หากเราเป็นคนหนึ่งที่สนใจการลงทุนในหุ้น หรือเริ่มจะลองมาลงทุนในหุ้นดูกับคนอื่นเค้าบ้าง สิ่งสำคัญที่จะทำให้เราเลือกหุ้นได้เป็นอย่างดี ก็คือ การอ่านรายงานประจำปีของบริษัทที่เราต้องการจะไปซื้อหุ้น เพื่อทำให้เราได้เข้าใจถึงลักษณะธุรกิจของบริษัทที่เราเลือก เข้าใจถึงสภาพทางการเงินของบริษัทนั้นๆ เพราะถ้าเหตุผลที่เรามาเล่นหุ้น คือ ต้องการลงทุนในหุ้น ดังนั้นเราต้องศึกษาหุ้นตัวนั้นๆ ให้ดีเพียงพอต่อการนำเงินของเราไปลงทุน
มาเริ่มกันเลยดีกว่าว่างบการเงินของแต่ละบริษัทที่เราสนใจนั้นบอกอะไรแก่เราบ้าง ก่อนอื่นเลยเราต้องรู้ก่อนว่างบการเงินไม่ได้มีเพียงงบดุลและงบกำไรขาดทุนเท่านั้น แต่งบการเงินยังประกอบไปด้วย งบแสดงแหล่งที่มาและใช้ไปของเงินลงทุน ซึ่งแต่เดิมเราจะได้ยินว่างบกระแสเงินสด แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อไปแล้ว
เรามาเริ่มที่ งบดุลกันเลย …
งบดุลจะเป็นรายงานที่แสดงให้เราเห็นถึงทรัพย์สิน หนี้สิน และส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท และเมื่ออ่านงบดุลของบริษัทแล้ว เราจะต้องตอบคำถามอะไรได้บ้างล่ะ
หลังจากที่อ่านงบดุลแล้ว เราจะต้องตอบคำถามจากการอ่านตัวเลขด้านสินทรัพย์ให้ได้ เช่น หากสินทรัพย์ของบริษัทที่เราสนใจโตขึ้นจากปริมาณลูกหนี้ ดูเหมือนน่าจะดีเพราะมีลูกค้ามาก มียอดขายได้มาก แต่การมีลูกหนี้เยอะ โอกาสที่ทำให้บริษัทเก็บเงินไม่ได้ก็มีอยู่เหมือนกัน และถ้าเป็นเช่นนั้นก็อาจทำให้บริษัทขาดสภาพคล่องได้ แต่ถ้าสินทรัพย์ของบริษัทโตขึ้นโดยมีเงินสดหรือเงินฝากธนาคารเพิ่มขึ้น นั่นย่อมเป็นสัญญาณที่ดีว่าบริษัทนี้มีสภาพคล่องพอสมควร และจะต้องดูอีกว่านอกจากเงินสดที่เพิ่มขึ้นแล้ว บริษัทมีการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเพิ่มขึ้นด้วยหรือไม่ ถ้ามีนั่นก็แสดงว่าบริษัทมีการเติบโตขึ้นจากการขยายกิจการ
แล้วทางด้านหนี้สินและทุนในงบดุลล่ะ เมื่ออ่านแล้วเราจะต้องตอบคำถามอะไรได้บ้าง ไม่อยากเลย เมื่อเราอ่านตัวเลขทางด้านหนี้สินและทุน เราจะต้องรู้ให้ได้ว่าขนาดของเงินทุนเติบโตไปพร้อมกับสินทรัพย์หรือไม่ หนี้กับทุนอะไรโตเร็วกว่ากัน หนี้สินหมุนเวียนและหนี้สินระยะยาวมีสัดส่วนเป็นเท่าไรต่อกัน หนี้สินหมุนเวียนที่มีนั้นบริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียนที่ครอบคลุมเพียงพอที่จะชำระหนี้ได้ กำไรสะสมในแต่ละปีเพิ่มขึ้นเป็นอย่างไร
เมื่อเรารู้สินทรัพย์ หนี้สินและทุนของบริษัทแล้ว คราวนี้เรามาดูรายได้และค่าใช้จ่ายของบริษัทจากงบกำไรขาดทุนกัน ….
งบกำไรขาดทุน เป็นรายงานที่แสดงรายได้ ต้นทุน และค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจของบริษัท และทำให้เราเห็นว่าบริษัทมีกำไรหรือขาดทุน โดยเมื่ออ่านงบกำไรขาดทุนแล้ว เราจะต้องตอบคำถามให้ได้ว่า บริษัทมียอดขายเท่าไร โตจากเดิมเท่าไร เชื่อมโยงการเติบโตยอดขายกับสินทรัพย์ ถ้ายอดขายโตเร็วกว่าแสดงว่าบริษัทมีประสิทธิภาพในการใช้สินทรัพย์มาสร้างยอดขายและทำได้ดีขึ้นด้วย เกิดกำไรในทุกขั้นตอนของการดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่กำไรขั้นต้นและกำไรจากการดำเนินงาน รวมทั้งจะต้องมีกำไรเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะนั่นหมายถึงว่าเราจะได้รับเงินปันผลจากบริษัทนั้นๆ ด้วย
สำหรับงบแสดงแหล่งที่มาและใช้ไปของเงินลงทุนนั้น จะช่วยให้เราเข้าใจนิสัยการบริหารงานของบริษัทนั้นเพิ่มมากขึ้นว่าใช้เงินไปถูกประเภทหรือเปล่า โดยสิ่งที่เราจะต้องดูและตอบคำถามให้ได้ คือ แหล่งที่มาของเงินทุนจากการดำเนินงานสามารถจับคู่กับแหล่งที่ใช้ไปของเงินทุนในการดำเนินงานหรือไม่ การลงทุนระยะยาวมีการใช้เงินไปพอดีกับแหล่งที่มาของเงินทุนที่สามารถใช้ระยะยาวใช่หรือไม่ บริษัทมีกำไรมากพอที่จะจ่ายเงินปันผลหรือเปล่า และจะต้องมองให้ออกว่าการเพิ่มหรือลดของหนี้ระยะสั้นและหนี้ระยะยาวนั้น จะกระทบต่อฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงานอย่างไร
หลังจากที่เราดูตัวเลขจากงบต่างๆ ของบริษัทแล้ว เราก็อย่าลืมดูตัวเลขเปรียบเทียบย้อนหลังด้วย เพื่อให้เรามั่นใจในโครงสร้างเงินลงทุนของบริษัท ความสามารถในการทำกำไรเป็นอย่างไร รวมทั้งดูแนวโน้มในการบริหารงาน เพื่อให้รู้จุดเด่น จุดอ่อนของการเติบโตของบริษัท เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งต้องหัดอ่านอัตราส่วนทางการเงินเพิ่มเติม เพื่อให้เราได้เข้าใจการดำเนินธุรกิจของบริษัทให้ลึกซึ้งมากขึ้น
ซึ่งสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นเพียงแนวทางคร่าว คร่าว สำหรับการ อ่านงบการเงิน สำหรับมือใหม่ที่กำลังจะเริ่มลงทุนในหุ้น แต่อย่างที่เคยบอกถ้าจะลงทุนในหุ้นอะไร เราต้องรู้จักหุ้นนั้นให้ดีพอ เพราะฉะนั้นเราจะต้องศึกษาข้อมูลให้จริงจังจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่ง่ายที่สุดและไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เลยก็คือ ข้อมูลจากเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์นั่นเอง มีครบทุกอย่างที่นักลงทุนมือใหม่ควรจะเข้าไปลองค้นหาข้อมูลกันดู …