นักเล่นหุ้นมือใหม่ หรือคนที่กำลังคิดจะเริ่มเล่นหุ้น อาจไม่เห็นด้วยกับชื่อเรื่องของบทความนี้เท่าไหร่นัก อาจเป็นเพราะยังอยู่ในตลาดหุ้นได้ไม่นานพอ ยังไม่เคยเจอวงจรขาดทุนซ้ำซาก ส่วนคนที่เล่นหุ้นมาได้สักพักแล้วคงรับรู้ได้ การอยู่ในตลาดมานานพอที่ได้พบกับวงจรตลาดหุ้นที่มีขึ้น มีลง มีฟองสบู่ มีวิกฤต และไม่ว่าตลาดหุ้นจะอยู่ในช่วงไหนๆ ตัวเองก็ยังขาดทุนอยู่ร่ำไป เรียกว่า ตอนหุ้นเป็นตลาดกระทิง หุ้นที่ตัวเองซื้อก็ไม่ได้ขึ้นไปเหมือนหุ้นตัวอื่นๆ พอตลาดกลับข้างกลายมาเป็นตลาดหมี หุ้นเราก็ลงไปพร้อมตลาดด้วย เรียกว่าเล่นแบบไหนก็ผิดและขาดทุนตลอด อาจมีได้กำไรบ้าง แต่ได้ไม่เยอะ พอตอนขาดทุน นี่ขาดทุนบานเบอะทุกที เมื่อตกอยู่ในวังวนแบบนี้ ก็ยังพยายามศึกษาหาความรู้ เพื่อให้ตัวเองพัฒนาขึ้น อาจารย์ที่ไหนเก่ง คอร์สที่ไหนดี เป็นต้องเสียเงินเสียทองไปเรียนรู้วิชามา แต่สุดท้ายก็ยังวงเวียนอยู่กับการขาดทุนอยู่ดี คนที่เจอประสบการณ์แบบนี้มีมากมาย
สถิติบ่งชี้ว่า นักลงทุน นักเล่นหุ้น นักเก็งกำไร ส่วนใหญ่จะประสบกับความขาดทุน และจะออกจากตลาดไปภายใน 2 ปี สถิตินี้อ้างอิงได้ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น ไทย จีน ฝรั่ง แขก คนส่วนใหญ่จะขาดทุน หลายๆคนไม่เชื่อว่า ตัวเองจะเป็นหนึ่งในคนเหล่านนั้น เพราะตัวเองเรียนเก่ง หน้าที่การงานดี ทำธุรกิจก็ประสบความสำเร็จ เล่นหุ้นง่ายๆแค่ อ่านงบ วิเคราะห์กราฟ วิเคราะห์ราคา วิเคราะห์พื้นฐานของบริษัท ง่ายๆแค่นี้ สบายมาก ยังไงก็ต้องสำเร็จแน่นอน ถูกต้องแล้วที่นักเล่นหุ้นนั้นจะต้องเป็นคนเก่ง ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และธุรกิจ เพราะถ้าไม่เก่ง ก็คงไม่มีเงินมาเล่นหุ้น และที่จริงไปยิ่งกว่านั้นก็คือ ถ้าไม่เก่ง คงไม่มีปัญญาหาเงินมาเลนหุ้นหลังจากขาดทุนมาแล้ว
สาเหตุของการไม่ประสบความสำเร็จในการเล่นหุ้น หรือเล่นแล้วเสียมากกว่าได้ เล่นไปเล่นมาทุนหายกำไรหด มีด้วยกันหลายสาเหตุ
เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า ตลาดหุ้นเป็นสิ่งที่แปลก ไม่มีสิ่งใดหรือวิธีการใดที่จะทำนายการขึ้นลงของตลาดได้ถูกต้อง 100 % ธรรมชาติของตลาดหุ้นเอื้อให้บุคคลทุกประเภททุกสไตล์เข้ามาลงทุน เล่นเก็งกำไรได้ ตลาดหุ้นจึงเป็นตลาดที่ใหญ่มาก จนยากที่ใครคนใดคนหนึ่งจะทำการวิเคราะห์ได้หมดและถูกต้อง จนคนที่อยู่ในตลาดมานานรู้ดีว่า ตัวเขาเองนั้นไม่สามารถที่จะไปกะเก็ง คาดเดา หรือควบคุมตลาดหุ้นได้ สิ่งที่เขาควบคุมได้อย่างแท้จริงนั้น น่าจะเป็นตัวของเขาเองมากกว่า เช่น ควบคุมตัวเองให้มีวินัยในการตัดขาดทุน ควบคุมตนเองให้รู้จักวางแผนการเล่น ควบคุมตัวเองให้มีการจัดการบริหารความเสี่ยง เป็นต้น กลายเป็นว่า เรื่องหลักของการเล่นหุ้นนั้นควรที่จะเป็นเรื่องของการจัดการตัวเอง จัดการในด้านการเงิน ด้านความคิด และจิตวิทยา มีหนังสือเกี่ยวกับการเล่นหุ้นหลายเล่มเขียนสรุปไปในแนวทางเดียวกันว่า การเล่นหุ้นให้ประสบความสำเร็จขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ 30 % และขึ้นอยู่กับจิตวิทยาและทัศนคติของตัวผู้เล่น 70% เห็นได้ว่า การรู้จักตัวเองเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญมากในการเล่นหุ้น
เมื่อทราบแล้วว่าปัจจัยที่มีผลต่อการเล่นหุ้นแท้จริงแล้วขึ้นอยู่กับปัจจัยภายในตัวตนของผู้เล่นเอง ก็ต้องมาดูว่า ปัจจัยอะไรในตัวเราที่เป็นอุปสรรคขัดขวางไม่ให้เราเล่นหุ้นได้ประสบความสำเร็จ
โดยทั่วไปได้แก่ ความโลภ ความกลัว ความไม่มีวินัย ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ มีความรู้ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในการเล่นหุ้น ฯลฯ ประเด็นทั้งหลายเหล่านี้ มีเขียนอยู่แล้วมากมายในหนังสือ หากศึกษามาอย่างดีก็จะก้าวข้ามไปได้ แต่มีเรื่องหนึ่งที่เป็นต้นตอของปัญหาเกี่ยวกับตัวเอง และคนส่วนใหญ่มองข้ามไปคือ แรงจูงใจที่ทำให้เราเข้ามาในตลาดหุ้น คนส่วนใหญ่เกือบจะทั้งหมดมีความเชื่อว่า ตลาดหุ้นเป็นสถานที่ที่ทำเงินให้ได้อยากมากมายและง่ายดาย ดังคำชวนเชื่อและตัวอย่างของคนที่เคยประสบความสำเร็จ อวดเรื่องราวดั่งเทพนิยาย เราจึงเชื่อว่ามันง่ายแบบนั้นและสักวันเราจะเป็นหนึ่งในผู้ที่ประสบความสำเร็จร่ำรวยล้นฟ้าบ้าง
อ่านเพิ่มเติม : สิ่งที่ยังไม่มีใครบอกคุณเกี่ยวกับ นักเล่นหุ้น
สรุปความได้ว่า คนส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จในตลาดหุ้นเพราะคิดว่าจะมีวิธีทำนายตลาดหุ้นได้ถูกต้องและแม่นยำ ไม่คิดว่าปัจจัยสำคัญของความล้มเหลวคือ ความคาดหวังที่ผิดพลาดของตัวเอง ต่อไปนี้ขอให้เข้าใจเสียใหม่ว่า ไม่มีที่ใดในโลกที่จะทำเงินได้ลำบากยากเย็นเท่าตลาดหุ้นอีกแล้ว เมื่อเราบอกกับตัวเองแบบนี้แล้ว ลองทบทวนดูว่า ยังอยากเข้ามาแล้วหวังรวยง่ายรวยเร็วจากการเล่นหุ้นอยู่อีกหรือเปล่า ถ้าเราเป็นคนที่หลงใหลในเกมการเงินแบบนี้เอามากๆและไม่ได้คิดอยากรวยทางลัด อยากเล่นกับเสน่ห์และความท้าทายอันยากเย็นของมัน ก็ลองดู และขอให้โชคดี แต่หากเชื่อว่าตลาดหุ้นเป็นสถานที่เราจะเข้ามากอบโกยเงินทองได้ง่ายๆและรวยเร็ว ก็ขอให้คนที่คิดแบบนี้ได้รับบทเรียนและเปลี่ยนใจไวๆ เพื่อจะได้ไม่ต้องสูญเสียเงินทองในตลาดหุ้นมากกว่านี้