ตอนนี้ถ้าใครสนใจ หรือกำลังศึกษาเรื่องการลงทุนในหุ้น มีคำๆ หนึ่งที่เรามักจะได้ยิน หรือเห็นตามแผงหนังสือบ่อยๆ คือ การลงทุนแบบ VI แล้ว VI ที่เค้าพูดถึงกันอยู่ คือ อะไร หรือคือ ใครกัน … เรามาทำความรู้จักกันดีกว่า
การลงทุนแบบ VI หรือ นักลงทุนแบบ VI มาจากคำว่า Value Investment หรือ Value Investing หรือจะเป็น Value Investor แต่ทั้ง 3 คำนั้นก็มีความหมายเหมือนกันตามตัวอักษรเลยว่า การลงทุนแบบเน้นคุณค่า … และถ้าอธิบายเพิ่มเติม การลงทุนแบบเน้นคุณค่า หรือ เรียกย่อ ย่อ ว่า วีไอ นั่น ในอดีตจะหมายถึง การซื้อหุ้นที่มี “ราคา” ต่ำกว่า “มูลค่า” มาก มาก หรือพูดให้ง่ายก็คือ เน้นการซื้อของถูก แล้วรอเวลาให้ราคาขึ้นสู่มูลค่าที่แท้จริง เพราะจะทำให้คนซื้อได้กำไรจากส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นในจำนวนที่สูงมาก
แต่ปัจจุบันการลงทุนแบบ VI หรือ นักลงทุน VI มีความหมายที่เปลี่ยนไปแล้ว เพราะไม่ได้หมายถึงการซื้อของถูกเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึง การลงทุนในกิจการหรือธุรกิจที่มีคุณภาพ โดยเน้นปัจจัยพื้นฐานเป็นสำคัญ จึงทำให้นักลงทุนต้องเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกิจการที่ต้องการลงทุน นั่นก็คือ นักลงทุนจะต้องศึกษากิจการที่ตัวเองสนใจอยากลงทุนอย่างถ่องแท้ รู้ให้ลึก รู้ให้จริง ในกิจการนั้นๆ
ซึ่งการศึกษากิจการจนทำให้เราเป็นส่วนหนึ่งของกิจการที่เราลงทุน นั่นก็คือ เมื่อเราถูกเพื่อนถามว่าหุ้นที่เราซื้อนั้น ทำอะไร มีรายได้ทั้งปีเท่าไร มีกำไรทั้งปีเท่าไร มีกระแสเงินสดเป็นยังไง รายได้ย้อนหลัง 5 ปี โตขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์ มี Market Cap ประมาณเท่าไร ผู้บริหารของบริษัทเป็นใครบ้าง และที่สำคัญคู่แข่งของกิจการเราเป็นใครบ้าง มีสถานะกับกิจการของเราในระดับไหน ฯลฯ ซึ่งยังมีคำถามอีกมากมายที่เกี่ยวกับหุ้นที่เราซื้อ ถ้าเราตอบได้หมดนั่นแสดงว่าเราเหมือนเป็นผู้บริหารของกิจการนั้น นั้น เลยทีเดียว เพราะความรู้เหล่านั้นจะทำให้เราสามารถเลือกหุ้นที่มีคุณภาพดี และสามารถให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจกับเราได้ และประโยชน์อีกอย่างในการเรียนรู้และติดตามกิจการของหุ้นที่เราลงทุน ก็จะทำให้เราไม่ตื่นตระหนก หรือปรับตัวได้อย่างทันท่วงที และมีสติในการรับมือหรือวางแผนการลงทุน หากกิจการที่เราลงทุนนั้นเกิดเหตุการณ์ผิดปกติขึ้นมา
ดังนั้น สิ่งที่นักลงทุนแบบ VI จะทำอย่างสม่ำเสมอ คือ การติดตามข้อมูลของกิจการที่ลงทุน จากการอ่านงบการเงิน การวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงิน การติดตามข่าวสารของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับกิจการที่เราลงทุน นโยบายของรัฐบาลหรือกฎหมายที่ออกมาแล้วมีผลกระทบกับกิจการของเรา เป็นต้น และสิ่งที่นักลงทุนแบบ VI จะไม่ทำ คือ การนั่งเฝ้าหน้าจอเพื่อดูราคาของหุ้นตลอดเวลา เพราะการกระทำแบบนั้นเราจะเรียกว่านักเก็งกำไรมากกว่า
แต่ที่นักลงทุนแบบ VI จะทำคือ นำข้อมูลพื้นฐานของกิจการที่ได้ทั้งหมดมาวิเคราะห์และดูแนวโน้มของราคา เพื่อหาจังหวะว่าจะซื้อเพิ่มหรือขายออก เพื่อให้ตัวเองได้ผลตอบแทนที่น่าพอใจที่สุด
ที่สำคัญอีกอย่างก็คือ นักลงทุนแบบ VI นั้นจะมีสไตล์เป็นของตัวเอง จะไม่ลงทุนตามที่เค้าบอก จะไม่ลงทุนตามเซียนหุ้น หรือจะไม่ซื้อหุ้นตามคนอื่นที่เห็นว่าซื้อแล้วได้กำไร โดยที่ตัวเองไม่รู้จักกิจการของหุ้นนั้นเลย รวมทั้งไม่ถือหุ้นหลายตัวจนมากเกินไป แต่จะเลือกลงทุนในหุ้นตามกลุ่มอุตสาหกรรม และถือหุ้นตัวหลัก หลัก ของแต่ละอุตสาหกรรมเท่านั้น เพื่อประโยชน์ในการติดตามข้อมูลต่างๆ และสามารถนำมาวิเคราะห์ได้อย่างเต็มที่
สรุปแล้ว นักลงทุน VI จะต้องรู้จริงในกิจการที่จะลงทุนและราคาของหุ้นที่จะซื้อต้องต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง เพื่อทำให้เลือกซื้อหุ้นได้ตามความถนัดและสไตล์ของเราเอง ต้องมั่นติดตามข้อมูลพื้นฐานของกิจการที่ลงทุน เพื่อหาจังหวะในการซื้อเพิ่มหรือขายทิ้ง ไม่ถือหุ้นในแต่ละอุตสาหกรรมจนมากเกินไป ไม่นั่งเฝ้าหน้าจอเพื่อดูราคาหุ้นตลอดเวลา ฯลฯ ซึ่งสิ่งบอกไปนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของ นักลงทุน VI ที่จริง จริงแล้ว การลงทุนแบบ VI นั้นยังมีแนวทางอีกมายมาย ถ้าเราอยากเป็น VI ก็ลองศึกษาหาข้อมูลกันดู เพื่อที่อย่างน้อยเราจะได้ไม่ต้องเป็นนักเก็งกำไรแล้วก็กลายเป็นแมงเม่าในตลาดหุ้นก็เป็นได้