ตั้งชื่อกระทู้ไว้แบบนี้ถือว่าน่าสนใจมากค่ะ สำหรับเจ้าของกระทู้ที่ใช้ชื่อว่า Chrizano http://pantip.com/topic/35883463 ใครเห็นหัวข้อแบบนี้แล้วล่ะก็ ต้องรีบคลิกเข้าไปอ่านกันแทบไม่ทัน ก็เงิน 2 แสน เป็น 20 ล้าน ในเวลาไม่ถึง 10 ปี เป็นใครก็สนใจอยากจะอ่านทั้งนั้น จริงไหมคะ
เมื่อเข้าไปอ่านรายละเอียดก็แน่นอนว่า การทำเงินให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากมายได้แบบนี้จะเป็นการลงทุนอะไรไปไม่ได้เลยนอกไปจากการลงทุนในหุ้นนั่นเอง เหมือนอย่างที่เดาไว้ในตอนแรกเลยค่ะ ตามไปอ่านประสบการณ์ที่น่าสนใจของคุณ Chrizano กันดีกว่า
ก้าวแรกในตลาดหุ้น
คุณ Chrizano มีอันต้องเข้ามาสัมผัสกับการลงทุนหุ้นเป็นครั้งแรกก็เนื่องจากคุณพ่อที่ล้มป่วยทิ้งพอร์ตหุ้นให้ดูแล และด้วยประสบการณ์ที่เป็นศูนย์ อีกทั้งความกลัวไม่อยากถือหุ้นนานเลยขายทิ้งยกพอร์ต หลังจากนั้นมีโอกาสได้ตามดูหุ้นที่ขายทิ้งไป ก็เห็นว่ามีทั้งตัวที่ราคาร่วงไปเยอะ มีตัวที่ออกจากตลาดไปและก็มีตัวที่ขึ้นไปเยอะเป็นหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ก็มี ก็สงสัยอยู่ว่าทำไมแต่ละตัวถึงได้แตกต่างกันเยอะแบบนี้ ตอนนั้นน้องสาวมาชวนให้ซื้อ CPF บอกว่าจะขึ้น เลยซื้อตามตั้งแต่ 9-10 บาท ผลก็คือขึ้นไปเยอะจริงไม่ถึง 1 ปีขึ้น เป็น 22 บาท ซื้อแบบไม่มีความรู้ กำไรก็ไม่ได้ขาย พอตอนนั้นมีข่าวญี่ปุ่นโดยสึนามิ โบรกเกอร์โทรมาบอกให้รีบขายทิ้ง ก็เลยรีบขายไป เป็นอย่างไรล่ะ ก็ขายหมูน่ะสิ ตั้งแต่นั้นเขาก็ตั้งปณิธานว่าต่อไปถ้าจะซื้อขายหุ้นเขาจะไม่เชื่อใครจะต้องศึกษาเรื่องหุ้นให้ถ่องแท้ด้วยตัวเองให้ได้
หุ้นเปลี่ยนชีวิต
-
JMART
เมื่อตัดสินใจว่าจะต้องหาความรู้ก็ซื้อหนังสือมาอ่าน เล่มแรก ก็คือ “ตีแตก” ของ ดร.นิเวศน์ ทำให้เข้าใจเรื่องราคาหุ้นที่ขึ้นลงมากขึ้น แต่งบการเงินเป็นเรื่องที่เข้าใจยากจริง ๆ ก็อาศัยซื้อหุ้นแบบลอกตามเซียนหุ้น เอา ดร.นิเวศน์ นี่แหละเป็นไอดอลก่อน เริ่มเก็บเงินซื้อหุ้น JMART ตาม ดร.นิเวศน์ ตั้งแต่สมัยเกือบ 3 บาท ซึ่งบริษัทมีการเติบโตแบบก้าวกระโดดและทำกำไรดีมาก ราคาหุ้นขึ้นไปแตะ 100% นึกอยากจะขาย แต่ดีที่จำจากหนังสือที่อ่านได้ว่าตราบใดที่หุ้นยังทำกำไรอยู่ก็ให้ถือไว้ก่อน จนได้เห็นราคาหุ้นขึ้นสูงไปถึง 700-800% แต่ต่อมาพอกำไรของ JMART เริ่มลดลงก็หาข้อมูลพบว่าสาขาที่พม่าไม่ประสบความสำเร็จ ก็ตัดสินใจขายหุ้นออกไป แต่ไม่ได้ขายที่จุดสูงสุด เพราะมัวรักและเสียดายหุ้น ค่อย ๆ ทยอยขายออกไป ถือเป็นจุดที่ต้องแยกทางกันไป
-
CPN
หุ้นตัวที่สองที่ซื้อไล่หลัง JMART ไม่นานก็คือ CPN ซื้อช่วงที่ CTW โดนเผาห้าง แต่ไม่ได้ซื้อตอนต่ำสุด ซื้อตอนที่ราคามันกลับขึ้นมาบ้างแล้ว ตอนนั้นเริ่มศึกษาเรื่องงบ อ่านหนังสือเยอะ ก็ทำให้เข้าใจว่าการที่คนเราตกใจกับข่าวที่เกิดขึ้นก็ทำให้ราคาหุ้นตกลงกว่าที่ควรจะเป็นได้ ก็ตัดสินใจซื้อมาตอนราคา 25 บาท ด้วยความรู้สึกว่าราคานี้มันต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น เมื่อได้ลองอ่านงบด้วย และ CPN ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง เพราะหุ้นวิ่งขึ้นไปจนถึงราคา 80 บาทกว่า แล้วก็แตกพาร์ (ลดมูลค่าหุ้นลง โดยเพิ่มจำนวนหุ้นให้เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ซื้อขายได้ง่ายขึ้น) เท่ากับทุน 13-14 บาท เขาก็ตัดสินใจซื้อเพิ่มเพราะมั่นใจกับหุ้นตัวนี้และก็ถือมาจนถึงทุกวันนี้ไม่ได้ขาย ราคาหุ้นของ CPN ปัจจุบันวิ่งอยู่แถว 54-58 บาท กำไร 269%
-
KTC
เป็นหุ้นที่เขาบอกว่าหลังจากขายทิ้งไปต้องยอมกลับมาซื้อใหม่ในราคาที่แพงกว่าเดิมถึง 300% เขาซื้อ KTC ครั้งแรกมาด้วยราคา 14 บาท ถือว่าติดดอย เพราะหลังจากนั้นหุ้นก็ร่วงลงไป พอหุ้นค่อย ๆ ไต่ขึ้นมาเป็น 16 บาท หลังจากเปลี่ยนผู้บริหารเลยรีบขายทิ้งไป แต่ด้วยนิสัยที่ชอบกลับไปดูหุ้นตัวเดิม ๆ ว่ามันเป็นอย่างไรบ้าง ก็ต้องพบกับความชอกช้ำเมื่อเห็นว่าเราขายหมูตัวเบ้อเร่อไปอีกแล้ว พอ KTC เปลี่ยนผู้บริหารบริษัทก็พลิกกลับมาเติบโตแบบก้าวกระโดด ทำกำไรได้มาก ภายในแค่ 3 ปี ราคาหุ้นวิ่งไปถึง 62 บาท ถือว่าช้ามากแต่เขาก็ตัดสินใจกลับเข้ามาซื้อในราคานี้และก็ตัดสินใจถูกเพราะราคาหุ้นวิ่งไปถึง 130-140 บาท ในปัจจุบันเขาบอกว่า KTC เป็นหุ้นที่ดีที่สุดที่มีอยู่ในมือเลยก็ว่าได้เพราะปันผลก็ดีและราคาเติบโตไปเป็นเท่าตัว
ประสบการณ์ขายขาดทุนครั้งแรก
การขายหุ้นขาดทุนเป็นแสนเป็นครั้งแรกของคุณ Chrizano ถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญที่ทำให้เขาไม่มีวันลืม เพราะทั้งเครียด นอนไม่หลับ จิตตก เสียดายว่าเงินเป็นแสนต้องทำงานตั้งกี่เดือนกว่าจะได้มา การขาดทุนครั้งใหญ่ครั้งนี้เกิดขึ้นจากการซื้อหุ้น IT (IT City) เป็นบริษัทขายคอมพิวเตอร์ ก็ลอก ดร.นิเวศน์ เหมือนเดิม พอเห็นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ก็ซื้อตาม ทั้งที่ไม่รู้หรอกว่าทุนของดร.เขาอยู่ที่ไหน แต่ทุนเราอยู่ที่ 11 บาท ไม่น่าเชื่อว่าเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงเร็วมากจะเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นในพอร์ตเราไปด้วยจาก 11 บาท เหลือ 8-9 บาท มีเทคโนโลยีใหม่ทั้งสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต เข้ามาแทนที่คอมพิวเตอร์ นอนคิดอยู่หลายวัน สุดท้ายตัดสินใจขายทิ้งที่ 8 บาทกว่า ขาดทุนไปเป็นแสน แอบนึกว่าถ้า IT เป็นหุ้นตัวแรกที่เล่น คงตัดสินใจเลิกเล่นหุ้นไปเลยเป็นแน่ หลังจากนั้นพอมาตามดูหุ้นปรากฏว่าค่อย ๆ ร่วงลงไปจริง ๆ จนเหลือแค่ 2 บาทกว่า ถ้าตอนนั้นไม่ขายไปคงจะยิ่งแย่กว่านี้ ก็เรียกว่าดีแล้วที่ขายไปแต่เนิ่น ๆ แล้วก็แอบหันมาคิดถึงที่ วอเรน บัฟเฟตต์ เคยบอกให้หลีกเลี่ยงหุ้นเทคโนโลยีถ้าเราไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าบริษัททำกำไรได้อย่างไร
บทสรุป
การซื้อหุ้นของคุณ Chrizano นั้น เมื่อมีเงินจะทยอยซื้อเพิ่ม เช่น พอได้เงินเดือนมาหรือได้รับโบนัส ก็จะไปซื้อหุ้นเป็นแบบ DCA คือ Dollar Cost Average หุ้นที่ถือในมือแต่ละตัวก็จะเป็นแบบค่าเฉลี่ย ส่วนเงินปันผลที่ได้จากหุ้นและกำไรที่ได้จากการขายหุ้นก็ต้องนำกลับไปลงทุนในหุ้นเพื่อให้เกิดพลังทบต้นให้มากที่สุดด้วย
ข้อคิดที่ได้จากการแชร์ประสบการณ์ของคุณ Chrizano ก็คือ
- ศึกษาก่อนลงทุน ก่อนลงทุนต้องศึกษาหาความรู้ อ่านหนังสือให้มาก ๆ กูรูที่มีแนวคิดเรื่องการลงทุนในหุ้นที่เป็นประสบการณ์ที่มีประโยชน์มาก ก็อย่างเช่น ดร.นิเวศน์, คุณกวี ชูกิจเกษม, วอเรน บัฟเฟตต์, โรเบิร์ต คิโยซากิ, คุณเผ่า ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ฯลฯ ลองหาหนังสือที่คนเก่ง ๆ เขียนมาอ่านเพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์ก่อนก้าวขาเข้าไปในตลาดหุ้น
- ไม่มีสูตรสำเร็จ อย่างบางคนจะหลังไมค์มาเพื่อขอชื่อหุ้นรายตัวเพื่อไปลงทุน การลอกหุ้นจากคนอื่นโดยที่ไม่หาข้อมูลหรือศึกษาให้ลึกซึ้ง ก็จะทำให้เกิดการผิดพลาดจากการลงทุนได้ อย่างหุ้นเปลี่ยนชีวิตของคุณ Chrizano ที่นำมาแชร์ ไม่ว่าจะเป็น JMART, CPN หรือ KTC ถ้าเราลอกเขาโดยเข้าไปซื้อในวันนี้ที่ราคาต้องบอกว่าไปไกลแล้ว เราไม่ซื้อในราคาทุนเดียวกับเจ้าของกระทู้ แล้วเราจะหวังกำไรได้เท่ากับเขาได้อย่างไร จริงไหมคะ
- นำเงินปันผลและกำไรลงทุนต่อ แม้คุณ Chrizano จะไม่ได้บอกรายละเอียดไว้ว่า เงินเริ่มต้น 2 แสนของเขาได้กลายมาเป็น 20 ล้านได้อย่างไร และเงินนั้นรวม ๆ ก็มาจากทั้งผลกำไรจากการลงทุน ทั้งเงินปันผล ทั้งจากการเก็บเงินจากการทำงานเพื่อซื้อทยอยหุ้นเพิ่ม แต่อย่างน้อยเราก็ได้ข้อคิดว่า เงินปันผลและกำไรที่ได้จากการขายหุ้นควรต้องนำไปลงทุนต่อเพื่อให้เกิดผลตอบแทนแบบทบต้น ไม่อย่างนั้นเงิน 2 แสนก็จะไม่มีวันเป็น 20 ล้านได้แน่นอน
- ลงทุนแล้วต้องติดตาม ข้อคิดสำคัญอีกข้อที่ได้จากการอ่านกระทู้นี้ ก็คือ เรื่องของการติดตามการลงทุนในหุ้นที่นักลงทุนควรทำ ไม่ใช่ซื้อทิ้งไว้แล้วก็ทิ้งไปเลย ไม่เคยเหลียวกลับไปดู บางครั้งกว่าจะรู้ว่าควรซื้อหรือควรขายก็ไม่ทันการณ์แล้ว
ไม่มีนะคะ สูตรสำเร็จของความรวยที่ได้มาง่าย ๆ ทุกอย่างต้องลงทุนและลงแรงกันทั้งนั้น และก็ต้องผ่านความล้มเหลวหรือผิดหวังกันมาบ้าง นี่เป็นอีกหนึ่งกระทู้ดี ๆ มีประโยชน์ที่คนมีประสบการณ์ตรงเขามาแชร์ไว้ให้เข้าไปอ่านกันค่ะ