คำว่าเป็นผู้นำนั้น หลายๆคนอาจนึกจะนึกถึงเพียงการเป็นแค่หัวหน้าห้องที่ต้องคอยรับคำสั่งจากคุณครูและคอยสั่งเพื่อนๆในห้อง หรือถ้ามองสูงขึ้นไปอีกก็อาจจะเป็นสิ่งที่เราได้รับการโหวตหรือใครสักคนที่ได้รับการโหวตจากเพื่อนจนมีคะแนนสูงสุดและแต่งตั้งเป็นผู้นำ บางครั้งการโหวตและนำคนที่ได้คะแนนสูงสุดนี้เป็นผู้นำเราอาจจะมองว่าคนที่ได้รับการโหวตแบบนี้นั้นเก่งมากมายและเก่งที่สุดแน่นอน แต่ไม่ใช่ความเป็นผู้นำตามแบบ Jack Ma
การเป็น ผู้นำในแบบของ Jack Ma นั้นไม่จำเป็นต้องเก่งที่สุดในด้านนั้นแต่ ผู้นำนั้นต้องสามารถชักจูงคนอื่นและให้คนที่เก่งเราตัวเองทำงานโดยมีค่าตอบแทนเป็นเงินเดือนตามจำนวนที่ได้ตกลงกันไว้ตามสัญญาว่าจ้างระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง และที่สำคัญนั้น ผู้นำแบบ Jack Ma นั้นไม่ได้มีเพียงคนเดียว แต่ยังมีอีกมากมายที่ประธานบริษัทต่างๆนั้นเลือกที่จะจ้างพนักงานเก่งๆมาทำงานให้กับบริษัทตัวเอง เพื่อที่ประธานบริษัทนั้นจะสามารถทำเงินทำกำไรจากสิ่งต่างๆที่ทำออกขายได้ ซึ่งวิธีการเหล่านี้นั้นไม่ใช่สิ่งที่แปลกอะไรในบริษัท ซึ่ง Jack Ma นั้นได้กล่าวไว้ว่าถึงการเป็นผู้นำไว้ว่า
1. ไม่ควรเปรียบเทียบความสามารถของผู้นำบริษัทกับพนักงานบริษัท
ความสามารถต่างๆนั้น ทั้งสองตำแหน่งล้วนแตกต่างกัน ตำแหน่งผู้นำกับตำแหน่งพนักงาน ไม่ใช่การแบ่งชนชั้นความสามารถแต่เป็นสิ่งที่แตกต่างกันของความถนัดและแตกต่างกันของโอกาส ผู้นำบริษัทบางคนนั้นไม่จำเป็นต้องเก่ง ผู้นำบริษัทเกี่ยวกับกีฬาไม่จำเป็นต้องเก่งกีฬาทุกประเภท ผู้นำบริษัทด้านค้าขายไม่จำเป็นต้องมีฝีมือการค้าขายระดับเซียน ผู้นำบริษัทนั้นไม่ได้ถูกเลือกมาจากการโหวตว่าใครเก่งสุด แต่มาจากการมองเห็นโอกาส โอกาสในการทำธุรกิจต่างๆ โอกาสในการเปิดบริษัท โอกาสในการตั้งองค์กร ส่วนพนักงานคือกลุ่มคนที่มีฝีมือมากพอที่จะช่วยสร้างโอกาสของผู้นำบริษัทนั้นให้เป็นจริง พนักงานหรือคนในองค์กรนั้น ควรทำงานเก่งกว่าเจ้าของบริษัท เพราะพนักงานนั้นเลือกที่จะทำงานเพื่อเงินเสียส่วนใหญ่ ที่ไหนก็ตามที่มีเงินหรือมีค่าตอบแทนที่พึงพอใจ ก็จะเลือกที่จะไปทำงานกับบริษัทนั้น ส่วนผู้นำก็จะเลือกแต่พนักงานเก่งๆในการเข้าทำงาน และที่สำคัญนั้นงานที่ได้จากพนักงานที่มีฝีมือสูง ย่อมสร้างรายได้ได้มากมายมหาศาล นับเป็นความสามารถที่มีแต่ผู้นำนั้นที่จะมี พนักงานบางคนก็มีความสามารถนี้แต่โชคร้ายที่อาจมองไม่เห็นโอกาส
2. ผู้นำต้องมีวิสัยทัศน์ที่มากกว่าพนักงาน
วิสัยทัศน์ของผู้นำนั้น เป็นสิ่งที่ตัดสินความสามารถในการเติบโตของบริษัทเลยก็ว่าได้ ยิ่งผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลย่อมพัฒนาบริษัทของตัวเองได้ไกลได้อย่างมากมาย และที่สำคัญนั้น พนักงานบริษัทหรือพนักงานขององค์กรนั้น เลือกที่จะทำงานให้กับบริษัทที่มีวิสัยทัศน์เลือกทำงานกับองค์กรที่สามารถเติบโตได้ไกล หรือพูดอีกนับหนึ่งคืออยากเป็นส่วนหนึ่งในความเติบโตของบริษัทด้วยกันทั้งนั้น ถ้าบริษัทใดหรือถ้าองค์กรใดนั้นมีวิสัยทัศน์ที่แคบและไม่มีทีท่าว่าจะเติบโตได้ มักไม่เกิดความท้าทายของพนักงานที่ฉลาดต่างๆที่มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลกว่านั้นหมายถึงผู้นำองค์กรนั้นอาจจะหมดความน่าเชื่อถือได้ และพนักงานเหล่านั้นอาจจะลาออกเพื่อหาบริษัทที่ถูกใจ ยิ่งเรามีวิสัยทัศน์กว้างไกลเท่าไหร่ เรายิ่งสามารถรวบรวมคนเก่งๆได้มากขึ้นเท่านั้น เพราะวิสัยทัศน์บางอย่างนั้น อาจจะมีแต่คนเก่งๆเท่านั้นที่เข้าใจ
3. ผู้นำต้องอดทน จูงใจพนักงานและสร้างแรงบรรดาใจให้พนักงานไม่ยอมแพ้สิ่งต่างๆได้
ความอดทนของผู้นำนั้นต้องมากเป็นพิเศษ เพราะผู้นำนั้นต้องคอยแบกรับสิ่งต่างๆไว้และต้องคอยจัดการสิ่งต่างๆให้เป็นในสิ่งที่ควรจะเป็น พนักงานในองค์กรหรือลูกน้องในบริษัทส่วนใหญ่นั้นรู้เพียงว่าทำงาน แต่ผู้นำนั้นจำเป็นต้องรู้ถึงการเติบโตต่างๆ และความกดดันภายนอกต่างๆนี้มักจะถูกนำมาลงไว้ที่ผู้นำ ถ้าผลงานไม่ดีผู้นำก็อาจจะสูญเสียเครดิตได้ แต่ถ้าผลงานดีผู้นำก็จะมีเครดิตที่ดีด้วยเช่นกัน ส่วนปัญหากดดันอื่นๆนั้นก็มีอีกมากมาย มีพนักงานบริษัทจำนวนไม่น้อยที่อยู่ดีๆก็ต้องโดนไล่ออกจากบริษัทด้วยพิษจากปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้ประธานบริษัทนั้นจำเป็นต้องกรองคนออกหรือไล่ออกทั้งหมดแล้วปิดตัวลง ซึ่งประธานบริษัทหรือผู้นำนั้น ประสบปัญหาความกดดันมากกว่าคนธรรมดาทั่วไปมากมายเพราะต้องคอยบริหารสิ่งต่างๆอยู่เสมอ และที่สำคัญในหลายครั้งนั้นผู้นำต่างๆต้องชคลายปัญหาต่างๆโดยที่พนักงานไม่รู้ เราอาจจะสงสัยว่าต้องอดทนไปทำไม แต่ความจริงนั้นมันซับซ้อนมากมาย ผู้นำหรือประธานบริษัทนั้นต้องมีวาทศิลป์หรือศิลปะในการพูดชักจูงและพูดสร้างแรงบรรดาใจ เราเห็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จจำนวนไม่น้อยที่ทุกครั้งมีการให้สัมภาษณ์ถึงความสำเร็จของตัวเอง ผู้ที่ประสบความสำเร็จเหล่านั้นมักพูดได้คมหู ให้ความรู้สึกกินใจจนอยากที่จะไปทำงานด้วย และในหลายครั้งเมื่อเรานำไปเทียบกับบริษัทที่ตัวเองทำอยู่นั้น อาจจะรู้สึกแตกต่างมากมาย คำพูดที่ใช้สร้างแรงบันดาลใจต่างๆนั้น ไม่จำเป็นต้องยาว เพียงแต่สั้นๆแต่ได้ใจความและมีความหมายที่ลึกซึ้ง
จากที่กล่าวมานั้นทำให้เราสามารถรู้หลายสิ่งหลายอย่างกับการเป็นผู้นำและที่สำคัญนั้นการที่เราจะเป็นผู้นำใครสักคนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และการเป็นผู้นำของหมู่คนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายยิ่งกว่า แต่สิ่งต่างๆที่ Jack Ma กล่าวนั้นอาจทำให้ใครหลายๆคนพร้อมที่จะเป็นผู้นำในอนาคตได้อย่างไม่น่าสงสัย