ในปัจจุบันนั้นการลงทุนในหุ้น เริ่มได้รับความนิยมสูงขึ้น ดูจากตัวเลขนักลงทุนที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆแน่นอนว่าการลงทุนนั้นมีความเสียง มีนักลงทุนหน้าใหม่เข้ามา แต่ก็มีนักลงทุนหน้าเก่าที่หายไปเช่นกันไปถือว่าเป็นวัฏจักรของตลาดหุ้นที่วนเวียนอยู่เช่นนี้ แน่นอนว่านักลงทุนใหม่ๆที่เข้ามาก็มีทั้งไฟและความหวังว่าจะสามารถกอบโกยผลกำไรมหาศาล
แต่หารู้ไม่ว่าการเดินเข้าสู่ตลาดหุ้นไม่ได้ง่ายดายเหมือนกับการเดินซื้อของในห้างสรรพสินค้า ทำให้นักลงทุนหลายรายขาดทุนและออกจากตลาดไป เรามีวิธีคิด และคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้นมาฝากดังนี้
ต้องมีความรู้และความเข้าใจในหุ้นที่จะลงทุน
ถือเป็นสิ่งแรกที่คุณต้องศึกษาหาความรู้และต้องทำการบ้านมาอย่างดี เพราะมันจะเป็นตัวชี้วัดผลกำไรของคุณ ไม่ว่าคุณจะมั่นใจสูงแค่ไหนก็ตามคุณต้องศึกษาปัจจัยรอบข้างของหุ้นตัวนั้นด้วย ตัวอย่างเช่นถ้าคุณจะซื้อหุ้นเกี่ยวกับการสื่อสาร ควรหาความรู้เกี่ยวกับตลาดสื่อสารว่ามีหุ้นตัวไหนบ้าง คู่แข่งทางการตลาดมีอะไรบ้าง ผลกำไรรวมไปถึงเงินปันผล และเงินทุนสำรองของบริษัทนั้นเป็นอย่างไร ยิ่งมองเชิงลึกให้ได้มากเท่าไรก็จะยิ่งเป็นผลดีต่อการลงทุนมากเท่านั้น
มองหา SET
หุ้นในตลาดหลักทรัพย์นั้นมีทั้งหมดหลายร้อยตัว การจะเลือกหุ้นก็ยากแล้ว แน่นอนว่าความเสี่ยงจากการเลือกหุ้นผิดนั้นมีมากกว่าผลกำไร แต่ถึงอย่างนั้นก็มีจุดที่นักลงทุนมือใหม่อาจใช้เป็นแนวทางคือให้มองหา SET 50 หรือ SET 100 เพราะหุ้น SET เป็นหุ้นที่มีสภาพคล่อง SET 50 ก็หมายถึงหุ้น 50 ตัวที่มีการซื้อขาย และมีสภาพคล่อง 50 อันดับแรก
อย่าไปเชื่อนักลงทุนรุ่นเก๋ามากเกินไป
หลายคนมักชอบไปสัมมนาเกี่ยวกับการเงินหรือพวกหุ้นโดยมีนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จต่างๆมาแนะนำและก็ให้เรามองหุ้นตัวนั้นตัวนี้คนส่วนใหญ่เมื่อฟังแล้วก็จะแห่ไปซื้อหุ้นตัวดังกล่าวแน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้มันเป็นกับดักชั้นดีของมือใหม่เลยก็ว่าได้เพราะหุ้นที่เขาเหล่านั้นแนะนำส่วนมากจะเป็นหุ้นที่เจ้าซื้อกักตุนไว้ และอยากจะฟันกำไรขาขึ้น จึงจัดสัมมนาแบบฟรีๆเพื่อเป็นการปล่อยข่าว เมื่อคนแห่เข้าซื้อจนราคาของหุ้นขึ้นในระดับที่พอใจก็จะเทขายเพื่อทำกำไร แน่นอนว่าเมื่อขาใหญ่ขายหุ้นในวอลลุ่มสูงๆ ราคาก็จะตกลง จุดนี้จะทำให้นักลงทุนรายย่อยล้มหายตายจากกันไปไม่น้อยเลยทีเดียว
ไม่ควรโลภมาก
ความโลภถือเป็นจุดสำคัญและอันตรายของนักลงทุนมือใหม่เพราะบ่อยครั้งความโลภก็มักบดบังความคิดและการตัดสินใจ มีหลายคนมากที่สามารถทำกำไรในช่วงขาขึ้นได้ แต่ไม่ยอมขายเพราะกลัวขาดทุนกำไร หากหุ้นขึ้นไปสูงกว่านี้แล้วจะได้เงินน้อยลง จุดนี้แนะนำว่าถ้าเป็นนักลงทุนระยะสั้น เมื่อมีกำไรก็ควรค่อยทยอยขายออก อย่าโลภมากเกินไป เพราะการผันผวนในแต่ละวันมีค่อนข้างมาก และควรใช้หลักการง่ายๆคิดแค่ว่าทำกำไรให้ได้วันละ 1% เพียงแค่นี้คุณก็สามารถรวยได้เพราะวันละ 1% เป็นเวลา 1 ปีคุณก็จะสามารถทำกำไรได้สูงถึง 365% เลยทีเดียว
ไม่ควรลงทุนกับหุ้นเพียงตัวเดียว
ในพอตหุ้นอย่างน้อยๆควรจะมีหุ้นสัก 4-5 ตัวในแต่ละกลุ่มธุรกิจ นั่นก็เพราะว่าการซื้อหุ้นหลายตัวจะเป็นการกระจายความเสี่ยงนั่นเอง ถ้าหุ้นตัวใดตัวหนึ่งตก เราก็อาจจะได้หุ้นตัวอื่นช่วยพยุงราคา และมูลค่ารวมของพอร์ตการลงทุนไวได้
ไม่ใจร้อนและตื่นตูม
ความใจร้อนและตื่นตูมในตลาดหุ้นพบเห็นได้บ่อยๆสำหรับมือใหม่เมื่อใดที่หุ้นที่ถืออยู่แดง หลายคนมักจะใจเสียและพยายามรีบขายเพื่อให้ขาดทุนน้อยที่สุด ซึ่งจริงๆแล้วก่อนการตัดสินใจขายหุ้นควรจะศึกษาให้ดีก่อนว่าหุ้นที่ถืออยู่ราคาลงเพราะอะไร ถ้ามันตกเพราะมีปัจจัยอื่นมากระทบ แต่หากพื้นฐานของบริษัทยังดีอยู่ ก็ไม่ควรรีบขายเพราะเมื่อกระแสหายไป ราคาหุ้นจะกลับมาเคลื่อนไหวที่กรอบราคาเดิม แต่ถ้าราคาหุ้นตกเพราะการบริหารล้มเหลว ประสบภาวะขาดทุนต่อเนื่องจึงสมควรรีบขาย
ทั้งหมดเป็นวิธีการคิดพื้นฐานสำหรับนักลงทุนการเงินใหม่ๆที่ต้องการจะเข้าสู่ตลาดหุ้น ควรต้องเตือนตัวเองไว้อีกอย่างว่าตลาดหุ้นไม่ใช่สนามเด็กเล่น แต่เป็นวัฏจักรแบบปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแรงเท่านั้นจึงจะอยู่รอด และไม่มีนักบุญในตลาดหุ้น มีเพียงแค่นักเก็งกำไรและนักธุรกิจที่หาประโยชน์เข้าตัวเองเท่านั้น