หุ้นเก็งกำไรหรือที่พวกเรารู้จักกันดีในชื่อเล่นที่นิยมเรียกกันอย่างแพร่หลายว่า “หุ้นปั่น” ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าหุ้นประเภทนี้ เป็นหุ้นที่มีผลตอบแทนสูงแต่ความเสี่ยงก็สูงมาก บางวันเทรดหุ้นประเภทนี้สามารถทำกำไรได้มากกว่า 20 เปอร์เซนต์ต่อวันซึ่งนับว่าเยอะมากเลยทีเดียว ยิ่งถ้าเข้าไปเทรดหุ้นเก็งกำไรประเภท “วอแรนต์” (ใบสำคัญแสดงสิทธิ์เพื่อซื้อหุ้นสามัญ) ยิ่งสนุกเข้าไปใหญ่เพราะส่วนใหญ่มีราคาต่ำ ราคาขึ้นลงตามราคาหุ้นแม่ และมีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนสูงมาก
แต่หากเราต้องการที่จะเล่นหุ้นประเภทนี้เราก็ควรมีข้อคิดเพื่อเตือนสติตัวเองเอาไว้ ซึ่งการที่นิยมชมชอบหุ้นเก็งกำไรไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายจากการเทรดหุ้นประเภทนี้มากจนเกินไป เราควรมีข้อคิดเตือนใจประมาณ 4 ข้อดังนี้ครับ
1.นักลงทุนในหุ้นเก็งกำไรต้องมี “สติ”
ในสถานการณ์การเทรดหุ้นปั่นจริงๆแล้วนอกจากนักลงทุนต้องมีสตางค์แล้วยังต้องมี “สติ” เป็นที่ตั้ง ต้องมีความรู้เนื้อรู้ตัว เพราะในเวลาที่ราคาของหุ้นปั่นกำลังสวิงขึ้น–ลงนั้น การที่ราคาหวือหวาเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลทำให้ตัวเลขกำไร/ขาดทุนในพอร์ตเราจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วตามกันไปด้วย บางทีผ่านไปแค่ 2 นาทีจากกำไรหุ้นปั่นตัวนั้นๆหลักหลายหมื่นบาทก็อาจเปลี่ยนแปลงเป็นขาดทุนหลักหลายพันบาทด้วยระยะเวลาอันสั้น ผลก็คือว่าถ้าเราไม่มีสติรู้เนื้อรู้ตัวเราก็อาจเกิดความเครียดหรือถึงขั้นสติหลุดได้ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับหุ้นปั่นตัวนั้นๆ เช่นบางกรณีราคากำลังวิ่งพุ่งขึ้นเป็นจรวดจนแทบจะตั้งฉาก 90 องศาเลยก็ว่าได้ แต่แล้วเจ้าของบริษัทหรือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของหุ้นตัวนั้นๆดันกระหน่ำขายหุ้นออกมาจำนวนมาก หุ้นปั่นตัวนั้นก็สิ้นท่าครับ กองลงไปอยู่ ณ จุดเดิมที่มันขึ้นมา รับรองว่าถ้าไม่ตั้งสตินี่มึนแน่นอนครับ
2.สิ่งเจ้ามือหุ้นปั่นไม่เคยบอกคุณ
เจ้ามือหุ้นปั่นอาจจะเป็นเจ้าของบริษัท นักลงทุนรายใหญ่ห้อง VIP เสี่ยหนุ่มนักธุรกิจ หรือแม้กระทั่งขาโจ๋รับจ้างปั่นหุ้น แต่ไม่ว่าเค้าจะเป็นใครก็ตามสิ่งที่เจ้ามือหุ้นปั่นไม่ค่อยบอกใครก็คือเมื่อหุ้นปั่นสามารถปั่นราคาไปจนถึงเป้าหมายที่เจ้ามือหรือคนปั่นตั้งราคาในใจแล้วมันก็จะลงครับไม่ว่าบริษัทมันจะดีแค่ไหน ตอนมันลงมันจะลงแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย กว่าจะรู้อีกทีกลุ่มคนเหล่านั้นเค้าก็ได้ขายหุ้นออกไปเรียบร้อยแล้วจนหมดสิ้น เนื่องจากราคาทุนของคนปั่นนั้นจะอยู่ต่ำมาก เพราะฉะนั้นไม่ว่าเค้าจะขายที่ราคาเท่าไหร่ก็ตามเค้าก็ยังได้กำไรวันยังค่ำครับ ยกตัวอย่างเช่นปั่นหุ้นราคา 3 บาทไปจนถึง 18 บาท แล้วค่อยๆถยอยขายออกจนหมด เต็มที่ก็ราคาทุนของกลุ่มเจ้ามือก็ 3-4 บาท เพราะฉะนั้นไปขายที่ราคาสูงๆหลังจากปั่นราคาขึ้นไปสูงๆ เค้าจะขายกี่บาทก็ได้ครับ เพราะกำไรได้บานเลยทีเดียว
3.ข่าวที่ออกมาสู่สาธารณะชนให้ระลึกไว้ว่าร้อยละ 80 เป็นเรื่องโกหก
แน่นอนจะปั่นหุ้นให้ขึ้นมันต้องมีข่าวประกอบ เรียกว่าประโคมข่าวน่าจะเหมาะสมกว่าเพราะถ้าจะปั่นให้ขึ้นเจ้ามือหุ้นต้องทำการสร้าง Demand ในหุ้นตัวนั้นๆซึ่งก็หนีไม่พ้นการสร้างข่าวอาจมีทั้งจริงและเท็จปะปนกันไปตามสภาวะตลาดหรือช่วงเวลานั้นๆเช่น ถ้าเป็นช่วงฤดูการประกาศผลประกอบการ ข่าวที่ออกมาก็หนีไม่พ้นเรื่องของงบการเงินที่ได้กำไรมหาศาล หรือได้กำไรจากด้านต่างๆเข้ามาเพิ่มเติมข่าวแบบนี้ถ้าถึงหูนักลงทุนเมื่อไหร่ตาลุกวาวกันแน่นอนครับ หรือแม้กระทั่งกิจการที่กำลังค่อนข้างแย่แต่ไม่รู้จะเล่นข่าวเรื่องอะไรดีก็มักจะมี Story เดิมๆเช่นเรื่องของการจะมีบริษัทพันธมิตรเข้ามาหรือแม้กระทั้งจะมีบริษัทต่างประเทศเข้ามาเทคโอเวอร์กิจการนั้นๆซึ่งจะมีมาจริงหรือไม่นั้นขอแค่ข่าวปล่อยออกไปสู่สาธารณชนคนก็แย่งกันซื้อหุ้นตัวนั้นๆแล้วครับ ไม่ได้ยากเลยช่ายไหม ….แต่ซึ่งที่เรานักลงทุนต้องทราบคือเราต้องรูปกลยุทธ์ของพวกเจ้ามือหุ้นปั่นเพราะถ้าเราไม่ทราบเลยเราก็จะหลงระเริงกับสื่อต่างๆที่ออกข่าวมาซึ่งถามว่าเจ้ามือหุ้นปั่นกับสื่อรู้จักกันไหม บอกได้เลยครับว่าสนิทสนมกันมากมายเลยทีเดียวจนบางทีเป็นเจ้าของสื่อด้วยซ้ำไปซึ่งการเสพสื่อต่างๆนักลงทุนต้องระวังให้ดีครับ เรื่องแบบนี้มีมานานมากแล้วหลายสิบปีและยังคงมีต่อไปเรื่อยๆในอนาคตครับ
4. ต้องคิดแผนฉุกเฉินไว้ล่วงหน้าเสมอ
แผนฉุกเฉินในที่นี้หมายถึงแผนที่จะรับมือถ้าราคาไม่วิ่งขึ้นไปสูงๆอย่างที่เราต้องการแต่กลับลดลงอย่างฮวบฮาบน่าตกใจ สิ่งที่ต้องมีคือเราต้องมีการวางแผนฉุกเฉินก่อนเข้าซื้อหุ้นประเภทนี้ซึ่งก็แน่นอนก็คือการกำหนดจุด Stop Loss ก่อนการเข้าซื้อหุ้นทุกครั้งเนื่องจากถ้าเวลาราคาเกิดลงจริงเราจะได้ไม่ตกใจมีจุดขายหุ้นทิ้งที่เราตั้งไว้ล่วงหน้าครับซึ่ง ณ ปัจจุบันระบบเทรดนั้นสามารถตั้ง Stop Loss ล่วงหน้าแบบ Auto ได้ซึ่งทำให้ชีวิตการเทรดหุ้นปั่นนั้นสบายขึ้นมากเลยทีเดียว
ผู้เขียน:
อาจารย์ ธัญญพัฒน์ ธัญญศิริ
Facebook Fan page: @AjBraveTanjasiri