ก่อนจะเล่นหุ้นกันเราควรที่จะต้องมาทำความคุ้นเคยกับกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่นักลงทุนมือใหม่ควรจะต้องรู้กัน ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่ทำการซื้อขายและส่งมอบหุ้น การขึ้นเครื่องหมายแสดงสิทธิประโยชน์ และข้อห้ามต่างๆ ตลอดจนผลกระทบจาก Corporate Action ต่างๆ เพื่อทำให้เราเข้าใจเรื่องการซื้อขายหุ้นในตลาดมากขึ้น เราดูกันว่าเวลาส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นนั้นทำตอนไหน และมีวิธีการจับคู่คำสั่งกันยังไงบ้าง
เริ่มแรกที่วันและเวลาที่เปิดทำการซื้อขายหุ้น
จะเป็นไปตามวันและเวลาทำการของสถาบันการเงิน ซึ่งเราสามารถส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นผ่านบริษัทหลักทรัพย์ได้ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ยกเว้นวันหยุดทำการของสถาบันการเงิน และสามารถส่งได้วันละ 2 ช่วง คือ ช่วงเช้า 10.00-12.30 น. และช่วงบ่าย 14.00-16.30 น. ซึ่งเราสามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้ล่วงหน้าประมาณ 30 นาที ก่อนเวลาทำการจริงได้ทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่าย หรือที่เรียกว่าช่วง Pre-Open โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะนำคำสั่งทั้งหมดมาเรียงลำดับและคำนวณหาราคาเปิด แต่ถ้าเป็นการส่งคำสั่งซื้อขายผ่าน internet นั้นเราสามารถทำได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยคำสั่งที่ส่งเข้ามาในช่วงนอกเวลาทำการนั้น ก็จะถูกนำมาเรียงลำดับในระบบซื้อขายในช่วง Pre-Open ของวันทำการถัดไป
ส่วนการส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นบนกระดานหลัก
แต่ละครั้งนั้น จะต้องระบุจำนวนหุ้นเป็นหน่วยการซื้อขาย (Board Lot) ซึ่ง 1 หน่วยการซื้อขาย = 100 หุ้น รวมทั้งจะต้องเสนอราคาซื้อขายหุ้นให้ถูกต้องตามช่วงราคา (Price Spread) ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดด้วย ทั้งนี้ราคาซื้อขายหุ้นในแต่ละวันสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นสูงสุด (Ceiling) หรือลดลงต่ำสุด (Floor) ได้ไม่เกิน 30% ของราคาปิดในวันทำการก่อนหน้า ยกเว้นหุ้นที่มีการซื้อขายกันในวันแรก หุ้นที่ติดเครื่องหมายต่างๆ หรือหุ้นที่ถูกพักการซื้อขายเป็นระยะเวลานานๆ
จากนั้นคำสั่งซื้อขายหุ้นที่ถูกส่งเข้ามาในระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็จะถูกจับเรียงลำดับและจับคู่การซื้อขายให้โดยอัตโนมัติตามหลัก “ราคาและเวลาที่ดีที่สุด” Automatic Order Matching หรือ AOM ที่จะแบ่งออกเป็น 2 ด้าน คือ ด้านคำสั่งซื้อ (Bid) และด้านคำสั่งขาย (Offer) โดยที่
- คำสั่งซื้อ (Bid) จะเลือกคำสั่งซื้อหุ้นที่มีราคาแพงที่สุดเป็นอันดับแรก แต่ถ้าหากคำสั่งซื้อที่มีราคาแพงสุดมี มากกว่า 1 คำสั่ง ก็จะเลือกคำสั่งซื้อที่ส่งเข้ามาก่อนได้เข้าคิวเป็นลำดับแรก
- คำสั่งขาย (Offer) จะเลือกคำสั่งเสนอขายหุ้นที่ถูกที่สุดให้อยู่ในลำดับแรก และก็จะเหมือนกับตอนส่งคำสั่งซื้อคือ หากมีราคาเสนอขายหุ้นที่ถูกที่สุดมากกว่า 1 คำสั่ง ก็จะเลือกคำสั่งเสนอขายที่ส่งเข้ามาก่อนได้เข้าคิวเป็นลำดับแรกเหมือนกัน
เมื่อคำสั่งซื้อขายหุ้นสามารถจับคู่กันในระบบได้เรียบร้อยแล้ว สำนักหักบัญชีซึ่งเป็นบริษัทในเครือของตลาดหลักทรัพย์ฯ จะแจ้งผลการซื้อขายหุ้นไปให้บริษัทหลักทรัพย์หรือโบรกเกอร์ และจากนั้นโบรกเกอร์ก็จะต้องแจ้งผลให้ลูกค้าทราบด้วยภายในวันที่ทำรายการนั้นเลย หรืออย่างช้าก็ต้องไม่เกินเช้าของวันรุ่งขึ้นก่อนที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเปิดทำการ ซึ่งคำสั่งซื้อขายหุ้นนี้จะเป็นคำสั่งซื้อขายแบบวันต่อวัน คือ ถ้าวันนี้ส่งคำสั่งไปแล้วไม่สามารถจับคู่กันได้คำสั่งซื้อขายหุ้นหล่านั้นก็จะถูกปฏิเสธออกจากระบบ หากต้องการซื้อขายใหม่ก็จะต้องส่งคำสั่งเข้าไปใหม่เท่านั้นเอง
หลังจากนั้นเราก็จะได้รับผลการยืนยันจากโบรกเกอร์เรียบร้อยแล้วคำสั่งซื้อขายหุ้นที่เราส่งเข้าไปนั้น สามารถจับคู่ได้หรือไม่ ถ้าเป็นคำสั่งซื้อขายหุ้นที่สามารถจับคู่ได้ ทางสำนักหักบัญชีจะเป็นผู้ให้บริการดูแลและดำเนินการเรื่องการชำระราคาทั้งเงินค่าซื้อขายหุ้นและค่าธรรมเนียมในการซื้อขายหุ้น โดยจะส่งและรับมอบหุ้นผ่านโบรกเกอร์ที่เราเปิดบัญชีไว้ภายใน 3 วันทำการ นั้นก็หมายความว่าหากคำสั่งซื้อหุ้นของเราจับคู่ได้ เราจะต้องจ่ายเงินค่าหุ้นภายใน 3 วันทำการนับจากวันที่เราทำการซื้อหุ้น และกลับกันถ้าคำสั่งขายหุ้นของเราจับคู่ได้ เราก็จะได้รับเงินค่าหุ้นภายใน 3 วันทำการนับจากวันที่เราทำการขายหุ้นเหมือนกัน
จะซื้อจะขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ก็มีกฎเกณฑ์เล็กๆ น้อยๆ ที่เราต้องรู้ไว้เหมือนกัน เวลาส่งคำสั่งซื้อหุ้นขายหุ้นจะได้ไม่งงกัน