เห็นเพื่อนหลายคนเล่นหุ้นกัน บ้างก็บอกออมเงินด้วยหุ้นกัน .. เราก็อยากทำบ้าง ไปเปิดบัญชีหุ้นแล้ว แต่จะซื้อหุ้นตัวแรกนี้ .. จะเลือกซื้อตอนไหนดี… แล้ว หุ้นขาขึ้น หุ้นขาลง ดูกันยังไง
ก่อนอื่นเราต้องรู้จักเครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์หุ้นกันก่อนว่ามี 2 แบบ คือ
-
อันแรก การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
ซึ่งเป็นเครื่องมือที่จะใช้สำหรับบอกเราว่าหุ้นตัวไหนน่าสนใจ โดยปัจจัยพื้นฐานที่ใช้วิเคราะห์กันก็ได้แก่ กลุ่มธุรกิจของหุ้นนั้นเป็นอย่างไร งบการเงินในแต่รอบดีหรือไม่ อัตราส่วนทางการเงินของบริษัทดีหรือเปล่า หรือจะเป็นเรื่องของภาวะเศรษฐกิจทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ
-
ส่วนอันที่สอง คือ การวิเคาะห์ทางเทคนิค
ที่เราจะใช้จับจังหวะในการลงทุนว่า จะซื้อหรือจะขายหุ้นดี ที่เราจะรู้จักกันดีในรูปแบบของแผนภูมิต่างๆ ได้แก่ แผนภูมิเส้น แผนภูมิแท่ง และแผนภูมิแท่งเทียน โดยแผนภูมิเส้นจะมีเพียงราคาปิดมาทำเป็นกราฟให้เราดูเท่านั้น แต่แผนภูมิแท่งและแผนภูมิแท่งเทียนนั้นจะมีทั้งราคาเปิดและราคาปิด ซึ่งจะทำให้เราเห็นภาพของราคาตลาดและราคาหุ้นมากกว่า เรามาดูตัวอย่างกันสักหน่อยว่า แผนภูมิแท่งและแผนภูมิแท่งเทียนมีหน้าเป็นยังไง
แต่ก่อนที่เราจะไปดูแผนภูมิแต่ละแบบว่าเป็นยังไง เราต้องรู้ก่อนว่าเราจะไปหาเครื่องมือเหล่านี้ได้จากที่ไหน คำตอบก็คือ จากเว็บไซต์ Settrade ได้เลย โดยเข้าไปหาเมนู ข้อมูลการซื้อขาย >> กราฟ ราคาหุ้น ดัชนี แค่นี้เราก็จะได้แผนภูมิต่างๆ ทั้งที่เป็น SET Index และหุ้นรายตัวกันเลย โดยไม่ต้องเสียเงินด้วย ที่นี้เราก็มาดูแผนภูมิแต่ละตัวกันดีกว่า
แผนภูมิแท่ง เป็นแท่งแนวตั้ง มีเส้นขวางทางด้านซ้ายแทนราคาเปิด และเส้นขวางทางด้านขวาแทนราคาปิด จุดสูงสุดของแท่งจะแสดงราคาสูงสุด ส่วนจุดต่ำสุดของแท่งจะแสดงราคาต่ำสุด
แผนภูมิแท่งเทียน (Candlestick Chart) จะประกอบด้วย ราคาเปิด ราคาปิด จุดสูงสุด และจุดต่ำสุดเช่นกัน
เมื่อเราได้แผนภูมิมาแล้ว ต่อไปก็คือ เราจะต้องอ่านแผนภูมิให้เป็นด้วยว่า ช่วงไหนที่ควรจะเข้าไปซื้อ หรือช่วงไหนที่ควรจะขาย ซึ่งนักลงทุนในหุ้นทั้งหลายจะใช้เทคนิคอีกอย่างหนึ่งที่เรียกว่าการดูแนวรับ แนวต้าน และแนวโน้มของหุ้นแต่ละตัว เพื่อดูจังหวะในการซื้อหรือขายหุ้นนั้นเอง
- แนวรับ คือ หุ้นมันกำลังจะขึ้นกลับคืนมา หลังจากที่มีคนขายออกไปมากๆ แล้ว หรือง่ายๆ
- แนวต้าน คือ หุ้นกำลังจะลงแล้ว เพราะมีการซื้อไว้เยอะแล้วก็ถึงเวลาที่จะเอาหุ้นออกมาขายทำกำไรกัน
จากรูปถ้าเราซื้อหุ้นตอนแนวต้าน เราอาจจะต้องเจ็บตัวก็เป็นได้ เพราะเราไปซื้อหุ้นตอนที่ราคามันสูงไปแล้วนั่นเอง แนวรับ-แนวต้านก็หาได้ง่ายมาก จากบทวิเคราะห์ต่างๆ ของโบรกเกอร์ที่เราซื้อขายหุ้นด้วยนั่นเอง หรือจะหาแนวรับ-แนวต้านด้วยตัวเองก็ได้ แค่เราขีดเส้นตรงผ่านจุดต่ำสุดของแท่งสีแดงหรือเส้นสีเขียว ก็จะได้แนวรับ และขีดเส้นตรงผ่านจุดสูงสุดของแท่งสีแดงหรือเส้นสีเขียว ก็จะได้แนวต้าน เราลองมาดูตัวอย่างง่ายๆ จากหุ้น CPF ในรอบ 1 ปี ที่ผ่านมากันดีกว่า
เราจะเห็นว่า เมื่อราคาของหุ้น CPF แตะที่แนวต้านทีไรแนวโน้มของราคาก็จะลงไปเรื่อยๆ จากกราฟเราจะเห็นได้ทั้งหมด 3 ช่วง ซึ่งถ้าหากเราซื้อในช่วงนั้นก็เป็นไปได้ว่าเราจะอาจจะต้องขึ้นไปอยู่บนดอย เพราะถ้าเราดูในช่วงแรกในต้นปีหุ้นมีราคาประมาณ 29 บาท หากซื้อในช่วงนี้เราก็อาจจะต้องจำใจขายแบบขาดทุน หรือยอมถือไปเรื่อยๆ ด้วยความหวังที่ว่าหุ้นมันจะขึ้นมาอีก แต่จากกราฟดูแล้วขึ้นช้ามากๆ
สำหรับแนวรับของ CPF ก็จะมี 3 ช่วงเหมือนกันในรอบปีที่ผ่านมา ซึ่งจะตรงกันข้ามกับแนวต้าน คือ ถ้าเราถือหุ้น CPF อยู่ แล้วเรามาขายในช่วงที่ราคาชนแนวรับ ศัพท์ทางตลาดหุ้นก็จะเรียกว่า ขายหมู เพราะเมื่อเราขายตอนที่ราคาติดที่เส้นแนวรับแล้วนั้น ราคาของหุ้นก็จะค่อยๆ ดีดตัวขึ้นไป ซึ่งจริงๆ แล้วก็เป็นไปตามหลักของดีมานและซัพพลาย คือ ถ้ามีคนขายออกมามากราคาก็จะถูก กลับกันถ้ามีคนต้องการซื้อมากๆ ราคาก็จะแพง
แต่ว่าการดูแนวรับ แนวต้านก็ไม่ใช่เป็นสูตรสำเร็จเสมอไป สิ่งสำคัญคือ เราจะต้องศึกษาหุ้นตัวที่เราต้องการซื้อ ทั้งจากการอ่านงบการเงิน การวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ของบริษัท ให้เพียงพอด้วยก่อนที่จะซื้อหรือขายหุ้นสักตัว เพื่อที่เราจะได้ไม่ขาดทุนจากการลงทุนในหุ้น
อ่านเพิ่มเติม >> มาหัด อ่านงบการเงิน ก่อนไปลงทุนหุ้นกันเถอะ <<