หลายปีมานี้มีนักเล่นหุ้นหน้าใหม่ก้าวเข้าสู่ตลาดหุ้นเป็นจำนวนมาก เพราะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้ผู้คนสามารถเข้าถึงการลงทุนและสั่งซื้อขายหุ้นได้ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส สามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้เพียงเสี้ยววินาที ผ่านโทรศัพท์มือถือ การเล่นหุ้นมีทั้งได้กำไรและขาดทุน ตามสถิติชี้ว่าคนส่วนใหญ่ขาดทุนจากการเล่นหุ้น คนเก่าพ่ายแพ้ออกไป ก็จะมีคนใหม่เติมเข้ามาเสมอ ดังสุภาษิตที่ว่า ดั่งแมงเม่าบินเข้ากองไฟ สื่อต่างๆมักจะขยายความแต่ด้านดี ด้านที่หลอกล่อให้คนเข้าไปในตลาดหุ้น แต่ด้านร้ายกลับไม่ค่อยมีสื่อใดออกมาเตือน คนเล่นที่กำไร ก็โพสโชว์ในโลกโซเชี่ยล ส่วนคนที่ขาดทุนก็หลบไปเลียแผลอย่างเงียบๆคนเดียว แต่ก็มีนักเล่นหุ้นบางส่วนที่ขาดทุนแล้วขาดทุนอีก แต่ก็ไม่เข็ด ยังคงต่อสู้เพื่อจะเอาชนะตลาดต่อไป จนกระทั่งเกิดความเครียดสะสมและส่งผลร้ายต่อร่างกายในที่สุด โดยขอยกตัวอย่างเรื่องของเฮียกวงดังนี้
เฮียกวงเป็นคนชอบลุ้นชอบเสี่ยง แต่ไม่ถึงกับขั้นเป็นนักพนัน ปีนี้แกอายุก็ 45 ปีแล้ว เฮียกวงเริ่มต้นเล่นหุ้นมาตั้งแต่อายุ 35 ปี ส่วนใหญ่ขาดทุน ยังดีที่แกไม่ได้มีเงินถุงเงินถัง เลยมีเงินมาใส่ในตลาดหุ้นครั้งละไม่มาก เวลาขาดทุนก็เลยไม่ได้มากมายอะไร ดูเหมือนว่าเสียครั้งละนิดหน่อย แต่ต่อเนื่องมาเป็น 10 ปี รวมๆกันก็เป็นก้อนใหญ่ ไม่รู้ว่าเฮียกวงหลงเสน่ห์อะไรในตลาดหุ้นนักหนา ใครหน้าไหนห้ามไม่ให้เล่นก็ไม่ฟัง จนมาถึงช่วงที่เฮียกวงแต่งงาน ตอนอายุ 40 ปี แล้วก็มีลูก เฮียกวงมีภาระเรื่องครอบครัวเพิ่มขึ้นมา การที่จะเล่นหุ้นเป็นอาชีพให้สำเร็จให้ได้เริ่มกดดันตัวเองขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นว่ายิ่งกดดัน เฮียกวงก็ขาดทุนมากกว่ากำไร ยิ่งศึกษายิ่งหลงทาง กลายเป็นคนเครียด ก้าวร้าว ตะคอกใส่ลูกที่ยังแบเบาะอยู่เลย ต่อมาเฮียกวงเริ่มเจ็บคอบ่อยขึ้น ไอเรื้อรัง และท้องไส้ปั่นป่วนอยู่บ่อยๆ แล้วในที่สุดก็ถึงวันที่แกหน้ามืด คล้ายจะเป็นลม ตัวชาไม่มีเรี่ยวแรง หมอตรวจร่างกายพบว่าเกิดจากความเครียดสะสม และเป็นโรคกรดไหลย้อน หมอแนะนำให้ลดทำกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความเครียด เฮียกวงมาถึงจุดที่ต้องตัดสินใจว่าจะเลือกเล่นหรือจะเลิก ใจหนึ่งก็อยากเลิกเพราะเขารู้สึกว่า หุ้นทำให้เขาเกิดความเครียดมากมายจริงๆ แต่เสียดายความรู้ที่สั่งสมมาเกือบ 10 ปี ถ้าพยายามต่ออีกสักปีสองปี เขาอาจประสบความสำเร็จเป็นนักเล่นหุ้นมืออาชีพตามใจฝันก็ได้
เฮียกวงยังคงเล่นหุ้นต่อไป แต่ลดจำนวนเงินในการเล่นน้อยลง เพื่อให้สุขภาพดีขึ้น แต่ไม่เป็นผล ยามใดที่เฮียกวงมีหุ้นอยู่ในพอร์ต จิตใจลึกๆของเขาจะกังวลตลอดเวลา ไม่ว่ายามหลับหรือยามตื่น อาการกรดไหลย้อนไม่ทุเลา ต้องกาแฟ น้ำอัดลม อาหารรสเผ็ด และต้องกินยารักษากระเพาะต่อเนื่องทุกวันๆเป็นเวลากว่า 3 เดือน จนเฮียกวงเริ่มท้อ คิดหางานใหม่ ขืนเล่นหุ้นต่อไป เงินก็ไม่ได้ ร่างกายก็จะต้องแย่แน่ๆ เฮียกวงเลยขายหุ้นทิ้งทั้งหมด ปรากฏว่าอาการที่เกิดจากความเครียด เช่น มึนงง แขนขาไม่ค่อยมีแรงหายไป อารมณ์ดีขึ้น เลี้ยงลูกอย่างมีความสุข ไม่อยู่แต่หน้าคอม ที่สำคัญ แกเลิกกินยาลดกรด และหันมาดื่มกาแฟและน้ำอัดลมตามปกติ น้ำพริกเผ็ดๆก็กินเป็นประจำเหมือนเดิม แต่ไม่มีอาการกำเริบเรื่องกรดไหลย้อน เฮียกวงประหลาดใจมาก เป็นไปได้อย่างไรแค่ขายหุ้นทิ้งทั้งหมดและลืมเรื่องหุ้นไป ร่างกายกลับมาเป็นปกติ ไม่เป็นกรดไหลย้อน พอเห็นร่างกายดีขึ้น แกก็กลับไปเล่นหุ้นใหม่ ก็ได้ๆเสียๆเหมือนเดิม แล้วอาการกรดไหลย้อนและความเครียดก็กลับมาอีกครั้ง เฮียกวงลองเลิกแล้วกลับมาเล่นหุ้น ทำแบบนี้อยู่ 2 – 3 รอบ ก็เป็นเหมือนเดิมทุกครั้ง
แกจึงสรุปว่า ตัวเองคงไม่มีความสามารถด้านนี้เท่าไหร่ คงไม่อาจหาเลี้ยงชีพด้วยการเล่นหุ้น จึงหันไปทำอาชีพอื่น ไปเช่าแผงขายกาแฟโบราณท้ายตลาด ปรากฏว่าสุขภาพจิตดีขึ้นมาก แม้เงินที่ขายได้วันหนึ่งไม่ได้มากมาย แต่ได้กำไรแน่ๆ ก็อาศัยประหยัดหน่อย ไม่ฟุ่มเฟือย ก็พอมีเงินเลี้ยงครอบครัวได้อย่างสบายใจ กินอิ่มนอนหลับ ไม่ต้องกังวลว่า พรุ่งนี้หุ้นจะขึ้นหรือลง เงินในพอร์ตจะหายหรือจะเพิ่ม เมื่อความเครียดไม่มี ร่างกายและจิตใจก็ดีขึ้นเรื่อยๆ โรคกรดไหลย้อนก็หายไป ส่วนหุ้นนั้น นานๆก็กลับไปเล่นสักทีหนึ่งให้หายอยากและหายคิดถึงในสิ่งที่ตัวเองคลุกคลีมานับ 10 ปี แต่เป็นการเล่นที่ต่างออกไป เป็นการเล่นที่ใช้ระบบวามเชื่อและการคาดหวังแบบใหม่ที่ส่งผลต่อจิตใจและความเครียดน้อยมาก การได้เสียแต่ละครั้งแทบจะไม่ส่งผลต่อสภาพจิตใจ หรือถ้าจะกดดันบ้างก็อยู่ในขั้นที่เขารับมือไหว เขาจะไม่ยอมให้ระดับความเครียดและความกดดันมากขึ้นจนถึงขั้นส่งผลเสียต่อร่างกายและจิตใจอีกเด็ดขาด
อ่านเพิ่มเติม : Mental Analysis ที่สุดของการเทรดหุ้นคือการควบคุมสภาวะจิตใจ