ไม่ใช่เรื่องที่จะห้ามใจกันได้เลยนะคะ ในเวลาที่คุณผู้หญิงอย่างเราออกไปจับจ่ายข้าวของมาใช้ในบ้านนั่นเอง เพราะอย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ใครจะพลาดกับการใช้จ่ายอย่างกระหน่ำกันใช่มั้ยล่ะคะ เพราะไอ้นั่นก็ดี ไอ้นี่ก็อยากได้ จะเป็นทุกใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียวเมื่อถึงเวลาจ่ายเงิน แต่ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะทางเรามีวิธีในการสยบสิ่งเหล่านั้น ด้วย เทคนิคการเลือกซื้อของ นั่นเอง รับรองได้เลยว่าจะเป็นที่ถูกใจ และเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่มีประโยชน์มาก
1. จดบันทึกทำรายการของที่ต้องซื้อ
การทำรายการของที่ต้องซื้อทำให้คุณรู้ว่าจะวางแผนการเดินทางอย่างไรจึงจะไม่เสียเวลาหรือเสียอารมณ์ ไม่ลืมซื้อของบางอย่างทำให้ต้องย้อนกลับมาอีก จำไว้ว่าการทำรายการของที่ต้องซื้อจะทำให้คุณวางแผนการเดินทางซื้อของได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด การทำรายการของที่ต้องซื้อเป็นขั้นตอนแรกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เด็ดขาด
2. ตั้งงบประมาณในการใช้จ่ายครั้งนี้ไว้ในใจ
นอกจากทำรายการของที่ต้องซื้อแล้ว คุณยังต้องมีราคาของที่ต้องซื้ออยู่ในใจด้วย ถ้าคุณไม่มีราคาของอยู่ในใจ เวลาคุณไปที่ชั้นวางของที่มีของให้เลือกมากมายในราคาที่ต่างกันมาก คุณจะตาลายสับสนจนเลือกไม่ถูกทำให้เสียเวลาและมักจะลงเอยซื้อของที่ราคาแพงกว่าที่ตั้งใจไว้ อย่าจ่ายเกินงบที่ตั้งไว้
3. ทิ้งลูกไว้ที่บ้าน
เด็ก ๆ ชอบออกไปซื้อของกับพ่อแม่เสมอและคาดหวังว่าจะได้ของเล่นหรือของกินติดมือกลับมาด้วยทุกครั้ง โดยเฉพาะในซุปเปอร์มาร์เก็ตที่มีของล่อตาล่อใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นของเล่นราคาแพงที่มีสีสันสวยงาม หรือ ขนมที่อยู่ในห่อสีสวย ๆ เด็ก ๆ จะตื่นเต้นส่งเสียงดังหรือวิ่งไปทั่ว และมักจะหยิบสิ่งของที่ต้องการติดมือมาโดยที่คุณไม่ทันเห็น คุณจะวุ่นวายกับลูกจนไม่มีสมาธิในการเลือกของที่เหมาะกับความต้องการของคุณเอง ดังนั้นทิ้งลูกไว้ที่บ้าน ถ้ากรณีที่มีความจำเป็นต้องพาลูกไปด้วย คุณไม่สามารถทิ้งลูกคุณไว้หน้าร้านเหมือนกับพวกคาวบอยที่ชอบผูกม้าไว้หน้าร้านอย่างในหนังได้ ถ้าคุณต้องพาลูกไปด้วย ควรมีผู้ช่วยที่คุณวางใจได้เช่นคุณพ่อว่าจะช่วยดูแลเด็ก ไม่ให้มารบกวนสมาธิของคุณหรือก่อความรำคาญแก่คนอื่นคุณจะได้เลือกซื้อของได้อย่างสบายใจ หาผู้ช่วยที่ไว้ใจได้ถ้าต้องพาลูกไปด้วย
4. เลือกร้านที่คุ้นเคยคุ้นเคย
ในที่นี้หมายถึงร้านที่คุณรู้ว่าของที่คุณต้องการอยู่ตรงไหน รู้ว่าราคาสมเหตุผลและมีบริการรวดเร็ว คิวไม่ยาว การซื้อของในร้านที่คุ้นเคยจะทำให้คุณประหยัดเวลาที่มีค่าได้มากและได้ของครบในราคาที่คุณพอใจ ร้านที่คุ้นเคยทำให้คุณมีสมาธิระหว่างซื้อของ
5. แบ่งหน้าที่ซื้อของ
บางครอบครัว พ่อกับแม่จะช่วยกันเลือกของอยู่เป็นประจำ ดังนั้นถ้าทั้งพ่อและแม่ต่างแบ่งหน้าที่กันไปซื้อของต่าง ๆ ที่ตกลงกันล่วงหน้าว่าใครจะซื้ออะไรบ้างจะช่วยประหยัดเงินและเวลาได้ดี เพราะทั้งคู่รู้อยู่แล้วว่าที่บ้านใช้ของอะไร ยี่ห้อไหน ราคาเท่าไหร่ เป็นต้น แบ่งหน้าที่ซื้อของช่วยให้ประหยัดเวลาและชีวิตง่ายขึ้น
6. รอบคอบในการเลือกซือของ
ด้วยการชั่งน้ำหนักของและดูให้แน่ใจว่ามีป้ายราคาติดมาด้วยของสดเช่นผักผลไม้ หรือเนื้อสัตว์เป็นสินค้าที่ต้องชั่งน้ำหนักและติดราคาให้แคชเชียร์ทราบเวลาคิดเงิน เมื่อซื้อของพวกนี้ควรชั่งน้ำหนักทันทีและเช็คให้แน่ใจว่ามีป้ายราคาติดมาด้วย คุณคงเคยเห็นบางคนที่เป็นต้นเหตุให้แคชเชียร์คิดเงินไม่ได้ คนอื่นที่รอคิวอยู่ก็รำคาญเพียงเพราะการลืมชั่งน้ำหนักและไม่มีป้ายราคา ถ้าคุณไม่ต้องการให้คนอื่นมองคุณเป็นต้นเหตุที่ไร้สาระอย่างนี้ อย่าลืมชั่งน้ำหนักและติดป้ายราคา
7. รีบซื้อของให้เสร็จเร็ว ๆ
ชีวิตในแต่ละวันของคุณวุ่นวายมากพอแล้ว อย่าเสียเวลาเป็นชั่วโมงในการซื้อของใช้แทนที่จะได้มีเวลาไปทำงานอื่นที่จำเป็นต่อ ดังนั้น ถ้าคุณทำรายการซื้อของและทำตามขั้นตอนข้างต้นมาเป็นลำดับแล้วละก็นับว่าคุณมาถูกทาง รีบซื้อให้เสร็จเร็ว ๆ จะได้รีบไป ยิ่งอยู่นานจะยิ่งทำให้อยากซื้อของไม่จำเป็นเยอะขึ้น
8. ทำอย่างไรที่จะออกมาจากร้านได้เร็วที่สุด
วิธีที่จะทำให้คุณไม่เสียเวลาตอนจ่ายเงินก็คือตรวจดูของในรถเข็นของคุณว่าคุณได้ของที่ต้องการครบ ไม่ใช่บอกสามีให้ไปหยิบของมาเพิ่มตอนที่คิดเงิน เมื่อถึงคิวของคุณ แคชเชียร์ก็จะได้คิดเงินได้เร็ว
9. เคล็ดลับสุดท้ายคือจัดระเบียบของในรถ
การจัดระเบียบของในรถนับว่าเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ถ้าคุณจัดวางข้างของได้ดี เวลายกลงจากรถเข้าบ้านก็ง่ายและประหยัดเวลา เช่น แยกของแห้งและของสดออกจากกัน ถ้าจะมีน้ำไหลหยดย้อยก็จะไม่ทำให้ของแห้งนั้นเปียกแฉะจนเสียของไปด้วย
หากทำตามที่กล่าวมาเชื่อได้เลยว่าจะไม่เกินงบ หรือเกินเป้าที่ตั้งไว้เป็นอันขาด อีกทั้งแม่บ้านที่ทำงานนอกบ้านได้ทำมาแล้ว รับรองได้ว่าการซื้อของใช้เข้าบ้านจะไม่เป็นภาระที่น่าเบื่อหน่ายสำหรับคุณแม่คนเก่งอีกต่อไป