้อสินค้าพรีเมี่ยมคุณภาพดี แบรนด์ FitFlop กันมาใช้ทั้งนั้น
ความโด่งดังของแบรนด์จากฝั่งยุโรปประเทศอังกฤษ เริ่มต้นขึ้นหลังจากที่พิธีกรหญิงชื่อดังของโลกอย่าง Oprah Winfrey กล่าวชื่นชมและยกนิ้วให้กับคุณภาพของรองเท้า FitFlop ทำให้ผู้คนที่เป็นแฟนรายการของพิธีกรสาวมากความสามารถพาเหรดกันมาเลือกซื้อรองเท้าไปครอบครอง ทั้ง ๆ ที่ ราคาของรองเท้าแตะแบรนด์ดังแบรนด์นี้จัดว่าสูงมาก ๆ ถ้าเทียบกับรองเท้าแตะแบรนด์อื่น ๆ จุดเด่นที่ชูโรงคุณภาพของ FitFlop ก็คือ แคมเปญการตลาดที่มีชื่อว่า “Get a workout while you walk.” หรือที่ในประเทศไทยเราจะคุ้นหูกันมากกว่าในความหมายที่ว่า “รองเท้าเพื่อขาเรียวสวย” ซึ่งนับว่าเป็นการเปิดการตลาดที่เจาะกลุ่มผู้หญิงรักหุ่น ใส่ใจรูปร่าง แต่ไม่ค่อยจะออกกำลังกายบ่อยนักได้เป็นอย่างดี เพราะประโยชน์ที่ได้รับจากการสวมใส่รองเท้า FitFlop นั้นไม่ธรรมดาค่ะ
Marcia Kilgore (มาร์เซีย คิลกอร์) นักธุรกิจและกูรูเรื่องความงามแห่งประเทศอังกฤษ ผู้คิดค้นและก่อตั้งแบรนด์รองเท้า FitFlop เผยถึงไอเดียสร้างสรรรองเท้าสุขภาพยี่ห้อนี้มาจากความต้องการลดหุ่นหลังคลอดลูกคนแรก ความที่อยากให้รูปร่างเหมือนเดิมทำให้เธอเริ่มหาวิธีและสอบถามคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านโภชนาการ, ด้านศัลยกรรม, ด้านความงาม, ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการสลายไขมัน และ ครูสอนฟิตเนส
แต่แล้ววิธีการไหน ๆ ก็ไม่สามารถแก้โจทย์ของเธอได้ เพราะโจทย์หลักของเธอก็คือ ต้องไม่เสียเวลามาก, ไม่ยุ่งยาก , ไม่เจ็บตัว และที่สำคัญต้องไม่แพงด้วยค่ะ
เธอมีความคิดว่าสิ่งที่เธอค้นหามาตลอดก็คือ “การเดิน” เพราะไม่ว่าอย่างไรเราก็ไม่สามารถเลี่ยงได้อยู่แล้วในชีวิตประจำวันของเราแต่ละวันค่ะ ในช่วงแรก ๆ นั้น มาร์เซียเคยนึกเล่น ๆ ว่า หรือเธอควรจะหาอะไรมาพันไว้ที่รอบขา เพื่อช่วยให้เกิดน้ำหนักถ่วงมากขึ้นจะได้เป็นการออกกำลังที่ดี แต่ถ้าทำแบบนั้น นอกจากเธอจะทำต่อเนื่องได้ไม่นานแล้ว เธอยังอาจจะมีอาการปวดเข่าและปวดหลังเพิ่มขึ้นอีกด้วยค่ะ เธอจึงคิดต่อไปว่า ตัวช่วยที่ดีควรจะมีน้ำหนักเบาอย่างรองเท้าแตะ ซึ่งลักษณะการใช้งานเบา ๆ เหมาะกับการสวมใส่เดินได้ทั้งวัน, ไม่ยุ่งยาก และใคร ๆ ก็สามารถหาซื้อมาเป็นเจ้าของได้ ที่สำคัญรองเท้าแตะจะต้องมีคุณสมบัติช่วยกระชับกล้ามเนื้อได้อีกด้วย เมื่อไอเดียเกิดขึ้นมาแล้ว มาร์เซียก็รีบเดินหน้าปรึกษากับช่างทำรองเท้าและนักออกแบบรองเท้ากว่า 73 คน แต่กลับไม่มีใครเข้าใจแนวคิดของเธอเลยสักคน จนกระทั่งเพื่อนของเธอแนะนำว่า เธอน่าจะลองไปสอบถามกับคณะวิชาชีวกลศาสตร์ของมหาวิทยาลัยในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งแน่นอนว่าที่นี่มีคำตอบที่เธอค้นหาและสามารถทำออกมาจนสำเร็จได้ค่ะ
สินค้าตัวแรกของแบรนด์ดัง FitFlop ก็คือ FitFlop Phenomenon ที่เปิดตัวขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2007 หวังเจาะกลุ่มลูกค้าผู้หญิงที่ไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกาย และต้องการวิธีที่ทันสมัย ใช้เวลาไม่มากก็สามารถคงรูปร่างสวยได้จากการทำกิจวัตรประจำวัน ด้วยการสร้างสมดุลย์ของรองเท้าสุขภาพที่มีดีไซน์เรียบหรูดูดี ทำให้รองเท้าแตะ FitFlop สามารถทำรายได้สูงและประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ในช่วง 2 – 3 ปีแรกของการเปิดตัวออกมานั้น บริษัทวิจัยการตลาด NPD Group ได้เผยผลการสำรวจยอดขายของกลุ่มรองเท้าเพื่อสุขภาพและพบว่ายอดขายโดยรวมเติบโตสูงขึ้นมาก จาก 17 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2008 มาเป็น 145 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2009 นับเป็นบทพิสูจน์ความสำเร็จของ FitFlop อย่างชัดเจนว่าโดนใจผู้บริโภคเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม สินค้าดี คุณภาพเยี่ยม ถ้าขาดกลยุทธ์การตลาดที่สื่อสารให้ผู้บริโภคเกิดการรับรู้ที่ดีต่อแบรนด์ หรือ Brand Awareness นั้นก็ยากที่จะสามารถเพิ่มยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่ามาร์เซียจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับการโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์เลยสักนิด แต่การนำเสนอแบรนด์ผ่านป้ายตามรถประจำทาง, รถบัส, บัตรรถไฟฟ้า, ตู้โทรศัพท์, ป้ายบิลบอร์ดขนาดใหญ่, สื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ และ แน่นอนว่าช่องทางหลักอย่างสื่อ Social Media ต้องไม่พลาดทั้งเฟซบุ๊คและทวิสเตอร์
การผสมผสานช่องทางการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์อย่างสมดุลกลับทำให้แบรนด์ได้รับความสนใจและทำให้ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายจดจำแบรนด์สินค้านี้ได้ในเวลาไม่นานค่ะ กลยุทธ์การตลาดที่น่าสนใจของมาร์เซีย เจ้าของแบรนด์ดัง FitFlop ก็คือ เธอไม่ได้ใช้ช่องทางบนโลกออนไลน์เพื่อนำเสนอสินค้าของแบรนด์เท่านั้น แต่ยังเลือกใช้เป็นประตูสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าของเธออีกด้วย เช่น การเปิดให้ลูกค้าเสนอสีรองเท้าที่เขาชอบ หรือ บอกว่าชอบรูปแบบรองเท้าไหนโดนใจที่สุด
เมื่อรองเท้าแตะสำหรับผู้หญิงติดตลาดแล้ว ในปี 2008 แบรนด์ FitFlop ก็เริ่มผลิตรองเท้าเพื่อสุขภาพสำหรับผู้ชายเพิ่มเข้ามา ซึ่งแน่นอนว่า กลยุทธ์ปากต่อปากผ่านคำแนะนำของฝ่ายหญิงย่อมส่งผลต่อการเลือกซื้อของฝ่ายชายไม่น้อยค่ะ นอกจากนี้ ระหว่างที่หาซื้อรองเท้าให้ลูกชาย มาร์เซียยังพบว่ารองเท้าสำหรับเด็กที่ขายกันในท้องตลาดไม่มีความยืดหยุ่นดีพอ เธอจึงไม่ลังเลที่จะผลิตไลน์สินค้าของ FitFlop ออกมาให้เด็กในปี 2010 ภายใต้วิสัยทัศน์หนึ่งเดียวว่า “FitFlop คือแบรนด์รองเท้าที่ใส่ได้ตลอด 365 วัน” ค่ะ